ใบหน้าและแววตาของ “ดร.เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่”หรือ “ดร.แป้ง” ณ วันเวลาที่พูดคุยกับ M-Lite ล้วนเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม และความสุข แม้ว่าเหตุการณ์ที่ภาพคลิปส่วนตัวของเธอจะถูกปล่อยออกมาจากมือดี หลังจากที่เธอได้ก้าวเข้ามาสู่ถนนการเมืองระดับท้องถิ่นแห่งนครเชียงใหม่
“ดร.แป้ง” คือผู้หญิงคนหนึ่งที่ก้าวเข้ามาทำงานทางด้านการเมืองท้องถิ่นของเมืองเชียงใหม่ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เธอเคยได้รับตำแหน่งนายกเทศมนตรีหญิงคนแรกแห่งนครเชียงใหม่ และถูกการโจมตีทางการเมืองโดยการนำเอาภาพส่วนตัวของเธอมาทำลายชื่อเสียงของเธอ การสนทนาในครั้งนี้เธอได้พูดถึงเรื่องราวต่างๆมากมาย และเปิดใจหลังจากที่เธอไม่เคยเปิดใจที่ไหนมาก่อน
1
หากให้มองการเมืองท้องถิ่นในปัจจุบัน เธอบอกว่า การเมืองท้องถิ่นเริ่มมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง ทุกคนต่างเอาจริงเอาจัง เพราะคนเริ่มคาดหวังกันที่ผลงานมากกว่ากลุ่มอำนาจเดิม เห็นได้ชัดจาก การเมืองท้องถิ่นของ กรุงเทพฯ เอง ที่มีการเปลี่ยนแปลง หากไม่มีผลงานที่ชัดเจนอาจจะเกิดการวิพากษ์วิจารณ์และเกิดการเรียกร้องตามมาได้
“เขาพิจารณาตัวคน และผลงาน ที่ออกมาเขาก็อาจจะไม่ได้เลือกเราทั้งหมด แต่เสียงตรงนี้ทำให้เห็นว่าแนวทางการเมือง ของนายกฯ เปลี่ยนไป เมื่อก่อนคนอาจจะมองว่าออกมาลงคะแนนกลุ่มที่ได้รับเลือกเข้ามาก็เป็นคนกลุ่มอำนาจเดิม”
“ตัวแป้งเองได้รับคัดเลือกเข้ามาคิดว่าง่ายแล้ว พอได้มาทำงานจริงๆ ก็คิดว่างานจะง่าย ยิ่งรู้สึกว่ามันยากเข้าไปอีกที่จะยกระดับการเมืองท้องถิ่นขึ้นมา แต่เป็นเรื่องที่ดีที่คนเชียงใหม่เริ่มพิจารณาผู้ที่จะมาทำหน้าที่จากผลงานที่สามารถทำได้จริงมากกว่ากลุ่มอำนาจเดิม อย่างไรก็ตามสิ่งที่แป้งเองก็คิดมาตลอดเวลาในการทำงานนั้นคือ เราจะทำอะไรมันสำคัญ แต่จะทำอย่างไรมันสำคัญกว่า” เธอย้ำถึงความตั้งใจในการทำงานอย่างหนักแน่น
สังเกตได้ว่า “สีเขียว”คือสัญลักษณ์ที่ใช้เป็นสื่อในการหาเสียงของเธอครั้งนี้ เมื่อถามถึงความหมายของมัน เธอให้คำนิยามว่า “สิ่งแวดล้อม” เป็นการมองไปในเรื่องของสิ่งแวดล้อมของเมืองเชียงใหม่ที่จะทำให้นครเชียงใหม่ เป็นเมืองที่คงเสน่ห์ ทันสมัย สวยงาม
“ถ้าพูดถึงเชียงใหม่ก็มักมองเห็นคูเมือง ทัศนียภาพที่สวยงาม แต่เมื่อเวลาผ่านไปภาพลักษณ์ที่สวยงามของเชียงใหม่กลับหายไป ไม่ว่าจะน้ำเน่า การระบายน้ำทิ้งลงสู่แม่น้ำสายหลักของเมือง และทัศนียภาพของเมืองที่เต็มไปด้วยตึก อาคารที่ทันสมัยเต็มไปหมด ซึ่งได้ทำลายเสน่ห์ของเชียงใหม่ให้หายไป เราจึงอยากเห็นเชียงใหม่กลับมาสวยงามอีกครั้ง”
2
อาจจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาของนักการเมืองผู้หญิงไปแล้วหรือไม่ ที่เมื่อลงมาเล่นการเมืองมักพบเจอกับเรื่องราวที่คอยเป็นอุปสรรคเข้ามาขัดขวางและถูกจับตามองอย่างมากทั้งเรื่องการทำงานและเรื่องชีวิตส่วนตัว
ที่ผ่านมาบนถนนสายการเมืองของเธอมักพบเจอกับแรงเสียดทานจากสังคม รอบข้าง และกลุ่มผู้มีอิทธิพลกลุ่มอื่นๆ ที่คอยแต่จะนำเรื่องต่างๆ ผ่านมาให้กลายเป็นวังวนของเกมทางการเมืองซึ่งไม่มีวันสิ้นสุด แม้ว่าเรื่องราวจะเข้ามาซ้ำเติมให้เธอเป็นไปตามเกมที่ฝ่ายตรงข้ามได้วางเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอจะต้องหลงไปกับเกมที่ถูกสร้างขึ้นแต่อย่างใดแต่ในทางกลับกันเรื่องราวเหล่านั้นกลับทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่บนถนนแห่งนี้ได้อย่างแข็งแกร่ง
“เราได้เจอเรื่องนอกตำรา เกมสกปรกมากมายเต็มไปหมด บอกเอาไว้เลยว่าถ้าเป็นเรื่องในตำราเกมการเมืองแป้งเองไม่เคยกลัว แต่อย่างที่ทราบๆ กันมาอยู่แล้ว เราเจอมาหลายเรื่อง ยิ่งกว่าซีรีส์เกาหลี ครั้งแรกเราคิดว่ารับได้แล้ว มาครั้งที่สอง คือคนที่ทำตรงนี้ต้องการให้เราท้อแท้ และต้องการให้เราหยุดจากการเมือง ก็มองเพียงแค่ว่าเรื่องราวต่างๆ ที่พูดกันออกมา บางทีพูดกันแล้วสนุก เราเองไม่สามารถจะมานั่งอธิบายเรื่องราวต่างๆ ให้ทุกคนฟังได้หมดหรอก”
“ถ้าถามว่า เจอแบบนี้แล้วท้อไหม? เราก็เหนื่อยนะ แต่ไม่เคยคิดอยากหนี เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องที่รุนแรงสำหรับเรา แต่เรื่องบางเรื่องในสังคมไทย มันจะมีความแตกต่างระหว่างเกิดกับผู้ชายและเกิดกับผู้หญิง หากมันเกิดกับผู้ชายอาจจะไม่มีอะไรเลย แต่เมื่อมาเกิดกับผู้หญิงมันเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร ตอนแรกอึดอัด คือเราแก้ข่าวไม่ได้ จะให้เรามาออกใบปลิวก็ไม่ได้ ไม่ใช่วิธีที่ต้องมาทำแบบนั้น การพูดแบบนั้น ก็จะอึดอัด เรามาพูดแก้ มันไปไม่ทันข่าวร้าย พออยู่ไปนานๆ เราทำงานได้จริงไม่ได้จริง ก็ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าเราสุจริตจริง ไม่ว่าใครจะทำยังไง เราก็พิสูจน์แล้วว่าเราเป็นแบบไหน
ที่ผ่านมาเจอเรื่องมากมายก็ได้ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงที่คอยเป็นกำลังใจให้อยู่ตลอดเวลา อย่างเรื่องใหญ่ๆ ก็จะคอยให้กำลังใจพอเราผ่านก้าวแรกแล้วก็โอเค ถ้าเขามีมารยาทพอก็จะไม่ทำร้ายเรา เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ทำให้เราเจอมิตรแท้ รู้ว่าใครรักเรา ใครบ้างที่หวังดีกับเรา ก็ต้องใช้เวลา คนใกล้ตัวเมื่อเขาเชื่อในตัวเรา พลังตรงนั้นก็ทำให้คนนอกเห็นว่าเราเป็นยังไง แล้วตรงนั้นก็ทำให้คนที่สับสนก็กลับมาคิดใหม่ ก็ต้องดูสถานการณ์ว่าจะมาไม้ไหน มาในเรื่องที่ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเรื่องที่ก็ต้องแก้กันไป ”
ยิ่งมีกระแสในเรื่องแบบนี้เข้ามามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะทำให้เธอเองพยายามทำงานให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อพิสูจน์ให้คนเชียงใหม่ได้เห็นว่าความตั้งใจนั้นมีมากกว่าเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของนักการเมืองท้องถิ่นหญิงคนหนึ่ง ที่มีความเชื่อว่า “ใครทำดีก็ได้ดี ใครทำอะไรไม่ดีก็ได้ไม่ดีไป”
3
การทำงานของ ดร.แป้ง เป็นเรื่องหนึ่งที่จะต้องทำอย่างจริงจัง และเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา เธอบอกว่าเป็นคนที่ปล่อยวางอะไรไม่ได้ จะต้องเก็บมาคิดอยู่ตลอดเวลา (หัวเราะ) เมื่อไหร่ที่มีงานคิดไม่ออกก็มักจะนำมาคิดต่อ ไม่ว่าจะทั้งที่บ้าน เวลาคุยกับใครอยู่ก็ตาม นั่งทานข้าวอยู่ก็คิ้วขมวดถ้ายังคิดไม่ออก เธอจึงบอกว่าช่วงหลังๆ เริ่มวางงานบ้างแล้ว ให้ทีมเป็นคนช่วยทำบ้าง ได้งานมาก็สั่งงานให้ทีมรับช่วงต่อทันที
“ตอนเข้ามาทำงานสมัยแรกจะเป็นคนเครียดมาก ปล่อยวางไม่ได้ เรื่องงานบางทีถึงกับเอาไปฝันเลยก็มี ยิ่งมีคนบอกว่าเราเป็นเด็ก เป็นผู้หญิงด้วย ก็จะเกร็ง ออกงานบางวันกลับมาอยู่ถึงตี 1 ตี 3 บางวันกลัวมันจะพลาด หลังๆ เริ่มชิน ต้องมาศึกษานานมาก พอเราแบ่งงานประสานงาน ก็เริ่มแบ่งงานให้ดี มันก็ง่าย ไม่ค่อยเครียดเท่าไหร่”
ถ้ามีเวลาว่างจริงๆ เธอมักจะไปออกกำลังกาย แต่ในเมื่อช่วงหลังๆ มาไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเองก็ไม่ค่อยได้ไป “จริงๆ แล้วเราเป็นคนอ้างนะ ว่าไม่มีเวลา แต่เคยได้เข้าพบ พูดคุยกับท่านเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ท่านก็บอกว่ามันเป็นข้ออ้างมากกว่า ซึ่งความจริงจะต้องมีตารางเพื่อออกกำลังกาย อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ต้องบังคับตัวเองให้ได้ ก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น เริ่มอยู่ตัวแต่อาหารที่เราชอบกินก็ยังเป็นพวกหมู เนื้ออยู่ดี เป็นคนไม่ชอบทานผักเลย”
4
นอกจากการออกกำลังกายแล้ว เธอยังหลงใหลในการท่องเที่ยวอย่างมาก หลายคนอาจจะบอกว่าทำงานหนักมาแล้วถึงเวลาพักก็ต้องนอน หรือหาอะไรอร่อยๆ ทาน แต่สำหรับเธอ การได้ไปเที่ยวในสถานที่แปลกๆ เป็นสิ่งที่เธอชอบ ซึ่งการตัดสินใจไปเที่ยวแต่ละครั้ง ไม่ได้ดูที่ว่าที่นั่นจะสวยงามแต่มักจะตัดสินใจไปเพราะวิถีชีวิตของคนที่นั่นมากกว่า
“เพราะมีส่วนในการนำเอามาปรับในเรื่องที่เราทำงานอยู่ คนเรามีความแตกต่าง เมื่อก่อนเราคิดว่าคนจะต้องเป็นแบบนี้นะ แต่พอได้ไปเจออะไรมามากมาย ทำให้เรารู้ว่า คนทุกคนมีเหตุผลของตัวเองในการตัดสินใจ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เหมือนกัน เมื่อก่อนเราเป็นคนคิดอะไรเป็นเหตุเป็นผลมาก คนจะยอมรับคนด้วยเหตุผลที่แตกต่าง”
เมื่อถามถึงมุมมองความรักซึ่งออกตัวว่า มีคนรู้ใจอยู่แล้ว เธอมองว่าความรักเป็นสีรุ้ง (หัวเราะ) เพราะมีหลายอารมณ์ บางอารมณ์ร้อนแรงสีก็จะเป็นโทนร้อน บางครั้งก็เป็นสีโทนเย็น ก็แล้วแต่อารมณ์ ที่เป็นสีรุ้งเพราะมันมีทุกสีรวมกันหมด และทุกสีเป็นสีที่สวยงาม
“จริงๆ สีรุ้งมันก็คือสีขาวที่มาจากแสงแดดนั่นแหละ คือ “ความอบอุ่น” ทุกอารมณ์ให้ความสดใสสวยงามหมด เธอต้องการมีความรักในชีวิต เพราะ “ความรักทำให้อบอุ่น” เธอกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
เรื่องราวอีกมุมหนึ่งของ “ดร. เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่” ซึ่งเป็นช่วงที่เธอกำลังทำงานหนัก เพื่อต้องการเข้าไปมีส่วนในการยกระดับการเมืองท้องถิ่นและพัฒนาเมืองเชียงใหม่ให้เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ ทันสมัยและน่าอยู่ ด้วยความตั้งใจของผู้หญิงคนหนึ่งที่จะสามารถพัฒนาบ้านเกิดของตัวเองได้
*****************************
ภาพโดย : วรวิทย์ พานิชนันท์