“ยูมิมาอยู่เมืองไทยแล้วชอบ และอาจไม่กลับไปที่ญี่ปุ่นอีก ชอบคนไทย นิสัยดี ยิ้มง่าย ซึ่งพ่อแม่ที่อยู่ญี่ปุ่นเขารู้ดีว่าเราตัดสินใจแล้วที่จะมาอยู่ที่นี่”... "ยูมิ คูมิซาว่า" สาวญี่ปุ่นหัวใจไทย วัย 41 ตอบกับ M-open ทันทีหลังจากถามถึงการมาอยู่เมืองไทย 6 ปีแล้วเธอกล้าบอกว่าเธอไม่อยากกลับญี่ปุ่นอีก ทั้งที่แดนอาทิตย์อุทัย คือดินแดนที่หลายๆคนใฝ่ฝันถึง
"ยูมิ คูนิซาว่า" เราอาจไม่คุ้นเคยหน้าตาของเธอเท่าใดนัก แต่สำหรับชาวญี่ปุ่น ที่อยู่ในประเทศไทยอาจคุ้นเคยและคุ้นเสียงของเธอเป็นอย่างดี เพราะเธอคือดีเจสาวแห่งคลื่น เจ แชนเนล FM 93.75 MHz (J channel 24 hours) ที่ต้องบอกว่าวิทยุคลื่นนี้ มีไว้มาครบ 1 ปีแล้ว โดยดีเจร่างเล็ก บอกว่าจุดประสงค์ของคลื่นนี้มีไว้เพื่อให้คนญี่ปุ่นได้ติดตามข่าวสารในประเทศไทย เพราะแต่เดิมเมื่อไม่มีแหล่งข้อมูลที่กระจายข่าวเป็นภาษาของพวกเขา ก็อาจทำให้ไม่ทราบข่าวคราวใดๆ จึงทำให้เธอได้มีโอกาสเข้ามาทำงานดีเจ ควบคู่ไปกับอาชีพเซลส์ขายเครื่องใช้ไฟฟ้าญี่ปุ่นที่ทำอยู่เป็นประจำ
สิ่งที่ “ยูมิ”ต้องเอาติดตัวมาด้วยเสมอแม้รูปร่างจะดูบอบบาง คือกระเป๋าใบโตที่ใส่สิ่งของทุกอย่างที่เธอต้องใช้ในชีวิตประจำวันเดินทางติดตัวไว้เสมอ ทั้งเครื่องสำอาง กล้องถ่ายภาพ และจิปาถะ และที่ขาดไม่ได้คือกล้องดิจิตอล ที่แม้แต่เห็นอาหารไทยบนโต๊ะวางอยู่ เธอจะรีบมาบันทึกภาพไว้ทันที อีกทั้งดิกชันนารีญี่ปุ่นที่เธอไม่ได้เรียนภาษาไทยจริงจัง แต่ระยะเวลา 6 ปีที่อยู่เมืองไทยทำให้เธออ่านภาษาไทยได้บ้าง และพูดไทยได้ดี
“ยูมิค่อยๆหัด แต่ไม่เคยไปเรียนภาษาไทยที่ไหน ภาษาไทยยากค่ะ แต่ว่าอยู่มานานแล้วก็เรียนรู้กันไป พูดเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ก็พยายามเรียนรู้” นั่นคือคำทักทายจากเธอแม้สำเนียงอาจไม่ชัดเท่าคนไทยแต่ความพยายามของเธอเป็นเลิศทีเดียว
ดีเจร่างบาง พูดถึงเมืองไทยในแววตาเปี่ยมสุข เธอเล่าว่าแม้เธอไม่ได้จบการเรียนนิเทศศาสตร์มาแต่ชื่นชอบงานในวงการบันเทิงเป็นที่สุด
“เขารับสมัครเป็นดีเจ ยูมิไม่เคยเป็น แต่ว่าชอบก็เลยมาสมัครดู เป็นดีเจมันสนุก ชอบคุย คุยก่อนแล้วยูมิก็ดูแล้วว่าเขาเปิดวิทยุรายการวิทยุ ยูมิอยากจะเป็นแต่ยูมิจบเทคโนโลยีอาหารที่ญี่ปุ่นนะ (ยิ้ม)”
“ตอนแรกเขาไม่บอกว่ามาทำอะไร ตอนนี้ก็มาจัดรายการ สัมภาษณ์คนออกรายการวิทยุ ทำให้คนญี่ปุ่นฟัง เจ้านายยูมิก็น่ารัก เป็นคนญี่ปุ่นใจดี มีดีเจเยอะ เพราะว่าออกอากาศ 24 ชั่วโมง คือนอกจากว่าคนญี่ปุ่นในนี้จะรู้ข่าวสารในเมืองไทยแล้ว ยังจะได้ทราบวัฒนธรรมญี่ปุ่นด้วยอย่างเรื่องของข่าวสารแต่ก่อนมีสึนามิก็ไม่ได้รู้มากมาย ถ้ามีอันตราย หรือมีอุบัติเหตุ ก็ไม่ค่อยเข้าใจ ไม่รู้จะรู้ได้อย่างไร ก็เลยคิดขึ้นมาว่า ถ้ามีวิทยุ แล้วก็พูดให้ข้อมูลข่าวสารน่าจะดี ตอนนี้มีปัญหาที่ไหนบ้าง มีประโยชน์ อยู่ที่ไหนเขาก็จะรู้”
ถามถึงเหตุการณ์บ้านเมือง ในยุคบ้านเมืองแบ่งสี ยูมิบอกว่าเธอเองต้องแจ้งขอมูลข่าวสารให้คนญี่ปุ่นในไทยได้ทราบเช่นกันว่ามีจุดใดบ้างที่มีผู้ชุมนุมอยู่
“คือเราต้องแจ้งหมดทุกอย่าง ว่าตอนนี้มีใครชุมนุมอยู่ที่ไหนบ้าง แล้วทางรัฐบาลว่าอย่างไร เพราะว่าคนญี่ปุ่นบางทีเขาฟังแล้วเขาไม่เข้าใจ ในข่าวสารเมืองไทยเราต้องเอามาบอกเขาเป็นภาษาญี่ปุ่นอีกทีหนึ่ง ซึ่งทำให้เขารู้มากขึ้นว่าต้องทำอย่างไร เขาทราบค่ะว่าเมืองไทยมีสีอะไรบ้าง (หัวเราะ) เพื่อประโยชน์ในการทำงานด้วย”
และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เธออยากอยู่เมืองไทยไปตลอดชีวิตเมื่อเจอกับงานที่ชอบ และสังคมที่ใช่
“คือไม่กลับไปญี่ปุ่นแน่นอนจะอยู่ที่นี่ พ่อกับแม่ยังแข็งแรงดี เขาก็โอเคที่เราจะอยู่ที่นี่ ยูมิมีน้องสาวเขาแต่งงานมีลูกแล้ว พ่อแม่ไม่เหงาแล้ว ยูมิอยู่สบายเขาก็โอเค เขาเข้าใจว่ายูมิตัดสินใจแล้ว และรู้ว่าถ้าเราตัดสินใจแล้วก็จะทำเลย ถ้าแม่มาห้ามนั่นห้ามนี่ แม่เขาจะรู้ว่ายูมิไม่ฟัง เขาเข้าใจว่าเรานิสัยแบบนี้ ถ้ายูมิมีความสุข พ่อแม่เขาก็มีความสุข"
สาวร่างเล็ก วัย 41 คนนี้ เธอเคยแต่งงานแล้วที่ญี่ปุ่น ใช้ชีวิตครอบครัวกว่า 7 ปีเธอแยกทางกับสามีชาวญี่ปุ่นด้วยเหตุผลที่ว่ามีความคิดต่างกัน
“เมื่อก่อนยูมิแต่งงานกับคนญี่ปุ่น มีปัญหานิดหน่อยก็เลยแยกทางกัน ไม่มีลูกด้วยกัน สบาย จะไปไหนก็ได้ แต่งงานกัน 7 ปี จริงๆแล้วมีความสุขกับชีวิตแต่งงานแค่ปีเดียว ปีหลังๆไม่ค่อยโอเค ความคิดต่างกัน รู้สึกไม่สนุก ไม่สบายใจก็เลยแยกกัน ผู้ชายไทยมีมาจีบ แต่ไม่ชอบ โสดดีกว่าอยู่คนเดียวก็สบายใจนะ บางเวลาอยู่คนเดียวไม่ต้องคิดมาก สบาย ถ้ามีผู้ชาย วันนี้ก็จะโทรมามั้ย วันนี้ไม่ได้ส่งข้อความมา เขาไปไหนนะอะไรแบบนี้น่ะค่ะ ไปกินเหล้าหรือเปล่า ไปกับผู้หญิงคนอื่นมั้ย ไม่มีก็ได้ค่ะ"
สีหน้าแววตาแม้เล่าเรื่องปัญหาหย่าร้าง แต่ไม่ได้ทำให้ยูมิเศร้าแต่อย่างใด กลับยิ่งสนุกสนาน และมองชีวิตแบบเป็นกลาง เธออยู่ในกรุงเทพฯ เพียงคนเดียว ใช้ชีวิตทำงานปกติ และไม่เคยกังวลกับปัญหาที่พบเจอ โดยมีเบิร์ด ธงไชยเป็นอีกหนึ่งความสุขที่ทำให้เธอยิ้มได้ เมื่อได้ยินเสียงของศิลปินที่เธอชี่นชอบ
“ยูมิเป็นคนโอซากา ในญี่ปุ่น คนโอซากาพูดตลก คุยเก่ง เพราะว่าวัฒนธรรมโอซากาคือเป็นคนตลก ถ้าคนไทยก็คือแบบเสนาหอย เป็นคล้ายๆแบบนั้น ไม่เหมือนโตเกียวจะเครียดกว่า เรียบร้อยกว่า มันเหมือนความสนุกตลกอยู่ในสายเลือด ติดอยู่ใน DNA แบบนั้นน่ะ (หัวเราะ) ที่บ้านยูมิคุณพ่อก็ไม่เครียดนะ คือยูมิเป็นคนที่ชอบพูด คิดอะไรก็พูดออกมา จะไม่ค่อยเงียบ ก็จะคุยเยอะ เพื่อจะได้เข้าใจกัน”
สำหรับเพื่อนคนไทยของเธอ เธอบอกว่าส่วนหนึ่งมาจากแฟนคลับของเบิร์ด ธงไชยที่เธอมักไปดูคอนเสิร์ตเป็นประจำและสิ่งที่ทำเป็นประจำคือการนอนพักผ่อน และทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเธอบอกว่าน้ำหนัก 39 กิโลกรัมของเธอนั้นไม่ได้ทำให้เธอป่วยกระเสาะกระแสะ เพราะมีผักและผลไม้เป็นอาหารหลัก
“ยูมิไม่ชอบทานพวกเนื้อหมู ไก่ อยู่แล้ว ก็จะทานพวกอาหารทะเล ปลา อะไรแบบนั้นมากกว่า แล้วก็ผักผลไม้ แล้วก็ออกกำลังกายบ้าง ยูมิเคยหนัก 29 กิโลกรัมด้วยตอนอยู่ญี่ปุ่นผอมมาก เพราะว่าเครียด ก็หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น ซึ่งตอนนี้โอเคแล้ว อยู่เมืองไทยมีความสุขมากจริงๆ”
ในวันที่เธอพูดและใช้ภาษาไทยยังไม่คล่อง แต่กลับร้องเพลงของคนไทยอย่างเบิร์ด ธงไชย ได้อย่างดี เราแอบถามเธอทิ้งท้ายว่า เมืองไทยมีดีตรงไหน? จึงทำให้เธอติดใจ ยูมิบอกว่า การใช้ชีวิตในเมืองหลวง เธอเคยโดนกระชากกระเป๋า เจอคนไม่ดีแต่ไม่เคยเอามาคิดมาก เพราะสิ่งที่เมืองไทยมี คือ “ความสุขใจ” ที่เธอบอกว่า ขอมีชีวิตที่เหลืออยู่ เสพสุขกับเมืองไทยซึ่งแม้ไม่ใช่บ้านเกิด แต่เธอก็รักคนไทยไปแล้ว…
ประวัติ
ชื่อ ยูมิ คูนิซาว่า
อายุ 41 ปี
เกิดที่เมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น
ประสบการณ์การทำงาน
เคยทำงานบริษัทแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น และเข้ามาอยู่เมืองไทยได้ 6 ปี ทำหน้าที่เซลส์ขายอุปกรณ์ไฟฟ้าญี่ปุ่น และอาชีพดีเจที่คลื่น เจ แชนเนล
ภาพโดย โอม ชินทรารักษ์