กระแสเพลงในบ้านเราตอนนี้ต้องบอกว่า ศิลปิน นักร้อง ไม่ว่าจะวงการเพลงไทยสากล หรือลูกทุ่ง ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด แม้การเป็นนักร้องไม่ได้ยากเย็นเหมือนสมัยก่อน แต่สิ่งที่ยากกว่านั้นคือการมีงานดีๆ ไว้ให้คนฟังหรือจำติดหู และพร้อมดาวน์โหลดไว้ฟัง ศิลปินกลุ่มอินดี้ เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องบอกว่า ตลาดของพวกเขาอาจไม่กว้างมาก ในอดีต แต่ในปัจจุบัน ศิลปินที่เราเรียกเขาว่าอินดี้พัฒนาไปไกล และมีความหลากหลาย บางวงงานเทียบชั้นศิลปินรุ่นพี่ค่ายใหญ่ได้แบบไม่น้อยหน้าทีเดียว
โมเดิร์นด็อก,แทททูคัลเลอร์,อพาร์ตเมนต์คุณป้า,จุ๋ย จุ๋ยส์, 25 hours, knock the knock รวมไปถึงอีกมากมายหลายวงที่มีแนวทางดนตรีที่ชัดเจน และน้องใหม่อีกวงอย่าง The Richman Toy แน่นอนว่าบรรดาเด็กแนวหรือผู้ใหญ่ฟังเพลงหลายๆคน น่าจะได้ยินเพลงของเขาแล้ว จากกระเป๋าแบนแฟนยิ้ม ที่ก่อนหน้านี้ติดชาร์ตและมียอดดาวน์โหลดจากหลายเว็บเพลงขึ้นอันดับหนึ่ง ทั้งดนตรี เสื้อผ้า หน้าผม ต้องบอกว่าเขาสามารถนำความเป็นไทยมาทำเป็นร็อกได้อย่างลงตัว โดยไม่ต้องปั้นแต่งให้เหมือนใครให้เป็นเพลงที่ฟังง่ายและจับต้องได้
4 หนุ่ม The Richman Toy ประกอบด้วย แจ๊ป วีรณัฐ ทิพยมณฑล (Vocal & Guitar)กิ๊บ วสุ ปาลิโพธิ (Guitar&Vocal) เช่ ชยัญ พิริโยดม (Bass) และเอี่ยว ปุรวิชญ์ ขาวลออ (Drums)... แจ๊ป นักร้องนำ เล่าถึงชีวิตดนตรีว่าไม่ได้ผ่านเวทีประกวดแบบโชกโชนแต่มีโอกาสเข้าไปอยู่ในค่ายใหญ่ (จีนี่ เร็คคอร์ด เครือแกรมมี่) และเขาภูมิใจที่ได้ทำเพลงง่าย สไตล์ไทยแต่มีเมโลดี้เป็นร็อก
“กระเป๋าแบนแฟนยิ้ม คือซิงเกิ้ลแรกในอัลบั้ม 2 ลำนำ สะดิ้ง เลิฟยู รวมตัวกันมาจริงๆ 7 ปีมาครับ แล้วก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ แจ๊ปกับมือกีต้าร์ คนเก่า สองคนแล้วมีมือกีต้าร์คนปัจจุบัน ได้มือกลอง แต่ละปีก็เปลี่ยนมือกลองไป จากนั้นมือกีต้าร์ออก ตอนนี้มี 4 คน ตอนที่เรียนก็ออกอัลบั้มไปตามเรื่อง 2-3 อัลบั้ม เข้ามาในค่ายก็เข้ามาทำเพลง วงเราไม่เคยไประกวดแต่ว่ารวมๆเพลงออก จนมาค่ายใหญ่ได้ทำเพลง จากนั้นอยากทำอัลบั้มก็มาสมอลรูม”
สำหรับเพลงล่าสุดที่เราเพิ่งได้ยินจากวงของเขาคือ “อ๊อด อ๊อด” เนื้อหาสนุก และตั้งชื่อเพลงนี้เนื่องจากเอามาจากคำฮิตในละครเป็นต่อ พูดถึงเรื่องราวความรักแบบตรงไปตรงมากับสภาพสังคม
“อ๊อด อ๊อด คือเป็นคำที่ชมสาว ในละครเป็นต่อเขาพูดกัน ชมสาวว่าอ๊อดมั้ย คือสถานการณ์รอบตัว อัลบั้มแรกเราออกไปข้างนอก คือแดนสวรรค์คอยอยู่ จะพูดถึงเรื่องราวออกไปข้างนอกเจออะไรบ้างนั่นนี่ มาอัลบั้มนี้พูดถึงสังคมเมือง และความรักมากขึ้น เงินและความรัก"
“เนื้อเพลงมันคือแจ๊ปครับ วางไว้ประมาณนั้น มีพี่อีกคนช่วยตบๆเนื้อให้แข็งแรงขึ้น มันมาจากตัวพวกเราเลย เหมาะกับคาแร็กเตอร์ ไม่ใช่ตลกเสียทีเดียว จะมีความจริงจังแต่รายละเอียดคือมีความขี้เล่นอยู่นิสัยเราอยู่แล้ว คนทั่วไปก็จะได้เมโลดี้ที่ฟังง่าย คนที่ฟังตัวงานก็จะรู้สึกว่ามีรายละเอียดนะ เนื้อหาจับต้องได้ เราต้องการจะสื่อเรื่องไทยๆอยู่แล้ว เนื้อร้อง ทำนองมันจะมีความเป็นไทย แล้วด้วยภาคดนตรีเนี่ยถ้าเราทำออกมาไทยเกินก็จะกลายเป็นร็อกธรรมดา พอเข้ามาในสมอลรูม เจ้าของค่ายเขาก็ช่วยเรื่องนี้ ว่าถ้าเมโลดี้ คำร้องเป็นคำเก่าๆดนตรีประยุกต์ น่าจะลงตัวดีกว่า”
หัวหน้าวง The Richman Toy บอกกับเราว่าหลายคนจะเรียกศิลปินวงเล็กว่าอินดี้ แต่สำหรับเขาแล้วไม่มีคำจำกัดความ แต่ที่แน่ๆคือตั้งใจผลิตเพลงร็อคอีกแบบให้คนได้ฟัง
“อยากให้มีความรู้สึกว่า เพลงเราก็ไม่ใช่เพลงอินดี้เสียทีเดียว อินดี้สมัยนี้มันก็เกือบจะเท่าเมนสตรีมแล้ว เหมือนแทททูคัลเลอร์ แต่ก็พูดยากเพราะคนทั่วไปจะมองว่าถ้าวงที่ไม่ได้อยู่ในค่ายใหญ่ก็ถือว่าเป็นวงอินดี้ จริงแล้วเพลงอินดี้บางเพลงก็ฟังง่ายกว่าเพลงในค่ายใหญ่บางวง สไตล์ของผมคือป็อป ร็อก อีกแบบหนึ่งตอนนี้คิดแค่ว่าจะทำโชว์อย่างไรให้เหมาะกับงานแต่ละงานครับ ส่วนฟีดแบกเพลง ผมถือว่าพอใจมากครับ”
ส่วนเสื้อผ้าหน้าผมที่สีสันฉูดฉาดและ แรง เขาบอกกับเราว่าคือการนำเสื้อผ้าสมัยรุ่นพ่อแม่มาปรับใช้เท่านั้น... “การแต่งตัวดีไซน์เอง เราชัดเจน ชื่ออัลบั้ม ลำนำสะดิ้งเลิฟยู มันคือความรักแบบโจ๊ะโจ๊ะ การแต่งตัวเราก็ใส่เสื้อลายดอก สีฉูดฉาด สูทแดง กางเกงเขียวอะไรว่าไป ในยุคหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่เราแต่งตัว”
ในมุมมองของผู้ใหญ่ผู้เคยเป็นเด็กแนว และนั่งแท่นผู้บริหารค่ายสนามหลวง “เต็ด ยุทธนา บุญอ้อม” บอกกับเราว่ากระแสเพลงที่มีกิมมิกแต่มีการทำดนตรี เรียบเรียงเมโลดี้แบบร็อกนั้น ถือว่าวงจุ๋ย จุ๋ยส์ และ The Richman Toy ทำออกมาได้ดีและมีความเป็นตัวเองที่ไม่ได้แสร้งตลก
“เพลงพวกนี้มันไม่น่าจะแยกหมวดได้นะครับ เพราะว่าจริงๆก็มีแนวทางของเขาเอง รวมๆแล้วมันยังอยู่ในเพลงป๊อปนี่แหละครับ แต่ว่าคือมันก็คือเป็นธรรมชาติของมัน คำว่าป๊อบมันขยายขอบเขตกว้างไปเรื่อยๆ เมื่อไหร่ก็ตามที่เอาความแปลก และแตกต่างนั้นมาทำให้มันลงตัว ได้ มันทำให้คนยอมรับได้ ก็ขยายคำว่าป็อปไปเรื่อยๆ มันเหมือนกับแต่ก่อน ที่เราเพิ่งเริ่มมีโจอี้ บอยใหม่ๆ ครั้งแรกเราก็รู้สึกแปลก แต่ปัจจุบันฮิปฮอปก็ดูปกติ ความจริงแล้วต้องชื่นชมผู้ที่เกี่ยวข้องกับ The Richman Toy และจุ๋ย จุ๋ยส์ ที่กล้านำเสนอสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาแล้วลงตัว ทำให้คนที่ไม่รู้จักมาก่อน ฟังแล้วรู้สึกว่าอยากติดตาม รวมไปถึงสื่อด้วยที่เผยแพร่เพลงแนวนี้มากขึ้น โดยไม่ติดกรอบ”
แม้ว่าอายุเพลงที่มีกิมมิก (Gimmick) สอดแทรกความตลกจะมีอายุไม่นานนัก แต่ “ป๋าเต็ด” เชื่อว่าความสามารถของศิลปินแนวนี้เอาตัวรอดได้แน่นอน
“ธรรมชาติเพลงที่มันมีกิมมิก มันอยู่ได้ไม่นานอยู่แล้ว ไม่เหมือนเพลงที่ซาบซึ้งกินใจ เหมือนเราไปร้องเพลงตามคาราโอเกะน่ะครับ มันจะเกี่ยวข้องกับอะไรหลายอย่าง แต่ก่อนก็จะมีเพลงของคาราบาว เช่นราชาเงินผ่อน ซึ่งพอถึงวันหนึ่งวันนั้นสิ่งที่คาราบาวทำคือเอาภาษาของลูกทุ่งมาใช้ในเพลง แล้วก็มาเกิดเป็นความแปลกใหม่ ก็ไม่ใช่ว่าคนจะเลียนแบบคาราบาวได้ พอมาถึงวันหนึ่งหลังจากที่ทุกสิ่งทุกอย่างกลับสู่สภาพเดิม ก็เอาเพลงที่ควรจะอยู่ในเพลงลูกทุ่งมาใส่ใหม่ในร็อกทันสมัย มันก็คือเพลงแปลกใหม่ มีความลงตัวในแบบที่เขาทำ ไม่ใช่พยายามตลก ทั้งสองวงเป็นแบบนั้นจริงๆ ซึ่งหลังจากนี้เขาก็จะมีแนวเป็นของตัวเองต่อไปที่มากกว่าเพลงกิมมิก ซึ่งตัวผมเองผมมองว่าอย่าง The Richman Toy เขาก็ชัดเจนนะ ไปได้ดีทีเดียว”