xs
xsm
sm
md
lg

"ทำบุญแทนผู้ให้ร่างกาย"...วันแม่ของ "ปาน ธนพร"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ครอบครัว ปาน ธนพร
"...ตอนนั้นที่เห็นแม่ให้อาการทางสายยางนี่ งงนะ ตกใจ รับไม่ได้ มันรู้สึกว่าแม่เราเป็นหนักขนาดนี้เลยเหรอ ครั้งที่แล้วมันยังไม่เป็นแบบนี้เลย พี่น้อง 5 คนไปอยู่หลังห้องร้องไห้กันไม่รู้จะทำอย่างไร แม่เราเป็นหนักขนาดนี้เลยเหรอ แต่ตอนนี้แม่โอเคแล้วแค่กลืนเข้าได้ลูกทุกคนก็ดีใจมากแล้ว..." ปาน ธนพร นักร้องดังค่ายอาร์เอส จำกัด (มหาชน) และลูกสาวคนสุดท้อง ของตระกูลแวกประยูร เอ่ยถึงแม่ หลังจากที่เรานัดคุยเรื่องราววันแม่ของเธอ

ปานเล่าว่าแม่มีอาการป่วยตั้งแต่ปี 2545 ยาวจนถึงปัจจุบัน อาการลามตั้งแต่เบาหวานความดัน และมีอาการทางสมอง จนลามไปถึงเส้นเลือดตีบถึงสองครั้งจนทำให้แม่ถึงกับพูดไมได้ แต่ทางครอบครัวดูแลจนอาการที่เคยหนัก กลับมาดีขึ้น และปัจจุบันปานบอกกับเราว่า ครอบครัวดูแลแม่เสมือนแม่ไม่เคยป่วย

"แม่ก็ทรงๆค่ะ เราพอใจที่เขาโอเคแล้ว แม่ป่วยมาตั้งแต่ ปี 2545 แล้ว เป็นเรื่องของสมอง แต่เริ่มมาจากเส้นเลือดตีบ ซึ่งมันมาจากเบาหวานก่อน ความดัน ตามลำดับสถานการณ์มันแย่ลงตั้งแต่ 2548 พูดไม่ได้ แม่เราพูดไม่ได้แล้วเหรอ ตกใจพอสมควร ตอนนั้นอยู่โรงพยาบาลทำทุกวิธีที่จะทำได้ ที่ไหนดี เก่งเจ๋งไปมาหมด สุดท้ายแล้วเราหาข้อมูลจากหมอที่สนิทกัน หมอเฉพาะทางก็ดีที่ปรึกษาอยู่ มันก็ได้คำตอบเดียวกัน ที่รักษาอยู่นี่คือดีที่สุดแล้ว ตอนนี้แม่สื่อสารเข้าใจทุกอย่าง พูดได้เป็นคำๆ ไม่ชัดมาก ใช้วิธีการยกนิ้ว แต่ทุกอย่างคือรู้หมด ความมหัศจรรย์มันเกิดขึ้นที่วันหนึ่งแม่ก็เคี้ยวได้ กลืนเป็นเสียอย่างนั้น เราเลยเปลี่ยนเรื่องอาหาร สิ่งที่ชอบก็จะไม่ได้ทานมาก ก็บางอย่างจำกัด ตอนที่แม่กินข้าวได้เองพี่สาวแมสเสจมา ปานแม่กินข้าวได้แล้วนะ เราก็แบบจริงเหรอ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง"

ในช่วงที่แม่ป่วย ปานเล่าว่าวิธีหนึ่งของเธอ คือให้แม่คือศูนย์รวมการมาพบเจอของทุกคน โดยการพาหลานๆมาทำให้แม่หัวเราะ และสนุกสนาน

"เราพยายามทำให้มันตึงเครียดน้อยลง ปฏิบัติกับเขาแบบเขาไม่ได้เป็นอะไร เคยเล่นกันอย่างไรก็เล่นกันอย่างนั้น พาหลานๆมาเล่นให้เสียงดัง โวยวายเข้าไว้ ให้เขาเกิดความรำคาญหงุดหงิดบ้าง เวลาไปบ้านกันแบบนี้ ก็เอาเขาขึ้นรถเข็น ก็คุยกับเขาปกติ เขาจะหัวเราะเวลาเราคุยอะไรกัน เราจะไม่ทำให้เขารู้สึกว่าเขาป่วย"

พอถามถึงการเลี้ยงดูลูกสาว 5 คนของแม่ ปานเล่าว่า สิ่งที่แม่สอนตลอดเวลาคือการสอนให้ลูกอยู่กับความจริง และแม่ว่าตนจะเป็นลูกสาวคนเล็กแต่ไม่เคยได้รับการตามใจแต่อย่างใด

"บ้านเราไม่กอดไม่หอม เป็นบ้านที่แสดงว่าความห่วงใยมากกว่า ไม่ได้สัมผัส สิ่งที่เราเป็นมากๆคือพี่น้องเรากลมเกลียวกันมากๆ นั่นคือทำให้พ่อแม่รู้สึกดี การเลี้ยงลูกสาว 5 คน แต่ก่อนคงเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มากๆ พ่อทำงานต่างจังหวัด แม่แทบจะเลี้ยงคนเดียวก็ว่าได้ เพราะต้องมีทั้งความเป็นพ่อและแม่ ก็อาจจะมีดุบ้าง แต่แม่ไม่ใช่คนอ่อนหวาน แม่ต้องเลี้ยงลูกแบบช่วยเหลือตัวเองให้ได้ ประเภทแบบว่าให้คนอื่นรักลูกเราด้วยไม่ใช่รักคนเดียว สอนลูกให้รักคนอื่น ตรงเวลา ให้เคารพคนอื่น เคารพเวลาของคนอื่น นัด10โมง เราต้องไปก่อนเวลาไม่ใช่ให้คนอื่นมารอ เราไปรอดีกว่าเขารอ ก็ดีเทลแบบนี้เขาจะบอก จำได้ว่าแม่ไม่เคยหิ้วกระเป๋านักเรียนให้เลย หนักอย่างไรก็หิ้วเอง ป.1-ป.2 ซักผ้ารีดผ้าเอง จะมาให้พี่สาวทำได้อย่างไร ทุกอย่างต้องทำเอง ต้องทำให้ได้ แม่จะไม่มีคำว่าสปอยล์"

สำหรับครอบครัวแวกประยูร ปานบอกว่า เธอโดนเลี้ยงมาแบบ ส.บ.ม. (สบายมาก)
"เราถูกเลี้ยงให้ช่วยเหลือตัวเองเลยมีความเชื่อมั่นอะไรบางอย่างที่บ้าๆบอๆ เหมือนว่าดื้อรั้น แต่แม่จะรู้นิสัยว่าเราไม่ได้ดื้อนะ แค่เป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง สอนให้เราอยู่บนความจริงและโลกปัจจุบันให้ได้ ให้เข้าใจโลก และเลี้ยงแบบปล่อยทำอะไรได้แบบสบายมาก สบายมากนี่คือให้ช่วยเหลือตัวเองนะคะ กินก็กินแบบไม่ต้องห่วงหุ่น (ยิ้ม)"

"ทุกคนใกล้ชิดแม่หมด เราอยู่กันหมด 8 คน ตอนสมัยย่ายังอยู่ พ่อเป็นหัวหน้ากรมพัสดุ กรมธนารักษ์ ไปๆมาๆอยู่ต่างจังหวัด ก็จะอยู่กันลำพังหญิงล้วน ทุกคนสนิทกันหมด เสาร์อาทิตย์พ่อกลับมาเราจะต้องไปดูหนังกัน เราต้องไปทำบุญกันไปวัดระฆังบ้าง วัดปากน้ำบ้าง ดูหนัง กินข้าว นี่ทำกันเสมอ จนแม่ป่วยก็ทำน้อยลงเพราะว่าไปไหนลำบากเมื่อก่อนเราจะกลับไปอยู่กับแม่ทุกเสาร์อาทิตย์ แต่เดี๋ยวนี้มันยาก ปานจะเป็นคนเดียวที่เวลาไม่เสถียร พี่น้องไม่ค่อยได้เจอ ใช้โทรคุยกันบ้าง"

พอถามถึงวันแม่ในปีนี้ หรือปีที่ผ่านๆมา ปานบอกกับเราว่า ทุกคนอาจไปทำบุญแทนแม่ และหลังจากนั้นคงกลับมาไหว้แม่ที่บ้านด้วยมาลัยสวยๆเหมือนเช่นทุกปี

"เทศกาลทีทำตลอด ปีใหม่ สงกรานต์วันแม่ วันพ่อ วันเกิด ทุกครั้งก็จะเข้าไปหากัน อย่างปานก็จะต้องไปซื้อพวงมาลัยที่สวยที่สุด เข้าไปกราบเท้ากันทุกครั้ง เราทำแบบนี้กันมานานมากแล้ว สงกรานต์ก็กราบเท้ารดน้ำ เราเชื่อว่าพรของพ่อแม่ดีที่สุด ไปทำบุญแทนแม่ได้ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร บางคนบอกทำบุญแทนกันไม่ได้ คิดแบบนั้นมันก็สุดโต่งไป ในความรู้สึกเรา มันทำแทนไม่ได้ได้อย่างไรในเมื่อเขาให้ร่างกายเรามา ร่างกายนี่เขาให้เรามา เขาเป็นเจ้าของร่างกาย ถ้าเราคิดเสียแบบนี้ก็บอกเขา แล้วก็ทำบุญแทนเขาจะไม่ได้เชียวหรือ แม่จะไปข้างนอกลำบากเราก็ทำแทน ซื้อของขึ้นมากินกัน เขาจะได้อยู่กับเราได้ตลอด เขาจะเหนื่อยเรื่องการเดินทางเข้ามาวุ่นวายให้เสียงดังๆไป ความดันขึ้นบ้าง(หัวเราะ)"

อายุอานามถึงวัยอันสมควรมีครอบครัว และแม้จะมีเพลงต่อว่าต่อขานผู้ชายมากมาย เราจึงถามปานว่าแม่ เคยบ่นอยากได้ลูกเขยบ้างหรือไม่ ปานบอกสั้นๆว่าแม่สอนเสมอเรื่องผู้ชาย ส่วนพ่อแนะถึงเวลามีก็ควรมี แต่ถ้าไปไม่รอดก็กลับมา...
"แม่บอกไม่แต่งได้ก็ดี แม่ไม่อยากให้แต่งงาน เขาจะสอนเสมอ เวลาดูหนังด้วยกันมีฉากผู้ชายผู้หญิงเขาจะเปิดแล้วสอน เวลาอยู่ใกล้กัน แม่ก็สอนความจริงให้รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้นะ ผู้ชายอยู่กับเราก็เป็นของเรา อยู่กับคนอื่นก็เป็นของคนอื่น อย่าไปยึดติด"

ก่อนทิ้งท้ายว่าปัจจุบันไม่ได้ร้องเพลงให้แม่ฟังแล้ว ติดตลกว่าแม่คงเบื่อเสียง เนื่องจากได้ยินเสียงตนมาตั้งแต่เด็กๆ และนอกจากแม่คือผู้ให้กำเนิดแล้วปานบอกว่าแม่ยังเป็นตัวอย่างที่ดีในการต่อสู้สำหรับเธออีกด้วย

"แม่คือตัวอย่าง เกินครึ่งของชีวิตเราเห็นแม่เราเป็นหลัก เขาก็รู้ว่าลูกทุกคนภูมิใจในความเป็นเขา แม่เป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องของการต่อสู้ แม่ไม่กลัวคนเลว ที่บ้านสอนให้กลัวคนดี เกรงกลัวเกรงใจเขา ความดีเราต้องกลัวเกรงเขาซิ สังคมทุกวันนี้เราอาจจะมองกันผิด กลัวอิทธิพลคนเลว ไม่เกรงใจคนดี" ...นั่นคือสิ่งที่ปาน ธนพร นักร้องเสียงคุณภาพคนหนึ่งทิ้งท้ายกับวันแม่ในปีนี้ของเธอ
ปาน ธนพร กับแม่
ปานและพ่อแม่
5 สาว บ้านแวกประยูร



กำลังโหลดความคิดเห็น