“ยิ่งเห็นลุงตำรวจมายิ่งมัน” เป็นคำบอกเล่าของเด็กแว้น ที่เล่าถึงความตื่นเต้นเมื่อพวกเขาอยู่ระหว่างการรวมตัวกันเพื่อที่จะแข่งรถในยามวิกาล บนถนนเส้นใหญ่ที่โล่งและปราศจากรถสัญจรไปมา
คำว่า ‘ลุงตำรวจ’ เป็นคำที่เด็กแว้นจะใช้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งจากการสอบถามทัศนะของเจ้าหน้าที่ตำรวจเองบอกว่า เป็นการสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มเด็กแว้นคือเด็กที่มีอายุน้อยจึงเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าลุงตำรวจ
เด็กแว้นเป็นปัญหาที่คาราคาซัง กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่พยายามแสดงออกโดยการแข่งรถจักรยานยนต์โดยใช้ถนนเป็นสนาม เป็นเรื่องที่ทำให้คนในสังคมปวดหัวและได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็น ตำรวจที่ต้องมาคอยดูและจับกุม พ่อแม่ผู้ปกครองที่ต้องมานั่งเสียเวลา เสียเงิน และเสียใจ ประชาชนผู้ที่ต้องใช้ถนนเดินทางแต่ต้องเจอเด็กแว้นกลุ่มใหญ่ปิดถนนเพื่อประลองความเร็ว ประชาชนผู้อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงที่ได้รับความเดือนร้อนจากเสียงแว้นๆๆๆๆๆๆๆ รบกวนโสตประสาท ฯลฯ
ข่าวการจับกลุ่มเด็กแว้นยังคงมีให้เห็นกันตามหน้าสื่อของบ้านเราอยู่เป็นประจำ นั่นแสดงให้เห็นว่า ถึงแม้กระมีการจับกุม ลงโทษกันอย่างไร ก็ไม่ทำให้พวกเขา ‘เด็กแว้น’ คิดจะอำลาสนามแข่งประลองความเร็ว
เด็กแว้นกับลุงตำรวจ
การแข่งรถของเด็กแว้นเป็นพฤติกรรมที่ซ้ำซาก โดยส่วนใหญ่มักรวมตัวและนัดหมายสถานที่กันอยู่เป็นรายสัปดาห์ โดยคืนวันศุกร์และคืนวันเสาร์ถือเป็นคืนที่แสนพิเศษของพวกเขา ที่ได้มารวมตัวกันเพื่อประลองและแสดงความเร็วอวดสายตาเพื่อนร่วมแก๊ง
พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบชน.) ดูแลงานด้านจราจร กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทราบข้อมูลเกี่ยวกับการแข่งรถของเด็กแว้นโดยดูจากพฤติกรรมของพวกเขาเป็นหลัก ส่วนสถานที่ในการแข่งขันนั้น จะมีการรวบรวมข้อมูลจากการแจ้งของประชาชน และเด็กแว้นที่เป็นสายตำตรวจเข้าไปปะปนอยู่ในกลุ่ม เมื่อมีข่าวว่าจะมีการแข่งกันที่ไหน ก็จะมีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหาข่าว บันทึกภาพ เพื่อวางแผนการจับกุม
“เราวางแผนกันนานพอสมควร ก่อนปฏิบัติจริงเราก็จะมีการหาข่าว วางแผน ประชุมเตรียมงาน ซักซ้อม ซึ่งทุกอย่างต้องรัดกุม บางครั้งถ้าเป็นการจับกุมครั้งใหญ่จริงๆ ก็จะมีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่หลายท้องที่มาทำงานร่วมกัน 200-300 นาย ส่วนกองกำลังที่ใช้ก็จะใช้จากทุกส่วน เช่น ตำรวจจราจร ตำรวจสายตรวจ ตำรวจสายสืบ”
อย่างเช่นการจับกุมเด็กแว้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ในพื้นที่รับผิดชอบของกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 บริเวณถนนพระราม 6 เลียบคลองประปา ซึ่งครั้งนั้นระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจพญาไท สถานีตำรวจสามเสน สถานีตำรวจดุสิต มาสนธิกำลังกันเพื่อจับกุม
อุปกรณ์ที่ใช้ในการจับกุมครั้งนั้น คือรถเทรลเลอร์ขนาดใหญ่สำหรับจอดขวางทางไม่ให้เด็กแว้นหลบหนีไปได้ ซึ่งการที่จะเอารถตำรวจไปขวางไว้ก็ลำบาก เพราะเด็กแว้นสามารถขับเล็ดลอดออกไปได้ ด้วยถนนที่กว้าง จึงทำให้การวางแผนในครั้งนั้นต้องเอารถเทรลเลอร์จอดขวางปิดหัวปิดท้ายสนามแข่ง ทำให้รวบตัวแก๊งซิ่งได้เป็นจำนวนมาก
พล.ต.ต.ภาณุ เล่าอีกว่า การวางแผนของเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละครั้ง ต้องปิดเป็นความลับให้สนิท เพราะจะมีเด็กแว้นบางกลุ่มที่ทำงานมูลนิธิเพื่อสังคม สามารถฟังการสื่อสารของตำรวจได้ตลอดเวลา หรือไม่บางทีก็มีลูกหลานตำรวจเข้าไปอยู่ในแก๊งร่วมด้วย
“เราจะให้ข่าวรั่วไม่ได้ บางทีเราต้องหลอกผู้ปฎิบัติหน้าที่เองด้วยว่า วันนี้เราจะไปจับบ่อนนะ พอถึงเวลาปฏิบัติการจริงๆ ก็ปิดเครื่องมือสื่อสาร ทุกคนก็เข้าประจำจุด พร้อมรับสัญญาณและจู่โจมทันที”
จับให้ได้ไล่ให้ทันนะลุง
การเตรียมตัวหนีของกลุ่มเด็กแว้นมีเหมือนกัน ใช่ว่าพวกเขาจะแข่งรถแล้วให้รอตำรวจมาจับเพียงอย่างเดียว ซึ่งลักษณะการเตรียมของเด็กแว้นที่มาเป็นคนชมก็คือ การจอดรถจักรยานยนต์แบบหันหน้าออกถนนและมีคนขับนั่งประจำที่ พร้อมที่จะออกตัวทันที เผื่อเกิดเหตุการณ์ลุงตำรวจโผล่มา ถ้าลุงตำรวจมาสัก 2-3 คน เด็กแว้นก็ไม่กลัว กลับยิ่งทำให้พวกเขาสนุกและตื่นเต้นเพิ่มขึ้นไปอีก แต่ถ้าลุงตำรวจมาเป็นโขยงเมื่อไหร่ เมื่อนั้นเป็นอันต้องหนี
“เวลาหนี เขาก็หนีสุดชีวิต ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่แข่งรถหรือกลุ่มคนดูก็เหมือนกัน แต่ถ้าเราไปเปิดไฟรถตำรวจไล่เขา เขาก็จะเฉยๆ การหนีของเขา ที่ไหนมีช่อง มีทาง เขาจะหนีหมด ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ตำรวจต้องใช้รถขนาดใหญ่ในการขวางและจับกุม เวลาเราจับเราจะมีกำลังส่วนหนึ่งไปประจำตามซอยที่คิดว่าเขาจะหนีไปด้วย” พล.ต.ต.ภาณุ กล่าว
แม้กระทั่งการนำพารถจักรยานยนต์ข้ามสิ่งกีดขวางอย่างคูคลองเด็กแว้นก็สามารถทำได้ เนื่องจากว่าต้องการหนีให้พ้นลุงตำรวจ
“ส่วนใหญ่เราจะจับเขาในบริเวณสะพานกลับรถ พอถ้าขึ้นไปบนสะพานปุ๊บ เราก็เอารถจอดขวางหน้าขวางหลังมันก็จะไหนกันไม่รอด ถ้าไปขวางถนนธรรมดา เขาก็จะหนีไปทุกทางที่ไปได้”
พ.ต.ท.สนอง แสงมณี สารวัตรจราจร งานศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดีรังสิต/ทางพิเศษ กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจจราจร ร่วมเล่าประสบการณ์การจับเด็กแว้นว่า แต่ละพื้นที่จะมีวิธีการและเทคนิคในการจับกุมที่แตกต่างออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานที่ในการจับกุมเป็นหลัก ถ้าพื้นที่ในเมือง การจะใช้รถขนาดใหญ่เข้าจับกุมก็ลำบาก แต่ถ้าเป็นพื้นที่นอกเมือง อย่างบางนา- บางปะกง ก็สามารถทำได้
“ตอนที่จะเข้าจับกุม เราจะให้เวลาเด็กแว้นที่ถูกจับได้ตั้งสติก่อน เมื่อเราปิดทางปุ๊บ แล้วจับปั๊บเลย มันจะทำให้เขาตกใจ เหมือนต่างคนต่างพุ่งใส่ตำรวจ มันก็จะเกิดอันตรายกับเราด้วย เราก็ต้องรอให้เขาตั้งสติได้ว่าถูกจับแล้วนะ ประมาณ 5-10 นาที พอรู้ตัวแล้ว ก็จะมีพวกที่ยอมให้จับและพวกที่ทิ้งรถจักรยานยนต์แล้ววิ่งหนีไป เราก็จับเท่าที่จับได้”
สนามแข่งยอดฮิตของแว้น กทม.
ลักษณะถนนที่เด็กแว้นชื่นชอบและนิยมเป็นพิเศษที่มักจะแห่แหนกันไปแข่งที่สนาม (ถนน) แบบนี้เป็นประจำ คือเป็นถนนที่โล่ง ใหญ่ มีช่องคู่ขนาน แล้วก็เป็นถนนบริเวณชานเมือง มีที่จอดให้คนดูได้อย่างเต็มตา (ซึ่งทำให้ผู้แข่งรถรู้สึกว่าเท่) มีรถสัญจรไปมาน้อย ตามข้อมูลการร้องเรียนของกองบังคับการตำรวจจราจรพบว่า พื้นที่ที่มีการร้องเรียนจากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการแข่งรถของเด็กแว้นคือ ถนนอาจณรงค์-รามอินทรา, ถนนเกษตร-นวมินทร์, ถนนกาญจนาภิเษก, ถนนบางนา-ตราด เป็นต้น
ถนนสายเกษตร-นวมินทร์ ตั้งแต่บริเวณหน้าโรงเรียนคลองลำเจียก ไปจนถึงใต้ทางด่วนประดิษฐ์มนูธรรม ระยะทาง 200 เมตร ซึ่งเป็นสถานที่รวมตัวของเด็กแว้นกลุ่มใหญ่ในละแวกนั้น ยังมีบริเวณถนนพระราม 6 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท ช่วงแยกโรงกรองน้ำสามเสนถึงแยกโรงพยาบาลวิชัยยุทธ รวมถึงบริเวณทางคู่ขนานนมอเตอร์เวย์ฝั่งลาดกระบัง เลยด่านทับช้าง แขวงและเขตสะพานสูง
นอกจากนี้ก็มีบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า รวมถึงถนนวิภาวดี-รังสิตในส่วนของชานเมือง บริเวณคลอง 5 ปทุมธานี
ในส่วนของจังหวัดสมุทรสาคร อดีตนักซิ่งคนหนึ่ง บอกว่าบรรดาแก๊งเด็กแว้นจะรวมพลกันที่กิโลเมตรที่ 12 หรือไม่ก็บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ถนนพระราม 2 ย่านเคหะมหาชัยหรืออาจจะเป็นฝั่งท่าจีน รวมถึงย่านบ้านแพ้ว โดยเด็กแว้นจะคัดเลือกถนนที่เป็นเส้นตรงตลอดแนว ในช่วงดึกมากไม่ค่อยมีรถสัญจรไปมา ยิ่งทำให้พวกเขาชื่นชอบมาก
เด็กแว้นภูธร
ไม่เพียงถนนในกรุงเทพฯ เท่านั้นที่เด็กแว้นใช้ประลองความเร็ว ท้องถนนของจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่หลายแห่งก็โดนเด็กแว้นจับจองกันถ้วนหน้า เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ที่เมื่อ 2-3 ปีก่อน เด็กแว้นมักรวมตัวแข่งรถซิ่งทั้งรถจักรยานยนต์และรถยนต์ที่ถนนสายหลักหลายแห่งด้วยกัน เช่น ถนนหางดง ถนนสันกำแพง และถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่-ลำปาง รถที่ใช้แข่งจะปรับแต่งเครื่องยนต์และท่อไอเสีย ทำให้มีเสียงดังกว่าปกติ และมีความเร็วมากขึ้น บางครั้งในการแข่งขันจะใช้เงินหรือผู้หญิงเป็นเดิมพัน
ปัจจุบัน พฤติกรรมแข่งรถซิ่งบนถนนของวัยรุ่นเชียงใหม่มีน้อยมาก ส่วนใหญ่พบที่ถนนวงแหวนนอก สี่แยกดอนจั่น และถนนเลียบคันคลองชลประทาน
“ส่วนใหญ่เด็กแว้นจะมาตอนคืนวันศุกร์ เสาร์ ช่วงประมาณ 5 ทุ่มถึงเที่ยงคืน พอออกไปดูที่ถนน เห็นวัยรุ่น 50-60 คน แข่งรถกันอยู่ ขับเร็วหวาดเสียวมาก ไม่สวมหมวกกันน็อก แถมยกล้อหน้าด้วย ไม่กลัวอุบัติเหตุกันเลย เรื่องเหล้าหรือเบียร์ไม่ค่อยเห็นนะ มีแต่คุยกันเสียงดังโขมงโฉงเฉง” ปรีดา (ขอสงวนนามสกุล) ชาวบ้านละแวกชุมชนบ้านช่างเคี่ยน ริมถนนเลียบคันคลองชลประทานเล่าให้ฟัง
ไม่ต่างจากจังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่จังหวัดพิษณุโลกก็พบปัญหาเด็กแว้นซิ่งกวนเมืองบนถนนสายต่าง ๆ ในเขตเทศบาลนครพิษณุโลก โดยคืนวันเสาร์-อาทิตย์ จะมีนักซิ่งนับร้อย ถนนยอดฮิตที่เด็กแว้นยึดครองเป็นสนามแข่งคือถนนมิตรภาพตั้งแต่สี่แยกตลาดบ้านคลอง ไปสิ้นสุดที่สามแยกเรือนแพ เพราะเป็นทางตรง พื้นคอนกรีต และมีไฟฟ้าสว่างตลอดเส้นทาง จึงเหมาะกับการซิ่งรถ
ส่วนถนนประลองความเร็วยอดฮิตของเด็กแว้นจังหวัดนครราชสีมา หนีไม่พ้นถนนบายพาสขอนแก่น (ช่วงบ้านเลียบ)
“เด็กจะมาแข่งรถกันมากคืนวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ช่วงตั้งแต่ตี 2 จนถึงรุ่งเช้า คิดว่ามีประมาณ 100-200 คนเลยล่ะ วันธรรมดาไม่ค่อยเห็นนะ บางครั้งเกิดอุบัติเหตุ บาดเจ็บกันไปบ้างก็มี เห็นมีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ยิ่งช่วงปิดเทอมด้วยแล้ว เด็กไม่รู้มาจากไหนกัน เยอะกว่าช่วงเปิดเทอมอีก เราไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้บ้าง ให้เดินไปบอกกล่าวตักเตือนก็ไม่กล้า กลัวโดนทำร้าย” วรวรรณ (ขอสงวนนามสกุล) ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเด็กแว้นกวนเมือง ระบายความอัดอั้นตันใจ
นอกจากนั้น จังหวัดสงขลาก็ประสบปัญหาเด็กแว้นขาซิ่งเหมือนกัน โดยถนนยอดฮิต คือถนนศุภสารรังสรรค์ อำเภอหาดใหญ่
แว้นถอดเขี้ยว
รวีวิชญ์ คันธี นักศึกษา มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ (อดีตเด็กแว้น) วัย 23 ปี เขาเช่าบ้านอยู่ย่านบางนา-ตราด บอกว่า พบเห็นแก๊งเด็กแว้นอยู่เป็นประจำ ถ้าวันไหนกลับบ้านดึกช่วง 22.00 น. ขึ้นไป เขาจะเจอแก๊งเด็กแว้นเกือบทุกวัน ยิ่งวันศุกร์ วันเสาร์ จะมีเด็กวัยรุ่นออกมาประลองความเร็วเป็นจำนวนมาก
“เวลาประมาณตี 2 ตี 3 จะเห็นเด็กแว้นออกมาซิ่งรถบ่อยมาก มีให้เห็นเกือบทุกวัน โดยเฉพาะวันศุกร์ กับวันเสาร์ จะมากันเยอะมาก ผมเห็นมอเตอร์ไซค์เป็นร้อยๆ คัน และเขาจะเลิกแข่งกันช่วงเกือบฟ้าสาง แต่ถ้าช่วงไหนมีพวกตำรวจจราจรมาซุ่มดักจับ พวกเด็กแว้นก็จะไม่ค่อยออกมา เขาจะมีหน่วยสอดแนมตำรวจ แต่เมื่อการออกมาจับกุมซาลงไป พวกเด็กแว้นก็กลับมาซิ่งใหม่”
รวีวิชญ์แสดงทัศนะว่าสาเหตุที่มีเด็กแว้นออกมาท้าความเร็วกันย่านบางนา-ตราด เนื่องจากเป็นถนนเส้นตรงยาว ถนนจะโล่งมากในช่วงดึก ซึ่งเด็กที่ออกมามีทั้งเด็กนักเรียนและวัยทำงานแล้ว มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ส่วนใหญ่พวกผู้หญิงก็จะมาดูแข่งรถมากกว่า คนแถวนี้เขาเห็นจนชินชา และไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามปราม ขืนเข้าไปอาจจะโดนยิงตายได้ เพราะไม่มีใครรู้ว่าเด็กแว้นนำอาวุธติดตัวมาหรือเปล่า เกิดไปเตือนอาจโดนลูกตะกั่วได้
รวีวิชญ์ยังเปิดใจว่า ตอนที่เขาอายุ 18-19 ปี ก็เคยเป็นหนึ่งในสมาชิกเด็กแว้น รวบรวมกลุ่มเพื่อนๆ ออกมาตอน 22.00 น. เป็นต้นไป ในตอนนั้นเขาคิดถึงแต่ความสนุก ความตื่นเต้นเร้าใจที่กำลังจะเกิดขึ้นบนท้องถนนสายยาวสายนั้น แข่งแบบขำๆ ไม่คิดอะไรมาก แต่ในช่วงนั้นก็โชคดีที่ไม่เคยถูกจับ
……....
เด็กแว้นเป็นเรื่องที่ต้องมีอยู่ในสังคมไทยกันอีกนาน เพราะเมื่อเด็กแว้นรุ่นนี้หายไป เด็กแว้นรุ่นใหม่ก็จะเวียนเข้ามาแทนที่ ให้ลุงตำรวจได้จับกุมกันใหม่ ซึ่งการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นเพียงการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุเท่านั้น หากแต่ต้นตอของปัญหาคือสังคมแวดล้อม ตราบใดที่พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ใส่ใจลูกหลาน ไม่สนใจว่าพวกเขาทำอะไร หรือไปไหน ตราบนั้นปัญหาเดิมๆ ก็จะยังคงวนเวียนสร้างความเดือนร้อนและรำคาญให้แก่สังคมอย่างไม่รู้จบ
******
เรื่อง : ทีมข่าวคลิก
ขอขอบคุณภาพประกอบจากสถานีตำรวจนครบาลวิภาวดี