xs
xsm
sm
md
lg

ไบลธ์หลบไป BJD มาแล้ว!!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เมื่อต้นปีที่ผ่านมาสาวๆเมืองไทยเพิ่งอ้าแขนรับ “ตุ๊กตาบลายท์”สาวแก้มป่อง หัวโต ตาโตราวกับตั๊กแตนมาไว้ในอ้อมกอดกันได้ไม่นาน แม้กระแสไบลธ์ยังแรงดีไม่มีตก แต่ดูเหมือนว่าเธอกำลังมีคู่แข่งที่น่ากลัวเสียแล้ว เพราะตุ๊กตาหน้าสวยหวานหยดอย่าง BJDหรือ Ball Joint Doll กำลังเป็นที่ถามหาของคนเล่นตุ๊กตาทั่วไป ใครที่หลงเข้าไปในโลกของ BJD รับรองว่าจะหลงใหลกับตุ๊กตาตัวนี้จนถอนตัวไม่ขึ้นทีเดียว

แม้ว่าเจนนี่ เจ้าของร้าน Dolita House จะเป็นเจ้าของน้องบลายท์กว่า 30 ตัวแล้วก็ตาม แต่ทันทีที่ได้เจอกับ BJD เธอก็ตกหลุมรักตุ๊กตาหน้าสวยเข้าอย่างจังเช่นเดียวกับสาว ๆ อีกหลายคน “ครั้งแรกที่บินไปเที่ยวที่ฮ่องกงพอหันไปเจอตุ๊กตาแวมไพร์รุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่นแล้วรู้สึกชอบขึ้นมาทันที ด้วยสายตาที่อ่อนหวานเป็นประกายมีชีวิตชีวาชวนให้มอง แต่พอไปขอซื้อเจ้าของร้านกลับไม่ยอมขายให้เพราะเขาเพียงแค่นำมาโชว์เฉยๆ และด้วยความที่อยากได้มากจึงไปนั่งเกาะตู้กระจกที่หน้าร้านหลายวัน จนเจ้าของร้านใจอ่อนยอมขายตุ๊กตาตัวนี้ให้”

กระแส BJD ในไทย

ว่ากันว่า BJD เริ่มครองใจสาวญี่ปุ่นและฮ่องกงเมื่อประมาณปี 2000 ซึ่งมีการสันนิษฐานกันว่าสาวไทยเองคงได้รับอิทธิพลมาจากสาวญี่ปุ่นเช่นกัน แต่ในอดีตมีคนเล่นเพียงกลุ่มเล็กๆ เท่านั้นที่เล่นกันอยู่

กระแสของ BJD ในเมืองไทยเกิดขึ้นเมื่อคนรักตุ๊กตาได้ Forward รูปน้อง “Lumi” (เป็นตุ๊กตา BJD ยี่ห้อหนึ่งที่ผลิตโดยบริษัท Latidoll) ไปยังอีเมลส่วนตัวของสาวกคนรักตุ๊กตา ด้วยใบหน้าที่หวานซึ้ง แววตาสดใส ขนตางอนเชี๊ยะ แถมรูปร่างสมส่วนเหมือนมนุษย์ กลายเป็นเสน่ห์ดึงดูดใจที่ทำให้สาวๆทุกคนหลงรักเมื่อแรกเห็น Lumi จนต้องลุกขึ้นมาถามหาตุ๊กตาประเภทนี้กันอย่างหนาหู ส่งผลให้ BJD ขึ้นมายืนเคียงข้างน้องไบลธ์สาวน้อยตาโตแก้มป่องได้อย่างไม่ยากเย็นภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน เพราะใบหน้าที่มีชีวิตชีวาและดูมีความเป็นคนเอเชียมากกว่าน้องไบลธ์ที่มีรูปร่างและหน้าตาละม้ายสาวยุโรป

ที่สำคัญเมื่อใครได้สัมผัส BJD ทุกรุ่นไปนานๆ สิ่งหนึ่งที่เจ้าของจะรู้สึกได้คือเรือนร่างของ BJD จะอุ่นเหมือนคนเป็นๆ เพราะทำมาจากเรซินที่จะทำให้เนื้อนุ่มและเมื่อจับไปนาน ๆ ความอบอุ่นจากคนจะถ่ายถอดไปสู่ตุ๊กตาได้อย่างน่าอัศจรรย์

Latidoll ตุ๊กตายอดฮิตของ พ.ศ.นี้

โลกของตุ๊กตา BJD มีหลากรุ่นหลายแบบนับไม่ถ้วน แต่ที่คนไทยนิยมเล่นมากที่สุดคือ Latidoll ซึ่งเป็นตุ๊กตาสัญชาติเกาหลี ผลิตโดยบริษัท Latidoll ซึ่งลักษณะพิเศษของตุ๊กตารุ่นนี้ที่ต่างจากตุ๊กตาทั่วไปตรงที่ไม่ได้ทำมาจากพลาสติก แต่ทำจากวัสดุโพลียูรีเทน (Polyurethane) ซึ่งมีความทนทาน ความยืดหยุ่น เนื้อของตุ๊กตาจะคล้ายๆ กับเรซิ่นเกรดดี มีความเงางามในตัว แลดูเสมือนคนจริงๆ

ในส่วนของ Latidoll เองก็มีพี่น้องร่วมสายเลือดด้วยกันทั้งหมด 5 สายคือ White Green Yellow Blue และ Red

สำหรับเมืองไทยแล้ว Lati dool ที่ได้รับความนิยมจากนักสะสมและนักเล่นตุ๊กตามากที่สุดคือ Lumi doll อันเป็นทายาทในสาย “Yellow” ซึ่งมีให้เลือกหลายรุ่น หลายแบบ หลายสไตล์ด้วยกัน มีลักษณะเป็นตุ๊กตาแก้มป่อง ตากลมโต รูปร่างสมส่วน สีหน้าและแววตาแสดงความรู้สึกบ่งบอกอารมณ์ได้เป็นอย่างดี สามารถตกแต่งได้ทั้งตัว ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า ใบหน้า วิกผม รองเท้า และมีเครื่องประดับมากมายให้แต่งตัวตุ๊กตากันได้ไม่เบื่อ เช่น ถุงน่อง รองเท้า หมวก ก็ปรับเปลี่ยนตามแต่ใจเราต้องการ ที่สำคัญสามารถเปลี่ยนสีตาได้มากกว่า 1 สี

ทั้งนี้ Lumi doll ยังมีฝาแฝดอีกหนึ่งตัวคือ Lami Doll โดย Lami และ Lumi มีความแตกต่างกันที่ Lami จะดูออกแนวเข้มแข็ง เป็นสาวสปอร์ตเกิร์ล ชอบออกกำลังกาย ดูเป็นสาวร่าเริงสดใจ มีเพื่อนเยอะ ในขณะที่ Lumi จะดูบุคลิกเป็นเด็กเงียบๆ เรียบร้อย หน้าตาอ่อนโยน รักสันโดษ ชอบของสวยงาม ออกแนวคุณหนู มีความสามารถทางด้านศิลปะ ชอบสะสมเครื่องประดับ เครื่องสำอาง และของสวยๆ งามๆ

Pullip สาวหน้าหวานขวัญใจตัวใหม่

ในตระกูลของ BJD นอกจากจะมี Lati dool เป็นที่นิยมของนักสะสมแล้วก็ยังมี Pullip / Taeyang / Dal ซึ่งเป็นตุ๊กตาที่ผลิตโดยบริษัท Chunsang Chunha ของประเทศเกาหลีและถูกนำเข้ามาโดยบริษัท JUN Planning ของญี่ปุ่นที่ได้รับการถามถึงอย่างหนาหูจากคนเล่นตุ๊กตาอีกเช่นกัน

Pullip / Taeyang / Dal ถือได้ว่าเป็นตุ๊กตาสัญชาติเกาหลีที่มาเติบโตในญี่ปุ่น แต่ปัจจุบันมีบริษัท GROOVE.INC โดยนักดีไซน์ตุ๊กตา Ms.Mango Park (ชาวเกาหลี) เป็นผู้จัดจำหน่ายแทน JUN Planning ที่ล้มละลายไปแล้ว

เกรียงศักดิ์ ชินรักษ์บำรุง เจ้าของร้าน Bambino ที่ JJ Mall เล่าว่า ลักษณะของตุ๊กตา Pullip นั้นเป็นสาวน้อยตาโต หัวโต หุ่นแฟชั่นคล้ายน้อง บลายท์ แต่มีเอกลักษณ์พิเศษ คือ มีข้อต่อที่สามารถหมุนได้ ซึ่งขนาดของ น้อง Pullip โดยมาตรฐานจะอยู่ที่ประมาณ 1 ฟุต ซึ่งใกล้เคียงกับน้องบลายท์ก็ว่าได้

นอกจาก Pullip แล้วยังมีหนุ่มหล่อหน้าหวาน Taeyong ซึ่งเป็นหวานใจของ Pullip ที่เริ่มออกวางขายในปี 2006 และด้วยใบหน้าที่แสนจะละอ่อนจึงทำให้สาวๆหลายคนหลงรักหนุ่มคนนี้อย่างหมดใจ

ไม่เพียงเท่านี้ยังมี Dal สาวน้อยคนสุดท้องที่เพิ่งคลอดออกมาอ้อนสาวกคนรักตุ๊กตาให้ตกหลุมรักเธอเป็นแถว ด้วยลักษณะที่ทั้งไร้เดียงสาและก๋ากั่น ดื้ออย่างสุดๆ กับคาแร็กเตอร์ชอบทำหน้ามุ่ย หน้าหงิก หน้างอ ทำให้ตอนนี้ Dal ขายดีมาก และเป็นที่นิยมในตลาด ขนาดประมาณ 26 cm เล็กลงมานิดหนึ่ง แต่สามารถใส่เสื้อผ้ากับ Pullip ได้

“ในช่วงแรกๆนั้นน้อง Pullip ออกวางจำหน่าย 3 รุ่น คือ Moon Street และ Wind ตอนนั้นมีข้อต่อที่บอบบาง และแตกง่าย จึงมีการเปลี่ยนข้อต่อ และบอดี้แบบใหม่อยู่ถึง 3 ครั้งจนมาถึงรุ่นปัจจุบัน ตุ๊กตา Pullip จึงมีรายละเอียดของแต่ละรุ่นต่างกันออกไป ในแต่ละปี ก็จะมีการผลิตรุ่นลิมิเต็ด อิดิชัน ขาย โดยมีจำนวนการผลิตตั้งแต่ 300 ตัว ไปจนถึง 12,000 ตัว” เกรียงศักดิ์ เล่าความเป็นมาให้ฟัง

ว่ากันว่าได้มีการแบ่งสาวกของ Pullip / Taeyang / Dal ออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ด้วยกัน คือ กลุ่มคนที่ชอบเล่น อายุก็จะประมาณ 15-30 ปี และกลุ่มคนที่ชอบสะสม อายุจะมากขึ้นมาหน่อยตั้งแต่ 30-60 ปี

รุ่นสุดฮิต ของ Pullip คือ clarity สนนราคาอยู่ที่ 4,200 บาท กับคาแร็กเตอร์ที่ได้ถูกเนรมิตให้เป็นสาวสวยไฮโซชั้นสูง แต่งตัวเหมือนผู้ดีอังกฤษ ผิวสวย หน้าสวย เพิ่งออกมาเมื่อเดือนที่แล้วนี่เองปรากฏว่าบรรดาสาวกทั้งหลายต่างพากันหาซื้อเจ้าละหวั่น ส่วนรุ่นที่แพงที่สุดก็น่าจะเป็น รุ่น Leprotto ซื้อขายกันที่ราคาประมาณ 70,000 บาท

ส่วน Taeyang ด้วยคาแร็กเตอร์ที่เป็นหนุ่มหล่อหน้าใส ในชุดนักเรียน มีเสื้อคลุม เหมือนพ่อมดน้อยในเรื่อง Harry potter จึงทำให้รุ่น William ที่ออกวางจำหน่ายเมื่อปี 2008 ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า และสาวน้อยหน้างอ Dal รุ่น Dr.ta ที่มัดผมแกะ เป็นรุ่นแรกที่ผลิตออกมาก็ฮิตไม่แพ้กัน ส่วนตัวที่แพงที่สุดของ Dal คือรุ่น Joei ราคา 40,000 บาท

รักจริงต้องอดทนรอ

ด้วยความที่ BJD ทุกรุ่นเป็นงานแฮนด์เมดทั้งหมดที่ต้องใช้คนในการผลิตแทบทุกขั้นตอนจึงทำให้ตุ๊กตาประเภทนี้มีราคาแพงกว่าปกติ และหาซื้อไม่ได้ง่ายๆ อย่างตุ๊กตาอื่น ๆ ที่สำคัญตุ๊กตาประเภทนี้ไม่มีตัวแทนขายอย่างเป็นทางการ ใครอยากได้มาเชยชมสักตัวหนึ่งจะต้องสั่งซื้อทางอินเทอร์เน็ตเพียงอย่างเดียว หรือต้องไปนั่งเฝ้าถึงหน้าร้านเท่านั้นถึงจะได้น้อง BJD มาครอบครองสมใจ

เจนนี่- หนึ่งในเจ้าของร้าน Dollita House บอกว่ากว่าที่เธอจะได้เป็นเจ้าของ BJD แต่ละตัวต้องไปเฝ้าอ้อนวอนกับเจ้าของร้านที่ฮ่องกงอยู่หลายวันกว่าเขาจะยอมปล่อยให้ตุ๊กตามาเป็นของเธอ รวมทั้งทุกครั้งที่ทางบริษัทผลิตตุ๊กตาประเภทนี้จะเปิดให้ลูกค้าเข้าไปประมูลจองทางอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ซึ่งเจนนี่จะต้องใช้ความรวดเร็วในการต่อสู้กับคนรักBJDทั่วโลกแห่เข้ามาจองเช่นกัน

“การสั่งจองตุ๊กตาทางอินเทอร์เน็ตถือว่าเราต้องใช้ความพยายามสูงมากคือต้องนั่งรีเฟชหน้าจอคอมพ์ตลอดเวลา ห้ามให้เน็ตหลุดอย่างเด็ดขาด เพราะถ้าคลิกช้าแม้แต่วินาทีเดียวน้องBJD ก็อาจหลุดลอยไปเป็นของคนอื่นได้ ที่สำคัญระหว่างที่ทำการซื้อขายนั้นบัตรเครดิตของเราจะต้องพร้อมจ่ายทันที ถ้าบัตรไม่ผ่านก็ถือว่าเราไม่ได้ตุ๊กตาตัวนั้นเพราะต้องชำระเงินในทันที หรือบางตัวเราต้องไปยืนเกาะอยู่หน้ากระจกของร้านที่ขาย BJD เพื่อให้เจ้าของร้านใจอ่อนยอมขายให้เรา”

เจนเล่าให้ฟังว่าการซื้อตุ๊กตา BJD นั้นยุ่งยากเสมอไม่ว่าจะเป็นรุ่นลิมิเต็ดหรือรุ่นเบสิก เพราะต้องใช้ความอดทนในการสั่งซื้อ และเมื่อได้เป็นเจ้าของแล้วก็ใช่ว่าจะได้เห็นน้องBJD ทันที เพราะต้องใช้เวลาอีกประมาณ 3 เดือนกว่าในการผลิตตุ๊กตาแต่ละตัว

“ตัวที่ได้ยากที่สุดคงจะเป็น ฮินาตะ (Hinata) ซึ่งเขาจะเป็นตุ๊กตาในบริษัท Volks อยู่ในสายโยเทนชิ เป็นตุ๊กตาตระกูลของนางฟ้า ซึ่งจะขายดีและหายากมากๆ เราต้องให้เพื่อนช่วยหาต้องใช้เวลาประมาณ 2 เดือนกว่าจะได้มา ซึ่งตอนนั้นซื้อมาในราคา 45,000 บาท”

ขณะที่เจ้าของร้าน Bambino เล่าให้ฟังเกี่ยวกับวิธีการสั่งซื้อตุ๊กตา Pullip / Taeyang / Dal ว่า บริษัท GROOVE.INC จะทำการผลิตตุ๊กตาทั้ง 3 ตัวออกมาทุกเดือน รุ่นละแค่ 3,000 ตัว เท่านั้น ดังนั้น เวลาที่ทางบริษัทออกคอลเลกชันใหม่มา ก็จะต้องรีบสั่ง older แล้วก็จ่ายเงินค่ามัดจำไปก่อน มิเช่นนั้นจะไม่ได้สินค้า จากนั้นจึงรอไปอีกประมาณ 2-3 เดือน ถึงจะได้รับสินค้ามาชื่นชม

รุ่นลิมิเต็ดหมดแล้วหมดเลย

ตุ๊กตา BJD มีราคาเฉลี่ยรุ่นที่ถูกที่สุดอยู่ประมาณ 10,000 บาท ที่สำคัญราคานี้ได้เพียงแค่ร่างอันเปล่าเปลือยมาครอบครองเท่านั้นหาได้แอ็กเซสเซอรี่อย่างพวกเสื้อผ้า ผม รองเท้าหรือการลงสีเมกอัพมาแต่อย่างใดไม่ ถ้าต้องการเครื่องประทินความงามครบชุดลูกค้าจะต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อสิ่งเหล่านี้อีกไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท ซึ่งราคานี้ก็ขึ้นอยู่ที่ความอลังการของชุดอีกต่างหาก หรือ BJD บางรุ่นที่นำมาขายในเมืองไทยครั้งละ 40 กว่าตัว สนนราคาอยู่ที่ 12,000 บาทผลปรากฏว่าขายหมดภายใน 3 วันแรกที่เปิดให้จองทางเว็บไซต์

ส่วนรุ่นที่แพงที่สุดจะเป็นเป็นรุ่นลิมิเต็ด อิดิชัน ที่เรียกว่าขายหมดแล้วหมดเลยไม่มีการฉายซ้ำดังนั้นสนนราคาจะอยู่ที่สามหมื่นบาทขึ้นไป ปรากฏว่าขณะนี้ในตลาดนักสะสมมีการซื้อขายตุ๊กตา BJD รุ่นลิมิเต็ด อิดิชันราคาสูงแตะอยู่ที่แสนบาทขึ้นไป

ที่ตื่นตากว่านั้น BJD บางรุ่นที่ยังไม่ทันให้เปิดจองทางเว็บไซต์ปรากฏว่ามีคนจ้องจับจองที่จะเป็นเจ้าของอย่างมากมายจนต้องมาวัดกันที่ความไวของนิ้วมือว่าใครจะสามารถคลิกเมาส์ได้เร็วที่สุด อย่างรุ่น RED สเปเชียล เป็นตุ๊กตาลิมิเต็ด อิดิชั่น ที่ผลิตเพียง 25 คู่ในโลก ซึ่งราคาซื้อขายอยู่ที่ 85,000 บาท หรือ BJD เซตแวมไพร์ ซึ่งผลิตเพียงไม่กี่ร้อยตัวในโลกราคาซื้อขายอยู่ที่ตัวละ 35,000 บาทก็ขายหมดเกลี้ยงภายในระยะเวลาไม่ถึงชั่วโมง

วิธีถนอมน้อง BJD

สำหรับคนที่เริ่มหลงรักน้อง BJD ทุกรุ่นและอยากได้มาเชยชมสักตัวนั้นต้องคิดให้ถี่ถ้วน บางคนสามารถมีตุ๊กตาบลายท์ได้เป็น 10 ตัว แต่สำหรับ BJD นั้นกว่าที่จะได้มาหนึ่งตัวเลือดตาแทบกระเด็น เพราะไม่เพียงแต่ตุ๊กตาประเภทนี้จะมีราคาแพงเท่านั้นแต่ยังดูแลรักษายากอีกด้วย ดังนั้นเราต้องถามตัวเองก่อนว่ารักเขาจริงหรือไม่

ถ้าค้นใจตัวเองเจอแล้วว่า 'พี่รักน้องจริงๆ' ก็ควรจะศึกษาก่อนว่าจะซื้อ BJDแบบไหน ถึงจะเข้ากับคาแร็กเตอร์ของตัวเองทางที่ดีควรศึกษาข้อมูลจากเว็บไซต์ให้ดีก่อนว่าจะเลือกแบบใด

ข้อสำคัญสุดท้ายที่ควรจำคือเมื่อได้เป็นเจ้าของ BJD ทุกรุ่นสมใจแล้วอย่าทิ้งขว้างให้เขาเหงาหงอยอย่างเด็ดขาด เจ้าของต้องสละเวลาทำความสะอาดด้วยการฉีดยูวีเพื่อเคลือบเรซินเพื่อไม่ให้น้อง BJD เป็นโรคดีซ่านคือเหลืองทั้งตัว และอาบน้ำให้เขาด้วยน้ำยาล้างจานซันไลต์โดยนำน้ำยาไปผสมกับน้ำสะอาดและถอดชิ้นส่วนของ BJD ออกมาล้างทำความสะอาดบ้าง หรือพาเขาไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆเพื่อเปิดหูเปิดตาทั้งน้อง BJDและเจ้าของบ้างก็ได้


**************

รู้จักรักเข้าใจ BJD

หลายคนที่เพียงแค่ได้ยินชื่อว่า BJD หรือ Ball Joint Doll แล้วก็อาจจะรู้สึกงงๆว่าคือตุ๊กตาอะไร BJD คือตุ๊กตาที่มีข้อต่อเหมือนมนุษย์ ดังนั้นข้อได้เปรียบของตุ๊กตาประเภทนี้คือสามารถจับปรับเปลี่ยนท่าทางได้ตามใจเจ้าของ ซึ่งข้อต่อเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้น้องๆ BJD ทุกตัวสามารถโพสท่าถ่ายรูปได้หลากหลายแอ็กนั่นเอง

ส่วนวัสดุที่ใช้ทำตุ๊กตาประเภทนี้นั้นจะเป็นเรซิ่นทั้งหมด เพราะจะทำให้มีลักษณะเหมือนผิวจริงมากกว่าจึงทำให้มีราคาแพงกว่าตุ๊กตาประเภทอื่น โดยการออกแบบนั้นจะเน้นให้มีลักษณะและสัดส่วนที่สมจริงมากที่สุด หรือดีไซน์ตามแบบตัวการ์ตูนที่เป็นที่รู้จัก

เชื่อกันว่าต้นแบบของตุ๊กตา BJD ทำจากไม้มาจากประเทศเยอรมนีเมื่อต้นปี 1900 หลายปีต่อมาบริษัท VOLKS ของญี่ปุ่นได้ผลิต BJD โดยใช้เรซิน ซึ่งตุ๊กตาที่ทำจากเรซินตัวแรกของค่ายนี้ผลิตเมื่อปี 1998 เพื่อเป็นของขวัญมอบให้แก่ภรรยาของประธานบริษัท ซึ่งขณะนี้เก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ของVOLKS

BJD ในยุคแรกได้มีการทำแบบตุ๊กตาฟิกเกอร์ คือตุ๊กตาที่มีรูปร่างเหมือนตัวการ์ตูนในแอนิเมชันที่ประกอบมาเสร็จสรรพพร้อมตั้งโชว์ได้ทันที แต่ปรากฏว่าตุ๊กตาฟิกเกอร์กลับไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไรนักในหมู่นักสะสมตุ๊กตาเพราะด้วยรูปลักษณ์ที่ดูเกินจริงไม่ค่อยมีชีวิตชีวา

ดังนั้นในเวลาต่อมาทางบริษัท Volks จึงจุดกระแสความนิยมขึ้นมาอีกครั้งด้วยการลองปรับโฉม BJD ใหม่โดยให้มีความสมจริงมากขึ้นด้วยการแปลงให้ BJD สามารถเปลี่ยนเสื้อผ้า ทรงผม สีตา ชิ้นส่วนของร่างกาย รวมไปถึงการเมกอัพใบหน้าได้ตามความต้องการของนักสะสม

จากนั้นไม่นาน BJD ก็กลายมาเป็นขวัญใจของคนเกือบทั้งโลก โดยเฉพาะสาวๆในแดนซากระตุ๊กตา BJD จะเป็นที่ต้องการของสาวๆมากเป็นพิเศษ และมีอีกหลายบริษัทหันมาผลิตตุ๊กตาประเภทนี้ตาม อาทิ บริษัท Lati บริษัทผลิตตุ๊กตาชั้นนำของเกาหลี รวมไปถึงอีกหลายโรงงาน

และด้วยการทำการตลาดที่เข้าถึงคนรักตุ๊กตาด้วยการสร้างเรื่องราวของตุ๊กตาแต่ละตัวออกมาราวกับนิยาย จึงทำให้ตุ๊กตา BJD แต่ละตัวมีคาแร็กเตอร์ที่แตกต่างกันไป แล้วแต่ว่าตัวไหนจะไปโดนใจใคร ตลาดของ BJD จึงเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง

**************
เรื่องโดย : ศศิวิมล แถวเพชร / นับดาว รัตนสูรย์







กำลังโหลดความคิดเห็น