สาวห้าวรุ่นใหม่ไฟแรง พลังความคิดล้นเหลือพร้อมที่จะสร้างสรรค์งานใหม่ๆ ขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา ทุกๆ วิถีทางจังหวะในการก้าวเดินแต่ละก้าวของชีวิตนั้นช่างแตกต่างกับนิสัยอันโลดโผน กล้า บ้าบิ่น และตัวตนอันแท้จริงของเธอผู้นี้ บีม – รุสนันท์ ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม ผู้ยอมรับในการเปลี่ยนแปลงและเปิดรับสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา
หากพูดถึงครีเอทีฟรายการ พิธีกรขวัญใจคนรุ่นใหม่ รายการไอทีน จะมีชื่อของ บีม – รุสนันท์ ทายาทของ ณภัทร ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม ที่เป็นทั้งผู้ผลิตรายการ โฆษณา และ ภาพยนตร์ และอีกมากมาย กับทายาทคนนี้ที่เรียกได้ว่า “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น”
ลูกคนกลางเอาแต่ใจ
พี่น้อง 3 คน ด้วยเพราะบีมเป็นลูกคนกลาง และเป็นผู้หญิงคนเดียวในบ้าน เธอจึงเล่าว่า “เราเป็นลูกคนกลาง เคยคิดเหมือนกันนะว่าทำไมแม่ต้องเป็นห่วงพี่กับน้องเรามากขนาดนั้น แต่เราก็จะรู้สึกแค่ว่าน้อยใจเพราะเราเป็นลูกคนกลาง ทำไมแคร์ความรู้สึกกันเยอะขนาดนี้เลยเหรอ แต่ด้วยความรักของบ้านเรา พี่ก็จะต้องยอมทุกอย่าง ต้องดูแลเราเหมือนกัน ”
“อย่างถ้าเรามีนมมาสองขวดพี่ก็จะเอามาให้เราเลือกก่อนว่าเราจะเลือกขวดไหน เราก็เลือกขวดที่มันมีเยอะๆ ไว้ก่อนทุกครั้ง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเทียบทำไมมันก็เท่ากันทั้งสองขวด ส่วนคุณพ่อเราเป็นลูกผู้หญิงคุณพ่อก็จะตามใจ ไปเที่ยวกันถ้าบีมบอกว่าไม่อยากไปที่นี่ ทุกคนก็จะเปลี่ยนที่ไปทันที ก็เลยไม่รู้สึกอิจฉาพี่กับน้องมากเท่าไหร่”
จากนิเทศศาสตร์เป็นสายการตลาด
หลังจากเรียนจบทางด้านนิเทศศาสตร์ และได้เข้าร่วมฝึกงานกับสิ่งที่ตนเองเรียนมา ด้วยบุคลิกของเธอไม่อยู่นิ่งกับที่ ไม่ชอบการเข้าออกงานตามเวลา เหมือนหลายๆคน จึงทำให้เธอเองออกอาการถึงขั้นเป็นลม จึงทำให้เธอเลือกที่เปลี่ยนสายอาชีพไปสนใจทางด้านการตลาด
“บีมสนใจมาตั้งแต่ตอนเรียนจบใหม่ๆ เราไม่ชอบทำงานอยู่ออฟฟิศ ไม่อยากอยู่นิ่งๆ ตอนฝึกงานวันแรกเราก็อยู่ดีดีกลับบ้านมาเป็นลม มันก็ไม่ได้ทำงานอะไรหนักหรอกนะ เราจึงไปขอย้ายสายฝึกงาน พี่เขาเลยบอกว่ามีอยู่ฝ่ายเดียวเท่านั้นคือฝ่ายเซลส์ พออีกวันไปฝึกเราก็ไปเริ่มงานกับพี่ๆ ฝ่ายเซลส์ ให้พี่เขาคุยงานไป นั่งรอพี่เขาคุย ได้นั่งจิบกาแฟ แค่เอาลูกค้าอยู่ เราก็เสร็จแล้วไม่ต้องเข้าออฟฟิศ ช่วงนั้นมีความสุขมาก (หัวเราะ) เลยรู้สึกว่าชอบด้านการตลาดมาตั้งแต่วันนั้นเลย ”
ชีวิตฮา...แต่เครียด
เพราะเธอเริ่มงานตั้งแต่วัย 19 ปี จึงทำให้ไฟในตัวของเธอยังล้นปรี่และเต็มไปด้วยพลังของคนรุ่นใหม่ๆ และความตั้งใจมากจนบางครั้งก็ถึงขั้นท้อแท้บ้างเช่นกัน
“รู้สึกว่าตัวเองทำงานหนักนะ ทำงานตลอดเวลา แต่มันก็สนุกกับการทำงาน เราต้องเอาชนะกับมันให้ได้ แต่พอเราได้มาเราก็ไม่ได้เก็บนะ ใช้ตลอดมีเวลาไปเที่ยวบ้าง”
แม้ใครจะมองว่าบีมเป็นคนตลก เฮฮา บ้าบอ สนุกสนาน ไร้ขีดจำกัด แต่หากเอาเข้าจริงในเวลาทำงาน เธอจะมีบุคลิกที่ใครๆ ไม่เคยเห็น
“เราเป็นคนเครียดนะ ไม่ได้ดั่งใจเรา อย่างตั้งความหวังกับอะไรไว้ เราตั้งไว้สูงมาก มันก็เครียด ก็คิดว่า เฮ้ย! ทำไมเราทำไม่ได้ มันต้องมีอะไรสักอย่างที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ ลงทุนไปมันไม่ได้กลับคืนมา ก็ต้องกดดันตัวเอง คิดเสียว่าพอจบแล้วก็ปล่อยมันไปซะ แต่ไม่ใช่ว่าล้มแล้วจะทิ้งกลางคันนะ ก็ทำให้มันเสร็จ แล้วก็บอกตัวเองให้ถอยออกมาสเต็ปหนึ่ง ถ้าจะเริ่มทำอีกเราก็ต้องไปหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ให้เกิดความคิดเกิดแรงบันดาลใจใหม่ๆ”
ตัวตนทั้งในและนอกจอ
จากพิธีกรรายการวัยรุ่น รายการ “ไอทีน” มาเป็นครีเอทีฟรายการเรียลิตีการตลาดอย่าง “รายการเกมกลยุทธ์” ทั้งสองรายการมีสาวห้าวคนนี้เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ด้วยบุคลิกของสองรายการมีความแตกต่างกันอย่างมาก จึงทำให้เกิดความสงสัยว่า แล้วรายการไหนที่เป็นตัวเธอมากที่สุด
“มันดูตลกนะ แต่มันก็ไม่ได้ขัดกันนะสำหรับตัวเรา คาแร็กเตอร์นอกจอกับในจอมันเป็นตัวเราอยู่แล้ว คนที่เห็นก็จะทักไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ ทำให้เรารู้สึกดีที่เขาสามารถสัมผัสทั้งในและนอกตัวเรา มันจะไม่สามารถเซตทุกอย่างที่เป็นบีมได้
อย่างเคยทำตัวเป็นการ์ตูน แล้วคนดูก็บอกว่ารู้สึกมันไม่ใช่ตัวเรา ก็จะจดหมายมาแซวเรา แต่บางสิ่งเราก็ต้องบังคับตัวเราเหมือนกัน เรามีกลุ่มดูรายการเป็นวัยรุ่น เราก็ต้องทำตัวให้เป็นวัยรุ่น ต้องยอมไปอ่านบอร์ดเกาหลี นักร้องเกาหลี ดูมิวสิก คอนเสิร์ตก็ต้องจำชื่อให้ได้ พอวัยรุ่นเขาพูดอะไรกันเราก็ต้องรู้ให้หมด จากเราที่เคยคิดว่าเด็กมันบ้าไปแล้ว เราก็ต้องเอาความรู้สึกเหล่านี้มาอยู่ในรายการที่เราจะทำ เพื่อให้เกิดความรู้สึกเดียวกัน”
จากเบื้องหน้าสู่การเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง สำหรับบีมเองยอมรับมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทำให้รู้จักการทำงานที่มันเป็นสเต็ป และเป็นทีมมากขึ้นกว่าเดิมตอนเข้ามาทำแรกๆ
“มันมีความต่างกันนะ พอเราอยู่ด้านหน้า เราไม่สามารถมาคิดอะไรได้อีกแล้ว ตอนเด็กบีมยังแยกไม่ได้ว่า เป็นพิธีกรกับครีเอทีฟต่างกันยังไง ซึ่งตอนนั้นเราอยากจะเปลี่ยนสคริปต์ เราก็จะโดนโปรดิวเซอร์ด่า ว่า มันเป็นเรื่องหน้ากล้องที่ต้องรันแล้ว ไม่ใช่จะมาเปลี่ยนตอนไหนก็ได้ มันถูกเซตเอาไว้แล้ว บางทีมันพลาด แต่พอโตขึ้นเราก็จะแยกได้ว่ามันมาอย่างนี้เราก็ต้องทำไป มันคือหน้าที่ ทำให้เต็มที่ก็พอ ตอนพักเราจะเพิ่มอะไรก็เพิ่ม อยู่หน้ากล้องเขาสั่งอะไรก็ต้องทำแล้วล่ะ กว่าเราจะแยกแยะได้คนอื่นก็ทนทุกข์กับเรามานานอยู่มั้ง”
คุณแม่ก็แค่ตัวอย่าง
ทุกครั้งเมื่อพบปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆ ในการทำงาน เธอออกตัวก่อนเลยว่า “ถ้าปัญหาต่างๆ มันคอขาดบาดตายจริงๆ ก็ไม่ค่อยจะปรึกษาแม่เท่าไหร่นะ เราก็จะมาคุยกันในทีมมากกว่า ต้องประชุมกัน แก้ปัญหากันไปในแต่ละปัญหาที่เราเจอ ”
“อย่างรายการไอทีนที่เราทำ แม่ก็จะเป็นคนดูโครงให้ว่าความเป็นไปได้ในการที่เราจะมาทำงาน จะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าแม่บอกว่าไม่เวิร์กนะ เราก็จะมาแก้จนกว่าเค้าจะบอกว่าโอเค แล้วค่อยรันเทป โดยแม่จะตั้งโจทย์ให้เราคิด 2 ชั่วโมง จะสามารถคิดได้กี่ตอน ถ้าได้ 20 ตอนแสดงว่า ต่อไปเราจะไม่ตัน ถ้าคิดไม่ได้ก็จะไม่ให้ทำ แสดงว่าทำแล้วมันจะตัน”
“คุณแม่เป็นแค่ตัวอย่างในการวางแผนในการทำงานเท่านั้น เป็นคนที่คอยสอนวิธีการทำงานแต่ไม่ใช่คนที่จะมาสอนทำงาน เหมือนว่าเขาเป็นคนเคาะให้เราทำงานไม่พลาด ถ้าพลาดมาเค้าก็จะสามารถช่วยเราได้ ”
เกมกลยุทธ์ชีวิต
ครีเอทีฟสาวแห่งรายการเกมกลยุทธ์ เกมที่ทุกอย่างจะต้องวางแผนเพื่อให้ทุกอย่างทำแล้วประสบความสำเร็จ และไปให้ถึงยังเป้าหมายที่ได้ตั้งเอาไว้ สำหรับชีวิตเธอเชื่อว่าทุกคนย่อมมีการวางแผนชีวิตเพื่อตัวเองทั้งนั้น
“ชีวิตของแต่ละคนมีกลยุทธ์ของตัวเองได้เพียงแค่คุณมีเป้าหมาย คิดว่าจะทำอย่างไรให้ไปถึงเป้าหมายที่เราตั้งเอาไว้ ทุกคนมีแผนของตัวเอง คนไม่มีการวางแผนจะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต แต่เขาก็คงจะมีวิธีการของเขาที่จะทำให้ไปสู่ตรงจุดต่างๆ ที่ปรารถนาได้ยังไง เพียงแค่คุณคิดว่าอายุเท่านี้คุณต้องการสิ่งนี้ นั่นก็เป็นการวางแผน ซึ่งมันไม่ได้อยู่ที่ตำรา แต่มันอยู่ที่ตัวเราต่างหากล่ะ”
“จะไปเที่ยวสักที่หนึ่งคุณก็ต้องคิดแล้วว่าจะไปเที่ยวที่ไหน ไปยังไง ต้องเอาอะไรไปบ้าง อยากไปเที่ยวที่ไหนก่อน นั่นล่ะแผนทุกอย่างคือการวางแผนทั้งหมด แต่แผนจะดีไม่ดีก็เราเนี่ยแหละที่เป็นคนวางแผนวางกลยุทธ์ชีวิตของเราเอง”
บีมไม่เชื่อเลยว่าใครจะประสบความสำเร็จแล้วจะไม่มีการวางแผนเอาไว้ เค้าอาจจะมีโกลด์อยู่ที่ว่า เอาอะไรก็ได้ตอนอายุเท่านี้ นั่นก็คือแผน มันมีการวางแผนมันเชื่อ มันไม่ได้อยู่ในตำรานะ มันคืออยู่ที่ตัวเราเอง ทำทุกอย่งไปซื้อของยังจะวางแผน จะไปสยามคุณจะวางแผน นั่งรถเมล์สายไหนไป มันก็คือการวางแผนอย่างหนึ่งในชีวิตนะ
******************
*** ผู้ใหญ่เขาล้มมาก่อน ล้มแล้วจำ ถ้าคุณไม่เชื่อลองคุณไปล้มสักตั้งก่อน แต่รู้ว่าล้มปุ๊บแล้วกลับมาหาเขา มันทำให้เสียเวลาเสียเงิน เสียหลายๆอย่างไปแล้ว แม่พ่อก็คิดจะทำยังไงก็ได้ที่ทำให้ไม่ล้มแล้วไม่ส่งผลกระทบมาถึงตัวเค้า กว่าเราจะคิดได้ ก็เหมือนบัวอยู่ในตม
*** กลยุทธ์ชีวิตไม่ได้อยู่ที่ประวัติการทำงาน มันอยู่ที่ว่าคิดยังไงมากกว่า การไปทำอะไรเอาดาบหน้ามันเปลืองกว่านะ ทุกอย่างเราต้องเผื่อเอาไว้ก่อนเพราะจะได้ไม่ต้องไปแก้ไขปัญหาข้างหน้า ซึ่งบางทีมันก็แก้ไม่ได้แล้ว
ภาพโดย : ศิวกร เสนสอน