“พูดอะไรไม่คิดก่อน พยายามจะให้มันหายไป ไม่ปล่อยวาง โกรธก็จะจำอยู่อย่างนั้น” นี่คือประโยคสั้นๆ ที่เราได้พูดคุยและได้ยินจากปากของ “หญิงแอร์” หรือ “หม่อมราชวงศ์ จันทรลัดดา ยุคล” ธิดาคนรองของ หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล และ หม่อมศิริพร ยุคล ณ อยุธยา (สิ้นชีพแล้ว) คำข้างต้นกลายเป็นบุคลิกข้อเสียที่หญิงแอร์บอกว่ามีอยู่ในตัวและอยากที่จะปรับเปลี่ยน
หลายๆ คนคงเคยคุ้นหน้าคุ้นตากับหม่อมราชวงศ์คนสวย และมีบุคลิกดี มั่นใจคนนี้ จากงานแสดงภาพยนตร์ของท่านมุ้ย (หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ) ตามงานเดินแบบอีเว้นต์ต่างๆ และฐานะดีไซเนอร์และเจ้าของห้องเสื้อฟลามิงโก้ ในสยามสแควร์ ซอย 2 ร้านเล็กๆ ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งกาลเวลาที่ทำให้หวนนึกไปถึงการแต่งกายสมัยอดีต
ชีวิตของหญิงแอร์เติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูจากท่านย่า และท่านป้า (หม่อมเจ้ามาลินีมงคล (ยุคล) อมาตยกุล) หลังจากผู้เป็นมารดาได้จากไป การเลี้ยงดูจึงทำให้หญิงแอร์ซึบซับวิถีการดำเนินชีวิตตามแบบฉบับท่านย่าและท่านป้าเข้ามาใช้ควบคู่กับชีวิตของคนหนุ่มสาวในยุคปัจจุบัน
“หญิงจะมีไอดอลเป็นท่านย่า (หม่อมอุบล ยุคล ณ อยุธยา) อยู่แล้ว ท่านเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่ยังเด็ก เห็นคุณย่าแต่งตัว จะออกไปไหน คุณย่าก็จะแต่งตัวดูดี เรียบโก๋ ผู้ดี ตอนสมัยยังเด็ก หญิงจะชอบไปรื้อค้นรูปคุณย่าสมัยยังสาวมาดู แล้วก็จะชอบแต่งตัวแบบคุณย่า หลานๆ อย่างน้องแมงมุมก็จะชอบแต่งตัว แต่จะแต่งตัวมากกว่าหญิง แต่น้องแมงมุมจะมีความมั่นใจมากกว่าหญิงเยอะเลย”
หลังจากหญิงแอร์เรียนจบทางด้านประชาสัมพันธ์ ที่มหาวิทยาลัยรังสิต และทำงานทางด้านเสื้อผ้า แต่สิ่งที่หญิงแอร์นั้นใฝ่ฝันยังคงเป็นการเปิดร้านเสื้อผ้าเป็นของตัวเอง เธอเล่าว่า ร้านฟลามิงโก้ เปิดมาได้ 2 ปีแล้วมีอยู่ 2 สาขา ร้านนี้มีหุ้นส่วนในการทำอยู่ 5 หุ้น แต่หลักๆ แล้วหญิงแอร์จะเป็นผู้ดูแลร้านเองทั้งหมด และด้วยการซึบซับการแต่งกายจากท่านย่า คอนเซ็ปต์ของ ฟลามิงโก้จึงเป็นเสื้อผ้าสไตล์วินเทจ ย้อนยุค
“หญิงเป็นคนชอบแต่งตัว เสื้อผ้าในร้านหญิงจะเป็นคนออกแบบทั้งหมด ออกไปเดินซื้อผ้าตามสำเพ็ง เราชอบแบบไหนก็ออกแบบมาแบบนั้น”
จากความชื่นชอบส่วนตัว การออกแบบเสื้อผ้าหรือสีสันต่างๆ หญิงแอร์ยอมรับเช่นกันว่า การออกแบบมาแล้วสิ่งที่ควรคำนึงถึงก็คือลูกค้า สไตล์ที่ดูทันสมัย ซึ่งบางครั้งการออกแบบตามใจตัวเอง เป็นเรื่องยากที่จะทำให้คนส่วนใหญ่มาชื่นชอบในแบบที่เราออกแบบมาทั้งหมด สิ่งนั้นเองที่กลายเป็นบทเรียนว่าเราต้องปรับให้คนอื่นชอบบ้าง หันมาศึกษาเปิดดูแฟชั่น สีสันซึ่งเอามาปรับใช้กับทางร้าน
เสื้อผ้า,กระโปรง, กางเกง ตามแต่กาลเทศะ โอกาสงานที่จะต้องออก เครื่องประดับของเธอก็ไม่ได้มากชิ้นอย่างคนอื่น นอกจากแหวนวงเรียบที่เธอบอกว่าจะติดตัวอยู่ตลอดเวลา และรองเท้าที่สามารถเข้ากับชุดที่ใส่ได้ เท่านี้ก็ทำให้หญิงแอร์สวยอย่างเรียบโก๋ และดูดีได้ตลอดเวลา
"ถึงหญิงจะเป็นคนทันสมัยคนหนึ่ง แต่คุณย่าสอนว่าจะไปไหนก็ต้องให้เข้ากับกาลเทศะ เพื่อนก็จะชอบถามว่าทำไมเราถึงแต่งตัวแบบนี้ ก็เพราะที่บ้านเราสอนให้เกียรติงาน หญิงจะชอบจับเพื่อนมาแต่งตัว เป็นคนสังเกต ใครแต่งตัวขัดตาเราก็จะจับมาแต่งใหม่”
ในวันว่างนอกจากการทำงานในร้านเสื้อแล้ว งานอีเว้นต์ก็ถือเป็นอีกหนึ่งงานอดิเรก เมื่อได้รับเชิญให้ไปร่วมก็จะไป นอกจากนี้ก็ยังชอบเดินเล่นแถวสยาม เพื่อเป็นการอัปเดทเทรนด์ต่างๆ ให้กับตัวเองและห้องเสื้อฟลามิงโก้ด้วยเช่นกัน
ทั้งคำพูดบวกกับบุคลิกภายนอกที่เธอดูเป็นผู้หญิงตรงๆ จึงทำให้บางครั้งใบหน้านิ่งๆ ที่เธอเองบอกว่าความรู้สึกเฉย มันยิ่งแสดงออกทางใบหน้าให้ลูกค้าที่เข้ามาพบเห็นเธอในร้าน อาจมองว่าเธอมีท่าทีดุ
“ถ้าหญิงนิ่งๆ หน้าจะดูเหมือนดุนะ แต่จริงๆ เราไม่ได้คิดอะไรเลย ไม่ได้รู้สึกโกรธใคร หรือรู้สึกอะไรยังไง ซึ่งเราไม่ใช่คนที่จะมาเจ๊าะแจ๊ะกับใครง่ายๆ”
ภาพลักษณ์ที่มีบุคลิกนิ่งๆ ตรงๆ ห้าว ใจร้อน พูดไม่คิด ไม่ปล่อยวาง ไม่พอใจอะไรก็จะกรี๊ดกร๊าด เสียงดัง คงเพราะนี้เองจึงกลายเป็นข้อเสียที่ทำให้ตัวของเธออยากจะแก้ไขอยู่ ตลอดเวลา
“เคยทำให้คนที่เรารักเสียใจ เราเคยได้พูดว่าญาติเราไป เราก็กลับมาคิดว่ามันไม่ดี เราก็กลับมาคิดเเล้วก็กลับไปขอโทษเขา เราเป็นคนใจร้อนทางคำพูดมากกว่าการแสดงออกมา บางครั้งคำพูดที่พูดออกมามันเร็วกว่าความคิด”
“ท่านป้าของหญิงจะแนะนำให้หญิงอ่านหนังสือธรรมะ สวดคาถาชินบัญชร อาทิตย์ละครั้ง ตอนนี้ก็ยังเป็นคนโกรธแต่ไม่ค่อยแสดงออก แต่ยังคงเป็นคนใจร้อนอยู่ อยากจะไปนั่งสมาธินานๆ เหมือนกัน เผื่อจะได้ช่วยอะไรเราได้บ้าง”
แต่ข้อเสียเหล่านี้เองที่หญิงแอร์ได้บอกเอาไว้ทั้งหมดหากกลับมามองก็จะกลายเป็นข้อดีที่ทำให้คนอื่นได้เรียนรู้และได้รู้จักตัวตนของเธอเองได้ง่ายขึ้น
“เราเป็นแบบนี้เพราะว่าที่บ้านเราทุกคนจะเป็นคนตรงๆ พูดตรงไปตรงมา ก็เลยทำให้คนอื่นได้มองเห็นตัวตนของเราได้เร็วขึ้น เพื่อนบอกว่าเราเป็นคนมีน้ำใจ เป็นคนจิตใจดี ขี้สงสาร”
ด้วยอารมณ์ของเธอจึงทำให้หันหน้าเข้าวัดมากขึ้น และหมั่นที่จะทำบุญมากขึ้นกว่าเดิม การทำบุญเธอจึงนิยามเอาไว้แค่ทำตามกำลังทุนที่มี
“หญิงจะทำบุญตามเท่าที่กำลังทรัพย์ที่พอจะมีเท่านั้น เราไม่ใช่ว่าอยากทำก็ทำ แต่ถ้าทำแล้วเราไม่พร้อมมันไม่ใช่เรื่องของการที่เราทำแล้วจะมีความสุข เพราะทำไปก็ไม่ได้บุญ แต่เราจะหมั่นไปทำทาน วันเกิดก็จะไปทำทานตามสถานเลี้ยงเด็ก หรือถ้าเห็นคนไหนน่าสงสารเราก็จะให้ทานเขาไป เมื่อก่อนเราไม่เคยคิดว่าทำแล้วจะได้บุญ แต่ตอนนี้คิดแค่ว่าอยากทำเมื่อไหร่ก็จะทำเท่านั้นเอง แต่ก็ต้องมีกำลังทรัพย์พอที่จะทำเหมือนกันนะ”
แม้กระทั่งการทำบุญผู้ที่คอยปลูกฝังเธอและคอยเป็นตัวอย่างให้หญิงแอร์รักที่จะทำบุญคอยแบ่งปันให้ผู้อื่นก็คือ ท่านป้า ผู้ที่มักพาเธอออกไปวัดบ่อยครั้ง ร่วมทำบุญสร้างสิ่งปลูกสร้างให้แก่วัดอีกมากมาย
“ป้าจะเป็นเหมือนเทวดาเลยก็ว่าได้ นอกจากป้าจะเลี้ยงหญิงมาตั้งแต่เด็กแล้ว ป้ายังเลี้ยงทุกคนในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ทั้งคนใกล้ชิดคอยดูแล แม้กระทั่งญาติของคนอื่นด้วยเช่นกัน ใครขออะไรป้าก็จะให้ ก็ช่วยทำ ถ้าหญิงพอจะมีกำลังทรัพย์เหมือนป้าก็อยากจะทำบุญเหมือนท่านเช่นกัน”
แต่มีอีกสิ่งที่ทำให้เธอภาคภูมิใจมากคือการถูกทาบทามให้เป็นพรีเซ็นเตอร์โครงการ “สายรัดข้อมือมหามงคลสมเด็จพระสังฆราช” เป็นสิ่งที่ทำให้เธอปลื้มและยินยอมได้รับโอกาสในการเป็นพรีเซ็นเตอร์ครั้งนี้
“หญิงเห็นว่าโครงการนี้ดีนะ การออกมาทำริสต์แบนด์เพื่อศาสนา เป็นการทำเพื่อให้วัยรุ่นที่ห่างจากพระพุทธศาสนาได้เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น เพราะการใส่ริสต์แบนด์ยังเป็นสิ่งที่วัยรุ่นยังคงใส่ได้ จะให้มาใส่พระองค์ใหญ่วัยรุ่นก็คงไม่ชอบ เป็นเรื่องที่ทำให้เข้าถึงวัยรุ่นได้ง่ายดี อยากให้คนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจธรรมะบ้าง”
สุดท้ายเธอบอกว่าการทำทุกอย่างจะต้องมีสติ จะทำให้ทุกๆ อย่างดีขึ้น ไม่ต้องกลับมาแก้ไข และสิ่งที่อยากทำในอนาคตก็ยังคงทุ่มเทให้กับห้องเสื้อฟลามิงโก้ เพื่อให้ร้านที่ตัวเองพยายามสร้างขึ้นมา หวังไว้จะขยายให้มากกว่านี้
ภาพโดย : ศิวกร เสนสอน