ว่ากันว่าสัตว์โลกทุกตัวย่อมมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ถึงแม้ว่าจะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน เป็นสัตว์ที่มีสปีชีส์เดียวกัน เป็นพี่น้องกัน กระทั่งตัวของมนุษย์เองถึงจะมีความใกล้ชิดหรือมีลักษณะที่เหมือนกันทุกอย่าง มีพันธุกรรม บรรพบุรุษเดียวกันมาก่อน ย่อมก็ต้องมีความแตกต่างหรือสัญชาตญาณที่ทำให้แต่ละคนมีลักษณะเด่นเป็นของตัวเองกันแทบทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตามสัตว์ร่วมโลกมนุษย์หรือสัตว์ที่อยู่รอบๆ กายของมนุษย์ ที่จะพามารู้จักกันในวันนี้ ต่างก็มีความโดดเด่นที่มีความแตกต่างกันออกไป ตามแต่สัญชาตญาณของตัวใครตัวมันเช่นกัน... มาเริ่มดูกันเลยดีกว่าว่า สัตว์โลกผู้น่ารักของเราเองมีความโดดเด่นและน่าทึ่งมากแค่ไหน
ค้างคาว : ใช้คลื่นเสียงหาอาหาร
นกมีหู หนูมีปีก... คำนี้ใครๆ ต่างก็เข้าใจตรงกันว่าเป็น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างค้างคาว ที่มีอายุยืนยาวนานถึง 32 ปี ในตัวของ ค้างคาวเอง มักจะมีเรดาร์ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่มนุษย์อย่างเราๆ กันเองก็คงไม่มีสิทธิ์จะได้ยิน หรือได้เห็นเจ้า เรดาร์ ชนิดนี้ อย่างแน่นอน
ค้างคาวมักใช้คลื่นเสียงที่มีความถี่สูง (sonar) โดยจะมีการส่งคลื่นเสียงนี้ออกไปแล้วสะท้อนกลับมาเพื่อทำให้รู้ว่าบริเวณนั้นมีอาหารสำหรับพวกมันอยู่จริง บางชนิดสามารถจับแมลงได้ถึง 600 ตัวต่อ 1 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตามในความสงสัยและเป็นปัญหาที่เรายังไม่ทราบคำตอบก็คือว่าค้างคาวทราบได้อย่างไรว่าเสียงที่สะท้อนก้องกลับมานั้นเป็นเสียงที่ไปกระทบกับแมลงที่มันจับกินเป็นอาหารได้ หรือว่ากระทบกับสิ่งกีดขวาง ค้างคาวบางพวกสามารถฉกแมลงที่กำลังเกาะอยู่ตามกิ่งไม้และใบไม้ได้ ขณะที่มันบินโฉบถลา
สมมติเราขว้างก้อนหินไปเบื้องล่าง ค้างคาวบินโฉบลงมา ในทันใดนั้นเองมันก็จะถลาจากไป ค้างคาวจะมีสัญชาตณาณในการบอกความแตกต่างระหว่างแมลงกับก้อนหินที่เราขว้างได้อย่างไร ยังคงเป็นคำถามที่ไม่สามารถหาคำตอบได้แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็พอสรุปได้ว่าซูเปอร์โซนิกคือเรดาร์ของค้างคาวที่เป็นกลไกอันเลิศลอยและละเอียดอ่อนมากทีเดียว แต่ก็ต้องเชื่อว่าค้างคาวแต่ละตัวคงจะมีคลื่นเสียงความถี่ที่ต่างกันเล็กน้อย จึงทำให้พวกมันเองทราบว่าไม่ใช่เสียงของตนเอง
ปลาฉลามขาว : เพชฌฆาตเลือดเย็นแห่งท้องทะเล
อีกหนึ่งเพชฌฆาตในพื้นท้องทะเล ที่มีความสามารถคล้ายกับฉลามสายพันธุ์อื่นๆ ที่ต่างก็มีอวัยวะที่รับสัมผัสพิเศษ ในการตรวจจับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่แผ่ออกมาจากสิ่งมีชีวิตที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ใต้ผิวน้ำ ปลาฉลามขาวสามารถมีสัมผัสที่ไวเป็นพิเศษ ที่สามารถตรวจจับได้แม้มีความแรงเพียง 1/1000,000,000 โวลต์ ซึ่งต่างจากปลาชนิดอื่นๆ ที่ไม่มีพัฒนาการถึงขั้นนี้
การที่ปลาฉลามขาวนั้นประสบความสำเร็จในการล่าเหยื่อที่มีความว่องไวสูง สิงโตทะเล สัตว์เลือดเย็นอย่างปลาฉลามขาวได้พัฒนาระบบรักษาความร้อนภายในร่างกายให้สามารถรักษาอุณหภูมิให้สูงกว่าอุณหภูมิของน้ำภายนอกได้ ความสามารถนี้ทำให้ปลาฉลามขาวรักษาระดับอุณหภูมิในตัว สูงกว่าอุณหภูมิน้ำทะเลรอบตัวประมาณ 14ํC (เมื่อล่าในเขตหนาวจัด) โดยที่หัวใจและเหงือกยังคงอยู่ที่อุณหภูมิของระดับน้ำทะเล
เจ้าสิงโตทะเลนี้มีชื่อเสียงในเรื่องเป็นนักล่าที่โหดร้าย เป็นเครื่องจักรสังหาร และมีเทคนิคในการซุ่มโจมตีเหยื่อจากด้านล่าง ในระยะประชิด แม้กระทั่งการล่าโลมาฉลามขาวยังมีความสามารถในการหลบหลีกคลื่นโซนาร์เพื่อให้จับว่ากำลังมีศัตรูเข้าจู่โจมอีกด้วย
ผีเสื้อกลางคืน : ปล่อยฟีโรโมนหาคู่ชูรัก
มอธ หรือผีเสื้อกลางคืน หลายคนอาจสงสัยว่าผีเสื้อกลางวันกับกลางคืนมีความแตกต่างกันอย่างไร สามารถจำแนกได้ด้วยตาเปล่าเพราะลักษณะภายนอกแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยเฉพาะส่วนของหนวด ผีเสื้อกลางวันหนวดมีแบบเดียวคือ รูปกระบอง (Clavate) ในขณะที่ผีเสื้อกลางคืนมีหนวด 2 ลักษณะคือ แบบซี่ฟันหวี (Bipectinate) และแบบเส้นด้าย (Filliform) อีกทั้งลักษณะพฤติกรรมที่ไม่เหมือนกันแม้กระทั่งการกระพือปีก จนกล่าวได้ว่า แค่เพียงเห็นบินผ่านก็บอกได้แล้วว่าเป็นผีเสื้อกลางวันหรือกลางคืนครับ
นอกจากนี้สัญชาตญาณของผีเสื้อทั้งสองชนิดนี้ยังมีความแตกต่างกัน ในเรื่องของการหาคู่ ผีเสื้อกลางคืน ซึ่งจะปล่อยสารฟีโรโมนออกมาในอากาศเพื่อดึงดูดเรียกเพศตรงข้าม ซึ่งสามารถส่งกลิ่นนี้ไปได้ไกลถึงเจ็ดไมล์หรือ11กิโลเลยทีเดียว
โดยตัวเมียจะหลั่งฟีโรโมนจากต่อมบริเวณท้องและถ้านำสารนี้ไปป้ายที่วัตถุอะไรก็ตาม ตัวผู้จะสามารถเวียนรอบวัตถุนี้ และแสดงท่าทางต้องการที่จะผสมพันธุ์
คงเพราะสาเหตุนี้จึงเป็นที่เชื่อกันมานานแล้วว่า สัตว์เพศผู้ทั้งหลายมีตัวรับกลิ่นเสน่ห์ หรือฟีโรโมนดังกล่าวอยู่ในสมองจึงสามารถที่จะหลงเสน่ห์เพศเมียได้ ในขณะที่สัตว์เพศเมียไม่มีตัวรับกลิ่นดังกล่าว จึงไม่มีการหลงเสน่ห์ตัวเอง
นกฮัมมิ่งเบิร์ด : นกน้อยปีกจอมพลัง
นกฮัมมิ่งเบิร์ด เจ้านกน้อยหลากสีสัน ที่มีความสามารถในการบินได้รอบทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นบินไปข้างหน้า บินถอยหลัง บินขึ้น-ลงในแนวดิ่ง นกชนิดนี้มีความยาวไม่เกิน 6 เซนติเมตร ด้วยตัวเล็กๆ สามารถกระพือปีกได้เร็วถึง 80 ครั้ง/วินาที จึงทำให้มันสามารถลอยนิ่งอยู่ในอากาศและยังหมุนได้รอบทิศ ดั่งการควบคุมด้วยไดนาโมจิ๋ว จะทำให้การบินไปในทิศทางได้ตามใจชอบ
การหาอาหารของเจ้านกน้อยฮัมมิ่งเบิร์ดด้วยการบินไปดูดน้ำหวานจากดอกไม้ป่าโดยไม่ต้องเกาะดอกไม้ให้บอบช้ำ เสียความสวยงาม ส่วนถิ่นอาศัยของมันอยู่ที่มีภูเขา คนฝรั่งเศสเรียกมันว่า oiseaumouche แปลว่า นกที่ใหญ่กว่าแมลงวัน
แต่คุณสมบัติที่โดดเด่นและน่าสนใจที่สุดคือ ความสามารถในการเก็บสะสมและปลดปล่อยพลังงานภายในตัวของมัน แต่หากคนจะมีพลังงานเท่านกเล็กชนิดนี้ เขาต้องมีกำลังถึง 40 กำลังม้า โดยจะต้องกินอาหารวันละ 130 กิโลกรัม และต้องสามารถกำจัดพลังงานความร้อนในร่างกายให้หมดอย่างรวดเร็ว เพราะมิฉะนั้นร่างกายจะมีอุณหภูมิร่างกายจะสูงถึง 400 องศาเซลเซียส
แมว : เสือซุ่มในที่มืด
โดยธรรมชาติของแมวเก้าชีวิตแล้ว แมวเป็นสัตว์ที่มีจอประสาทตาที่คมชัดมากๆ ทำให้มันเองสามารถล่าเหยื่อในตอนกลางคืนได้ ถือได้ว่าแมวเป็นสัตว์ตระกูลเดียวกับเจ้าเสือดุร้าย หรือสัตว์ที่มีกรงเล็บแหลมคม แมวจะนอนหลับในตอนกลางวันและตื่นขึ้นมาในเวลากลางคืน โดยชั้นเนื้อเยื่อที่สะท้อนแสงได้ที่เรียกว่า tapetum lucidum ซึ่งทำให้แมวสามารถตาวาวขึ้นมาในช่วงเวลากลางคืน ชั้นเนื้อเยื่อสามารถรับแสงได้ดีกว่าตามนุษย์ถึง 6 เท่า
จะสามารถสังเกตตาของแมวได้ว่า แมวจะมองไม่เห็นในที่มืดสนิท แต่จะเห็นได้ดีในที่สลัวๆ แต่ในขณะเดียวกันก็มองในที่จ้ามากไม่ได้เช่นกัน เวลาที่เรามองเห็นตาแมวสว่างวาวอยู่ริมถนนในเวลากลางคืน นั่นคือกระจกเล็กๆในนัยน์ตามัน กำลังสะท้อนแสงไฟจากรถของเรา ถ้าเราอยู่ในที่มืดจริงๆกับแมวตาของมันจะไม่มีแสงแววเลยเพราะว่าไม่มีแสงสว่างสะท้อนเข้าตามัน ในที่มืดสนิทแมวจะมองไม่เห็นได้ดีกว่าเราเลย แต่มันมีสายตาพิเศษดีมาก ซึ่งทำให้มันออกหากินในเวลากลางคืนได้
อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นสัตว์โลกหรือมนุษย์เองก็ตาม สัตว์ทุกชนิดและหรือมนุษย์ทุกคนย่อมต่างเอาตัวรอดซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา และและพยามแสดงความเด่นของตนเองออกมา ซึ่งสิ่งเหล่านั้นจะมีความแตกต่างกันออกไป ก็ขึ้นอยู่กับธรรมชาติและสัญชาตณาณที่สร้างขึ้นมาของสัตว์ประเภทนั้นๆ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : คุณ Epiglottis (พันทิป.คอม)