บินฟรี…แล้วยังกร่างอีก!!!

เคยร่วมเดินทางบนเครื่องบินกับคนใหญ่คนโตไหม...

“บางคนก็ชอบทำตัวกร่าง คิดว่าตัวเองใหญ่ มีชื่อเสียง นั่งเก้าอี้วีไอพี เบ่ง ว่าทุกคนต้องสนใจและเอาใจเป็นพิเศษ ไม่มีความเกรงใจใคร” นี่เป็นคำบอกเล่าถึงพฤติกรรมของลูกค้า บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ผู้ถูกกล่าวถึงเป็น ‘คนใหญ่คนโต’ ที่ได้รับสิทธิพิเศษในการบิน....

สิทธิพิเศษในการบินที่ว่านี้ คือกลุ่มนักการเมืองที่ได้รับสิทธิพิเศษในการซื้อตั๋วโดยสารที่สามารถซื้อตั๋วโดยสารได้ในราคาชั้นประหยัดและสามารถเลื่อนระดับชั้นที่นั่ง (อัปเกรด) ไปนั่งชั้นธุรกิจหรือชั้น 1 ได้ โดยไม่เพิ่มค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าที่นั่งในชั้นนั้นจะว่างหรือไม่ หากว่างก็สามารถจองที่นั่งได้ แต่หากไม่ว่างเนื่องจากผู้โดยสารปกติจองเต็มหมดแล้ว ก็จะไม่สามารถจองได้ และหากจองไม่ได้แน่นอนว่านักการเมืองเหล่านั้นก็จะแสดงความไม่พอใจ ซึ่งค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมดจะไปเรียกเก็บกับรัฐบาลทีหลัง

..............

ทันทีที่เครื่องบินเคลื่อนตัวออกจากรันเวย์ พร้อมทะยานขึ้นสู่เวหาไปได้สักระยะหนึ่ง เพื่อให้เครื่องทรงตัวอยู่บนฟ้าในระดับที่เหมาะสำหรับการบินแล้ว พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่เราคุ้นเคยกับคำว่าแอร์โฮสเตสและสจ๊วต ก็เตรียมพร้อมปฏิบัติหน้าที่ให้บริการเหล่าบรรดาผู้โดยสารบนเครื่องบิน

"รับน้ำอะไรดีคะ ท่าน" แอร์โฮสเตสสาวสอบถามผู้โดยสารที่นั่งชั้นวีไอพีท่านหนึ่งบนเที่ยวบิน
ไม่มีเสียงตอบรับจากปลายทางคำถาม
"รับน้ำอะไรดีคะ" พนักงานบริการถามอีกครั้ง
แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับจากปลายทาง ช่วงเวลาผ่านไปสักครู่ก็มีเสียงหญิงคนหนึ่งที่นั่งข้างๆ ของผู้ที่ถูกถามพูดขึ้นว่า
"อ้อ...ลืมบอกไปว่าเขาไม่สนทนากับคนรับใช้"
ตัวอย่างบทสนทนาที่พนักการบินไทยเล่าถึงประสบการณ์กับการให้บริการพวกที่คิดว่าตัวเองเป็น 'คนใหญ่คนโต' และคำนิยามของคนกลุ่มนี้ก็จะเป็นพวกนักการเมืองทุกระดับ อาทิ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พนักงานองค์การบริหารส่วนตำบล รวมถึงคณะที่ติดตามด้วย ซึ่งที่กล่าวมาเป็นพฤติกรรมของคนเพียงกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้หมายรวมถึงทั้งหมด และการกระทำดังกล่าวถือเป็นการลิดรอนสิทธิ์ของผู้โดยสารคนอื่นๆ อย่างหนึ่ง

ประสบการณ์กับการบริการคนใหญ่

ผู้จัดการประจำเครื่องบิน การบินไทย เล่าประสบการณ์ร่วมบินกับนักการเมืองดังระดับนายกรัฐมนตรีว่า“มีอดีตนายกรัฐมนตรีอักษรย่อ ท. คนหนึ่ง เขาจะมีพนักงานประจำเครื่องบินที่บริการเสิร์ฟอาหารให้เขาโดยเฉพาะเลยนะ และพอรู้ว่านายกฯ คนนี้จะบินแต่ละครั้ง ทางทีมงานเราก็ต้องเตรียมเซ็ตทีมของเขาไว้ทันที ซึ่งนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆ จะไม่มีแบบนี้ จะมีก็แค่พนักงานเสิร์ฟพิเศษเพิ่มเพียง 1 คนเท่านั้น การให้บริการของนายกฯ คนนี้ก็จะไม่ค่อยมีปัญหาอะไร เพราะว่าคนบริการเป็นทีมเขาเอง รู้ใจกันอยู่แล้ว บางรายถึงกับขนาดมีคนถอดและใส่รองเท้าให้บนเครื่องบินด้วยนะ”

พวกพฤติกรรมนักการเมืองที่ทำตัวกร่างก็มีจำนวนไม่น้อย ซึ่งที่ผ่านมาพนักงานที่เจอกับเหตุการณ์ส่วนใหญ่มีการปรับตัวและมีความเคยชิน และด้วยหน้าที่จึงไม่สามารถที่จะขัดใจได้

“เวลากร่างมาเราก็ยอมให้เขาไป บางรายพอไม่ได้ดังใจก็มีการขู่ว่าจะไปฟ้องคนโน้นคนนี้ก็มีนะ ส่วนพวกรัฐมนตรีปกติเขาก็ใหญ่อยู่แล้ว มีคนล้อมหน้าล้อมหลังบริการเต็มที่ บางรายที่เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีก็มีการเบ่งโดยการโชว์บัตรให้เราดู เพื่อที่จะขอโน่นขอนี่ ขออัปเกรดที่นั่งบ้าง ขอเอาเพื่อนมานั่งด้วยบ้าง ซึ่งเราก็ต้องยอมเขาไป”

การแสดงออกถึงพฤติกรรมของผู้โดยสารตั๋วสิทธิพิเศษ ผู้จัดการประจำเครื่องบินคนนี้ให้ความเห็นว่า เป็นการไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะแสดงออกถึงความไม่มีมารยาท

“เคยเจอรัฐมนตรีคนหนึ่งนั่งอยู่ในชั้นเฟิร์สคลาส พอถึงเวลาเราเสิร์ฟอาหาร เครื่องดื่ม เขาก็จะเรียกคนของเขาเข้ามาสั่งงานโดยไม่สนใจการให้บริการของพนักงาน พอถึงเวลาที่ต้องปิดไฟ เพื่อให้ผู้โดยสารพักผ่อน กลุ่มคนพวกนี้ก็มีการคุยกันอยู่ ซึ่งเป็นการรบกวนคนอื่น เราต้องเข้าไปบอกเขาว่าขออนุญาตปิดไฟนะครับ บางคนก็เรียกครอบครัวและญาติมานั่งทานอาหารในชั้นเฟิร์สคลาส ซึ่งมันเป็นการรบกวนผู้โดยสารท่านอื่นนะ”

จริงๆ แล้วผู้โดยสารปกติที่ซื้อตั๋วโดยสารในราคาสูงก็ย่อมต้องการความเป็นส่วนตัวในการเดินทางอยู่แล้ว แต่หากเจอสถานการณ์เบ่งของกลุ่มคนพวกนี้แล้วก็มีบ้างทีอาจจะแสดงความไม่พอใจออกมา

“เครื่องบินเราให้บริการทุกชนชาติ ทุกภาษา ไม่ได้มีเฉพาะคนไทย ชาติอื่นเขาก็จะมองว่าคนบ้านเราทำไมทำตัวมีอิทธิพลกันแบบนี้ เป็นประเทศที่ป่าเถื่อนจังเลย ทำไมให้คนมาเบ่งได้อย่างนี้ แต่ในส่วนของพนักงานเองก็ไม่กล้าไปเตือน ไปว่า เหมือนกับว่าต้องยอมรับตรงนี้ให้ได้”

มีบางเหตุการณ์ที่ผู้โดยสารที่ร่วมเดินทางไปกับคณะกลุ่มคนพวกนี้ไม่พอใจแล้วเกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกันขึ้น หน้าที่ของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินก็ต้องไปอธิบายให้ผู้โดยสารฟังว่า “คนคนนั้นเขาเป็นรัฐมนตรีครับ”

“บางทีมันก็ทำให้เราเสียลูกค้า พนักงานไม่กล้าไปเตือน ไม่กล้าไปว่า ผู้โดยสารคนอื่นก็ไม่พอใจว่าทำไมให้คนพวกนี้มาลิดรอนสิทธิ์ของเขา รบกวนความเป็นส่วนตัว แต่มันก็เป็นเหมือนอะไรที่เราเองต้องทำใจ เหมือนจะต้องยอมรับให้ได้ด้วย เพราะเราก็ไม่อยากเดือดร้อน”

ผู้จัดการประจำเครื่องบิน เล่าว่า พฤติกรรมไม่เหมาะสมแบบนี้มีให้เห็นในทุกระดับของนักการเมือง

“เขาก็เป็นเหมือนกันหมด เขาคงคิดว่าทำอะไรได้ตามใจชอบในเครื่องบิน แบบไม่เกรงใจคนอื่น โดยเฉพาะกับการบินไทย ก็อย่างที่ผมบอกว่า บนเครื่องมีหลายชาติหลายภาษา ในแต่ละคลาสก็มีทุกชาติ ทุกภาษา คุณซื้อตั๋ว เฟิร์สคลาสก็จริง แต่คุณไม่ได้นั่งคนเดียว มีผู้โดยสารอื่นปนอยู่ด้วย ซึ่งก็เป็นลูกค้าของเราส่วนหนึ่งเหมือนกัน”

นักการเมืองบางรายเรียกร้องสิทธิให้กับตัวเอง เพื่อสนองตอบความต้องการส่วนตัว

“นายทหารระดับสูงคนหนึ่งที่เป็นนักการเมืองชื่ออักษรย่อ ส. เขาจะชอบแอร์โฮสเตสที่ขาวอวบ ถ้าใครจะมาบริการเขาก็ต้องคัดคนที่ขาวๆอวบๆ มาเท่านั้น ถ้าได้แบบอื่นมาเขาก็จะไม่พอใจ”

บางเหตุการณ์นักการเมืองแสดงพฤติกรรมกับพนักงานบริการโดยตรง

“อย่างเช่นอดีตรัฐมนตรีชื่ออักษรย่อ ม. มีการเรียกพนักงานมาด่าๆๆๆ ซึ่งเขาไม่พอใจอะไรเลยสักอย่างในตอนนั้น แม้แต่ไม้จิ้มฟัน ที่เขาบอกว่าทำไมมันถึงเปราะบางได้ขนาดนี้ ไม่มีคุณภาพ ทำไมไทยถึงซื้อแต่ของห่วยๆ มาใช้ อะไรทำนองนั้น ในใจจริงๆ เราอยากตอบกลับไปว่า ผมไม่รู้ครับ เพราะผมไม่ได้ไปซื้อมาจากตลาดนี่ครับ”

ผู้จัดการประจำเครื่องบินคนเดิม ออกความเห็นว่า พฤติกรรมของนักการเมืองกลุ่มนี้ไม่มีความเหมาะสม แต่ด้วยหน้าที่และอาชีพก็มีความเป็นที่ต้องทำ ซึ่งในความจำเป็นจริงเราก็ต้องทำในสิ่งที่เราไม่อยากทำบ้าง

เล่าถึงพฤติกรรมที่ไม่ดีของนักการเมืองบนเครื่องบินมาก็มาก แต่ก็ใช่ว่านักการเมืองนิสัยดีจะไม่มี ผู้จัดการประจำเครื่องบิน เล่าอีกว่า

“บางคนเขาไม่ถือว่าตัวเองเป็นใหญ่เป็นโตนะครับ เช่น มีการบอกให้พนักงานไปเสิร์ฟอาหาร เครื่องดื่ม ผู้โดยสารคนอื่นก่อนก็ได้ ซึ่งโดยปกติเราจะต้องเสิร์ฟผู้โดยสารในชั้นเฟิสต์คลาสก่อนอยู่แล้ว คนที่ทำตัวดีก็เยอะครับ อย่างอดีตนายกฯ อีกคนหนึ่งชื่ออักษรย่อ ช. เขาจะเป็นคนรักษามารยาทมาก เขานั่งเก้าอี้ในชั้นประหยัด ผมก็ไปเชิญเขามานั่งชั้นเฟิร์สคลาสนะ เขาก็ไม่มา”

ผู้จัดการประจำเครื่องบิน กล่าวทิ้งท้ายว่า
“พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของคนกลุ่มนี้เป็นปัญหาที่เรื้อรัง ขนาดนายเรายังแก้ไม่ได้เลย เพราะว่านักการเมืองเขาก็มีการเอื้อประโยชน์กันไปมาอยู่แล้ว”

ที่มาของสิทธิพิเศษทางการบิน

แหล่งข่าวจากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับที่มาของสิทธิพิเศษทางการซื้อตั๋วโดยสารของคณะกรรมการและพนักงานการบินไทยว่า เป็นเหมือนการตอบแทนในการทำงานด้านสวัสดิการของคนทำงานที่ทำประโยชน์ให้กับบริษัทซึ่งถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ส่วนสิทธิพิเศษของนักการเมืองในการซื้อตั๋วโดยสารชั้นประหยัดแล้วสามารถอัปเกรดที่นั่งไปชั้นที่สูงขึ้นได้ก็ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมานานแล้ว

“ไม่มีระเบียบให้ถือเป็นแนวทางปฏิบัตินะ มันเริ่มมานานแล้วสำหรับพวกนักการเมืองที่สามารถขออัพเกรดที่นั่ง เพราะการให้สิทธิ์นี้ถือว่าเป็นอำนาจของผู้บริหารการบินไทย และก็เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กันและกันด้วย ส่วนกลุ่มผู้ติดตามเมื่อเขามาขอเราก็ต้องให้ แต่ก็ต้องดูด้วยนะว่ามีที่นั่งว่างไหมก็ต้องพิจารณาเป็นรายๆไปตามความเหมาะสม อย่างไรก็ตามเขาก็ได้รับสิทธิ์บินฟรีไปเต็มๆ เพราะไม่ได้จ่ายเงินเอง แถมยังได้รับการบริการแบบพิเศษอีกด้วย และบางครั้งพฤติกรรมคนพวกนี้ก็ไปกระทบกับผู้โดยสารที่เขาจ่ายเงินเต็มมาใช้บริการเราด้วย”

“ผมเคยเจอผู้โดยสารคนหนึ่ง เดินเข้ามาบอกว่า นี่จะเป็นเที่ยวสุดท้ายกับการใช้บริการของการบินไทย และครั้งสุดท้ายในการนั่งชั้นเฟิร์สคลาส เพราะรู้สึกแย่กับพฤติกรรมพวกนักการเมืองที่ทำตัวไม่เหมาะสมบนเครื่องบิน”

บินฟรีของพนักงานการบินไทย

สิทธิพนักงานการบินไทยที่ได้บัตรโดยสารพิเศษ สามารถแบ่งรายละเอียดตามอายุงาน อาทิ หากอายุงานไม่ครบ 10 ปี จะได้รับตั๋วฟรีแบบสำรองที่นั่งไม่ได้ซึ่งสามารถออกให้พนักงาน คู่สมรส และบุตรที่อายุต่ำกว่า 25 ปี ที่ยังไม่ได้สมรส เพื่อใช้เดินทางในเส้นทางบินในประเทศ 1 ฉบับและนอกประเทศ 1 ฉบับ ในเส้นทางบิน โดยเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการออกบัตรโดยสารในอัตราที่บริษัทการบินไทยกำหนด และรวมไปถึงสิทธิซื้อตั๋วในราคาพิเศษลด 90 เปอร์เซ็นต์ของราคาตั๋วจริง ไม่จำกัดจำนวนครั้ง แต่กรณีนี้ต้องรอให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่องเต็มแล้ว บัตรโดยสารพิเศษนี้จึงจะได้ขึ้นเครื่องตาม นั่นก็หมายความว่าการซื้อตั๋วราคาพิเศษนี้ไม่สามารถสำรองที่นั่งได้นั่นเอง และสามารถซื้อตั๋วโดยสารในราคาลด 75 เปอร์เซ็นต์ที่สำรองที่นั่งได้ ไม่จำกัดจำนวนครั้ง

ส่วนพนักงานที่อายุงานครบ 10 ปี ขึ้นไปก็จะได้รับสิทธิ์ตั๋วฟรีแบบสำรองที่นั่งไม่ได้ ต่างประเทศ 2 ฉบับ และในประเทศ 2 ฉบับ และสิทธิ์การซื้อตั๋วโดยสารในการลด 90 เปอร์เซ็นต์แบบสำรองที่นั่งไม่ได้ และลด 75 เปอร์เซ็นต์แบบสำรองที่นั่งได้ ไม่จำกัดจำนวนครั้ง

พนักงานอายุงานครบ 15 ปี ขึ้นไป ได้รับสิทธิ์ตั๋วฟรีแบบสำรองที่นั่งไม่ได้ ต่างประเทศ 2 ฉบับ และในประเทศ 2 ฉบับ และได้รับสิทธิ์ตั๋วฟรีแบบสำรองที่นั่งได้ ต่างประเทศหรือนอกประเทศ 1 ฉบับ และสิทธิการซื้อตั๋วโดยสารในการลด 90 เปอร์เซ็นต์แบบสำรองที่นั่งไม่ได้ และลด 75 เปอร์เซ็นต์ไม่จำกัดจำนวนครั้ง เป็นต้น

“ไม่ใช่ว่า เราซื้อแล้วเราจะขึ้นไปนั่งเครื่องและเดินทางได้เลยนะ เพราะเราต้องมาลุ้นว่าผู้โดยสารเต็มเครื่องหรือเปล่า ซึ่งหากมีที่นั่งว่างเราถึงจะได้เดินทางไปด้วย แต่ถ้าที่นั่งไม่ว่างเราก็ตกเครื่องและก็รอต่อไป” พนักงานการบินไทยคนหนึ่ง เล่า

ส่วนสิทธิ์ของกรรมการจะสามารถรับบัตรโดยสารให้เปล่า เพื่อเดินทางไป-กลับ ในเส้นทางต่างประเทศ 8 ใบ/ปี ในประเทศ 15 ใบ/ปี ในชั้นที่นั่ง Class สูงสุด ในกรณีที่ใช้บัตรโดยสารครบตามจำนวนดังกล่าวแล้ว และมีความประสงค์จะเดินทางอีก ให้ได้รับบัตรโดยสารแบบสำรองที่นั่ง โดยให้ส่วนลดในอัตรา 75 เปอร์เซ็นต์ของอัตราค่าโดยสารปกติ

สำหรับบุคคลในครอบครัวของกรรมการและบุคคลที่เกี่ยวข้อง 1 ท่าน ให้ได้รับสิทธิประโยชน์ด้านบัตรโดยสารเช่นเดียวกับกรรมการ และให้ได้รับการยกเว้นกรณีที่มีความจำเป็นไม่สามารถเดินทางพร้อมกรรมการก็คงให้ได้รับสิทธิประโยชน์ด้านบัตรโดยสารนี้ด้วย

“พนักงานส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ใช้สิทธิ์กันหรอก เพราะว่าไม่มีเงินไปเที่ยว คิดง่ายๆ นะคุณได้ขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวต่างประเทศฟรี แต่ต้องเสียค่าโรงแรม ค่าเที่ยวให้กับตัวเองและครอบครัวอีก 4-5 คน เพราะฉะนั้นเปอร์เซ็นต์ที่พนักงานการบินไทยจะใช้ตั๋วฟรีนั้นมีน้อยมาก ซึ่งคนที่ใช้ตั๋วฟรีนี้จะมีก็เฉพาะพนักงานบางกลุ่ม บางตำแหน่งเท่านั้น ส่วนมากก็จะเป็นนักบินกับลูกเรือ แต่พนักงานระดับอื่นรองลงมาก็ไม่ค่อยได้ใช้สิทธิ์กันเท่าไหร่ เพราะไม่มีเงินที่จะเดินทางเที่ยว” แจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เล่า

กลุ่มพนักงานที่ใช้มากที่สุดคงเป็นฝ่ายปฏิบัติการ คือฝ่ายนักบินและลูกเรือ เหตุอาจจะเกี่ยวเนื่องมากจากวันหยุดที่เอื้ออำนวยต่อการเดินทาง รายได้ที่สูงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในส่วนที่พักและอาหาร ส่วนพนักงานระดับอื่นที่ไม่มีรายได้เพียงพอก็จะไม่มีโอกาสได้ใช้สิทธิ์ตั๋วบินฟรีกันเป็นส่วนใหญ่

“พนักงานบางคนอาจจะมีครอบครัวที่ไปปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศ สเตชันโน่นนี่ ตรงนั้นอาจจะมีที่พักฟรี แต่โอกาสจะไปไม่ได้มากนัก นอกจากคนที่มีญาติพี่น้องอยู่” แจ่มศรี กล่าว

ยกเลิกตั๋วบินฟรีอดีตกรรมการ

แจ่มศรี เล่าว่า สิทธิ์ทางการบินของอดีตกรรมการที่พ้นวาระไปแล้ว ให้ส่วนลดในอัตรา 75 เปอร์เซ็นต์ ของอัตราค่าโดยสารปกติตามชั้นที่ต้องการในเส้นทางต่างประเทศ 12 ใบ/ปี และในประเทศ 6 ใบ/ปี

“นโยบายการบินฟรีอันนี้มีมาตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา กินงบประมาณเกินปีละอย่างน้อย 10 ล้าน แค่เฉพาะตั๋วเฟิร์สคลาสก็ครั้งละ 2 แสนกว่าบาทแล้ว” แจ่มศรี กล่าว

ปัจจุบันสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจได้มีการเสนอให้ยกเลิกสิทธิพิเศษบินฟรีของอดีตกรรมการที่พ้นวาระไปแล้ว ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศยกเลิกอย่างเป็นทางการในปีนี้

“ขึ้นชื่อว่าอดีตบอร์ด ก็หมายความว่าไม่ได้ทำงานและไม่ได้รับใช้บริษัทแล้ว ถ้ามองถึงเรื่องการมีจริยธรรม สิ่งนี้ก็จำเป็นต้องยกเลิกนะ เพื่อแสดงความรับผิดชอบ”

นอกจากนี้ ยังจะมีการยกเลิกนโยบายที่ให้สิทธิกรรมการและผู้บริหารสามารถอัปเกรดโดยสาร ที่ซื้อตั๋วโดยสารชั้นประหยัด แต่เลื่อนระดับไปนั่งชั้นธุรกิจหรือชั้น 1 เหมือนกับจ่ายเงินสลึงแต่นั่งบาท ซึ่งส่วนนี้ทำให้การบินไทยสูญเสียรายได้ไปกว่า 100 ล้านบาทต่อปี สำหรับที่การบินไทยแล้ว “ยิ่งใหญ่ยิ่งฟรีมาก” เมื่อเทียบกับพนักงานทั่วไปของการบินไทย ที่ได้สิทธิ์บินเพียงในประเทศและต่างประเทศปีละครั้งเท่านั้น ส่วนระดับใหญ่ๆ นั้นไม่อั้น และกรรมการไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง แถมฟรีให้คนใกล้ชิด หรือหากเดินทางบ่อยกว่านั้นยังได้ส่วนลดในเปอร์เซ็นต์ที่สูงอีก

ลูกเรือบางส่วนของการบินไทยต้องไปพะเน้าพะนอ ผู้โดยสาร วีไอพี ซึ่งไม่ใช่ตั๋วโดยสารที่จ่ายเงิน เป็นเพียงตั๋วฟรี ตั๋วลดราคา ตั๋วสำหรับผู้มีพระคุณบ้าง อย่างอดีตกรรมการที่ทำงานเพียง 3 เดือน แล้วเกษียณอายุไปก็ยังคงได้รับสิทธิ์ตั๋วบินฟรีตลอด(จะมีการประกาศยกเลิกในเร็วๆนี้) ในแง่ของการมีจริยธรรม ซึ่งทำให้การบินไทยเสียทรัพยากรไปเพื่อสิ่งใดก็มิอาจรู้ และไม่เป็นการก่อให้เกิดประโยชน์และสร้างรายได้ให้กับบริษัทแม้แต่น้อย ซึ่งในส่วนนี้ทางสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยพยายามเรียกร้องให้ยกเลิกสิทธิพิเศษพวกนี้ไป เนื่องจากมองว่าไม่มีความยุติธรรม

แต่ฝั่งผู้โดยสารที่เสียค่าตั๋วโดยสารเต็มวงเงินตัวเองจริงๆ เงินเข้าบริษัทไปเต็มๆกลับไม่มีการดูแลเยี่ยงแขกวีไอพี เพราะลูกเรือมัวเสียแต่เวลาเอาใจผู้โดยสารที่ไม่ได้จ่ายเงิน เพียงเพราะเขามีอำนาจให้คุณให้โทษกับผู้บริหารได้เท่านั้นเอง

************

เรื่อง-มาลิลี พรภัทรเมธา

ขอขอบคุณภาพประกอบจากการบินไทย