ในช่วงปิดเทอม พ่อแม่ผู้ปกครองคนไหนที่กำลังหากิจกรรมยามว่างให้น้องๆ ได้ทำในช่วงนี้อยู่ละก็ วันนี้เราจะพามารู้จักกับ งานศิลปะ ปั้นดิน ที่ไม่ได้มีไว้แค่เพียงส่งออก ทำเพื่อธุรกิจ และมีให้ปั้นกันอยู่แค่ต่างจังหวัด เท่านั้น แต่ตอนนี้ศิลปะปั้นดินจะมีประโยชน์สำหรับเด็ก
Poteri cley workshop คือกิจกรรมปั้นดินที่เรากล่าวถึงขั้นต้น ซึ่งคุณ ชามาภัทร สิทธิอำนวย หรือ “คุณจิ๊บ” ผู้นำความคิดในงานศิลปะที่สามารถนำเอาการปั้นดินมาทำเป็นหลักสูตรให้เด็กได้เรียนรู้ฝึกฝน พัฒนาตนเอง
“เดิมทีเราทำธุรกิจเกี่ยวกับเด็กมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว พอเริ่มอยู่ตัว เรากับสามีก็เลยคิดอยากจะต่อยอดอะไร ที่ยังไม่เคยมีในเมืองไทย เลยบินไปดูงานนิทรรศการที่วอชิงตัน ดีซี เราเลยปิ๊งไอเดีย โปรแกรมปั้นดินจากแบรนด์ของแคนาดา”
ด้วยการที่เธอเล็งเห็นว่าโปรแกรมปั้นดินสามารถนำมาต่อยอดเพื่อให้เด็กไทยได้เรียนรู้ ซึ่งต่างประเทศนั้นนำโปรแกรมปั้นดินเข้าไปส่วนหนึ่งของหลักสูตรในโรงเรียน
“เรามาคิดว่าสิ่งเหล่านี้เมืองไทยเราก็มีทั้งผู้เชี่ยวชาญ และเป็นแหล่งความรู้ใกล้ๆ ตัว เลยไปเรียนรู้ที่ราชบุรี และนำกลับมาเขียนเป็นหลักสูตรของเราเอง”
การปั้นดินของ Poteri สามารถช่วยให้เด็กธรรมดา รวมถึงเด็กพิเศษ และผู้ใหญ่ ตั้งแต่วัย 4-99 ปีขึ้นไป ได้เข้าไปเรียนรู้ทั้งงานศิลปะ เรียนรู้ถึงวิธีการกระบวนการในการคิดสร้างสรรค์ จินตนาการของตัวเองลงบนงานศิลปะ
ด้วยการวางแผนการสอนของ “ครูแก้วใจ วงษ์กันหา” หรือ “ครูแก้ว” ที่มีความเชี่ยวชาญในงานศิลปะงานปั้น เซรามิกเคลือบดินเผา และด้วยประสบการณ์การทำงานที่อยู่กับเด็กมากว่า 10 ปี ทำให้เข้าถึงเด็กได้ง่ายขึ้น
“ผู้ปกครองบางท่านนำเด็กพิเศษ ทางเราก็จะแจ้งให้แก่ผู้ปกครองท่านอื่นว่าคอร์สนี้มีเด็กพิเศษด้วย ผู้ปกครองท่านอื่นๆ ก็จะคอยช่วยเหลือ คอยสอนให้กับเขาไปด้วย ความแตกต่างของเด็กกลุ่มนี้ จากวันแรกที่เข้ามาจะเห็นได้ชัดว่า เด็กจะนิ่งมากขึ้น มีสมาธิมากขึ้น”
งานศิลปะปั้นดิน ไม่ว่าจะเป็นในแบบของการปั้นด้วยมือ (Handbuilding) และการใช้แป้นหมุน ( Coiling ) ที่นี้ได้นำมาให้เป็นส่วนหนึ่งให้เด็กๆ ได้สนุกสนานกับการปั้น และยังจะช่วยให้เด็กๆ ได้เรียนรู้วิธีและเทคนิคในการสร้างสรรค์ผลงานด้วยตัวเอง ตั้งแต่วิธีการปั้น ไปจนถึงการลงสี จนได้ชิ้นงานของตัวเองออกมา
เมื่อเด็กๆ ได้ทำงานศิลปะในด้านนี้ ให้เด็กได้ฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กฝึกสมองได้ เปิดโอกาสให้สร้างสรรค์ชิ้นงานสามมิติจากจินตนาการของเด็กแต่ละคน ช่วยฝึกและเสริมสร้างสมาธิในการทำงาน พัฒนาทักษะกระบวนการคิดและการแก้ปัญหา ส่งเสริมและพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ ผ่อนคลายจิตใจจากความเครียด
ใช่ว่าจะมีแค่เด็กๆ เท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปสร้างสรรค์งานปั้นเป็นของตัวเอง ผู้ใหญ่ หรือผู้ปกครองที่พาเด็กๆ ไปก็สามารถเข้าไปเรียนรู้ พร้อมกับเด็กๆ ได้อีกด้วย
“เคยมีครอบครัวพาคุณยายอายุ 70 กว่า มาเข้าเรียนด้วย เด็กๆ ก็จะสนุกสนานและคุณยายเองก็รู้สึกว่าได้อยู่กับลูกหลาน นอกจากนี้ก็จะมีกิจกรรมที่จะจัดขึ้นพิเศษตามวาระของเทศกาลที่จะให้ครอบครัวได้มาทำกิจกรรมร่วมกันในช่วงวันหยุด”
นอกจากนี้ คุณจิ๊บ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “การเรียนรู้ของเด็กจะเกิดขึ้นกับงานของตัวเอง ได้พบเจอกับการลองผิดลองถูก ให้เด็กได้เรียนรู้ ได้รู้จักการใช้เวลา การรอคอย ให้เด็กได้เกิดความอดทนกับการรอคอย เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด และสามารถให้เด็ก แสดงออกทางศักยภาพความสามารถจากภายในตัวเอง”
พัฒนาการของเหล่าเด็กน้อยทั้งหลายเริ่มต้นได้ ด้วยการสนับสนุนให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ในสิ่งที่มีประโยชน์แก่เขา ในช่วงที่วัตถุนิยมเป็นกระแสที่เข้าถึงเด็กได้เร็วขึ้น การหากิจกรรมให้เด็กๆ ได้ทำยามว่างช่วงปิดเทอมอย่างนี้ ก็จะช่วยให้พวกเขาลืมวัตถุนิยมที่เข้ามาเป็นเสมือนดาบสองคมให้แก่เด็ก นอกจากนี้ยังสามารถสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อครอบครัวได้อีกด้วย