xs
xsm
sm
md
lg

สะบายดี...อนันดา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กระดุมสองเม็ดถูกปลดออก ด้วยอิริยาบถท่านั่งอันแสนสบาย ที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า อย่างเป็นกันเอง
“อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” หรือ “บักจ่อย” หนุ่มลูกครึ่งออสเตรเลีย-ลาว ด้วยรางวัลอันมากมายที่ได้รับ เป็นสิ่งการันตีความสามารถของหนุ่มคนนี้บนจอเงิน
หลายคนคงอยากรู้จักตัวตนของเขา ในหลากหลายแง่มุม ทั้งตัวตน ความคิด ความรู้สึกอันแท้จริง ที่ถูกปิดไว้ด้วยเบื้องหน้าของวงการบันเทิง

ดังแล้วเบื่อ!?
“เบื่อ เลยล่ะ อยู่มาครึ่งชีวิตแล้ว ก็รู้อยู่ลึกๆ เหมือนกันว่าอยู่ไปนานๆ ก็คงไม่ได้”
ประโยคแรกที่สะท้อนถึงความรู้สึกออกมาจากภายในของผู้ชายคนนี้
ในความเป็นจริง ตัวเขาเองก็ยอมรับว่าหากเดินออกมาจากวงการบันเทิง อย่างไรเสียก็คงจะหนีไม่พ้นวงการนี้
“เรากลัวว่า มันก็ไม่ได้หนีไปจากวงการหนีไปมากเท่าไหร่ ยอมรับว่ารักวงการนี้ อยากเห็นวงการนี้พัฒนาไปเรื่อยๆ เหมือนความรู้สึกว่ายังไงมันก็หนีไม่รอดอยู่ดี”
“ในช่วงนี้เราอยากมี Energy อยากให้ตัวเองรู้สึกดิ้นรนให้มากกว่านี้ ไฟในตัวมันก็มีหมดเหมือนกัน แต่พอผลงานออกมาดีได้รับการตอบรับมันก็เหมือนเป็นการจุดไฟในตัว ให้เรามีกำลังในการทำงานมากขึ้น”
“คิดว่าตัวเองดังหรือยัง ?”
“ผมอยู่ในช่วงที่เดินขึ้นมาสองวัย คนชอบผมในตอนเด็กๆ มองแค่หน้าตา แต่มาเดี๋ยวนี้ กลุ่มที่ชอบผมที่ผลงานก็มีเหมือนกัน สังคมคนไทยส่วนใหญ่มากขึ้น ถ้าชื่อของผมไปติดอยู่กับสิ่งๆ หนึ่ง ทำให้เมื่อคนเห็นผมก็จะให้คิดถึงผมในแง่นั้น ”

Me my self เหตุข่าวเกย์
คำถามนี้ M-Lite ลังเลอยู่นานที่จะถาม เมื่อบุคลิกลักษณะการพูดคุยมันมีคำตอบในตัวเขาเองอยู่แล้ว
“ผมยังเวอร์จินนะ” คำตอบลอยๆ เรียกเสียงหัวเราะของหนุ่มอารมณ์ดี
“เป็นเกย์หรือป่าว?”
“เป็นปกติ (หัวเราะ) ปกติที่จะต้องมีข่าวแบบนี้ออกมา บ้างออกมาว่าผมได้กับทุกเพศบ้าง นางเอกทุกคน และผมว่าผมก็เป็นคนเปิดเผยนะ แต่ยอมรับว่าเรามีข่าวเกือบครบแล้วล่ะ ข่าวเกย์ไม่ได้ทำให้ตัวผมเซอร์ไพรสได้เลย ผมอยู่วงการนี้มาตั้งแต่ยังเด็กๆ จะมีประสบการณ์อะไรบางอย่างที่คล้ายกับผม เคยเจอตอนไปงานต่างจังหวัด เขาก็จะบอกเราว่าห้องเต็ม ขอมานอนด้วย แต่เขาจะแบบหลับดิ้นอ่า เอาขามาพาดเรามั้ง เราก็ปัดๆ ไป จนเริ่มไม่ไหว เราก็เลยปลุกให้พี่เขาตื่นมาบอกว่า “ไม่ไหวนะพี่” “
“ผม No Comment กับเรื่องนี้ เพราะผมไม่ได้เป็น จะไปคอมเมนต์ก็ยังไงอยู่ ไม่ถูก แต่ผมมองว่าสังคมเกย์เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยส่วนใหญ่เลยนะ มากกว่าประเทศอื่นๆ ก็ควรจะพูดถึงมันในทางที่เปิดกว่านี้ ผมว่ามันต้องยอมรับแล้วล่ะว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไปแล้ว ”

ฝึกอินคล้ายคนบ้า
เกย์ เซ็กซ์อีโรติก เก็บกด โรแมนติก ... บทบาทในภาพยนตร์ที่เขาสามารถทำให้คนดูเชื่อในตัวละครนั้นๆ ได้อย่างสนิทใจ
“ผมเรียนการแสดงกับหม่อมน้อย ( หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล ) เราต้องมีการเริ่มเข้าใจร่างกาย เข้าใจในเหตุผลของตัวละคร ตอนเรียนมันอาจจะเหมือนคนบ้า (หัวเราะ) กระโดดไปกระโดดมา วิ่งไปวิ่งมา มันก็ทำให้เข้าใจในตัวละคร เมื่อได้มาสังเกต กิริยาของตัวละครแล้ว ว่าตัวนี้มีความรู้สึกอย่างไร นิสัยเขาเป็นไง ขี้เกียจหรือขยัน เราก็ต้องมาจินตนาการของเราเอง มันก็ช่วยสร้างบุคลิกของตัวละคร มันได้สนุกตรงนี้แหละ”
“ไม่เกี่ยงและไม่ได้ซีเรียสว่าเราต้องเล่นหนังแนวไหน ให้เราเล่นหนังจุกจิก หนังน่ารัก ดราม่า เราเล่นได้หมด แต่ถ้าให้ชอบจริงๆ เราชอบหนังชีวิตที่เล่าถึงชีวิตตั้งแต่วัยเด็กยันแก่ ผมว่ามันมีเสน่ห์ มีเรื่องราวของมัน”

หนังไทยไร้แรงหนุน
ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์เมืองไทย ล้วนมีบุคลากรที่มีคุณภาพ ฝีมือ ผู้กำกับหลายคนทำหนังไปได้รางวัลที่ต่างประเทศ แต่ในเรื่องนี้กลับถูกมองข้ามจากรัฐบาล ซึ่งต่างจากอุตสาหกรรมเกาหลี ที่มีวางแผนระยะยาวเป็นเพื่อผลักดันอุตสาหกรรมหนังจนมีชื่อเสียง
“มันไม่มีองค์กร รัฐบาลไม่สนับสนุน เป้าหมายของคนทำหนังตอนนี้คือทำหนังไทยให้ได้ตังค์มันก็ทำไรไม่ได้ สิ่งที่รัฐบาลไทยควรทำ คือ ต้องมีองค์กรในการสนับสนุนเอาเงินมาให้แล้วก็ส่งให้เอาไปทำหนังจะได้รางวัลหรือไม่ได้ก็ช่าง ให้ในเอเชียรับหนังไทยให้ได้ เหมือนคนเอาตังค์มาให้พี่เจ้ย แล้วให้ทำหนังไปชิงรางวัลที่เมืองคานส์มาให้ได้”
“ผู้กำกับคนหนึ่งผมชอบมาก ชื่อ ลีชาง ด็อง ชาวเกาหลี เขาเป็นนักเขียนด้วย ทำหนังเรื่อง Oasis เมื่อ 5 ปีก่อนไปได้รางวัลบนเวทีรางวัลใหญ่ระดับโลก พอกลับมา รัฐบาลเกาหลี ก็เอาคนนี้มาเป็นหัวหน้ากระทรวงวัฒนธรรม เมืองไทยไม่มีใครกล้าทำแบบนี้หรอก คนที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็คงรู้แค่เรื่องงบประมาณเท่านั้น แต่ไม่ดูหนัง ฟังเพลง ผมว่าอุตสาหกรรมหนังเกาหลีเป็นอะไรที่น่าสนใจ” เขาหยิบถ้วยกาแฟขึ้นจิบ
ด้วยรสนิยมของคนไทยที่เป็นคนสนุกสนาน ภาพยนตร์แนวผี ตลกมาแรง ทำให้ได้รับการตอบรับจากคนดูอย่างมาก สังคมไทยให้ความสำคัญกับหนังอินโนเซนท์ หนังเด็ก จนทำให้หนังดีมีคุณภาพ แต่กลับอยู่อันดับท้ายๆ
“ผมเป็นคนที่ติดตามรายได้หนังมาตลอด เริ่มเห็นว่านิสัยการดูหนังของคนไทยเปลี่ยนไป แห่กันไปดู ถึงมันจะเลวแค่ไหน คนก็แห่ไปดู แต่พอดูจบแล้วกลับย้อนมาคิดว่าเรากำลังโดนเอาเปรียบ”

เรตติ้ง...ติ๊งต๊อง
ช่วงที่ผ่านมา วงการภาพยนตร์ มักพูดถึงเรื่องของการจัดเรตติ้งหนังแต่ละเรื่องก่อนเข้าฉายจริง หน้าที่เหล่านี้ขึ้นอยู่ที่กองเซนเซอร์ ที่ต้องจัดเรตติ้งตามการนำเสนอของภาพยนตร์ รวมถึงคอยตัดฉากที่ล่อแหลม
“มันติงต๊องอ่ะ (เขาส่ายหน้า) มันดีตรงที่มีการจัดเรทติ้ง แต่มันตลกตรงที่พอจัดเรตติ้งแล้ว แต่ก็ยังมีกองเซ็นเซอร์อีก จะจัดเรตติ้งก็จัดไป จะมีเซ็นเซอร์ทำไม ไม่ต้องมีพวกมาตัดหนังเรา เพราะคนที่เซ็นเซอร์หนัง ไม่เข้าใจหนังเรา เข้าเห็นฉากนั้นแล้วตกใจเค้าก็ตัดของเรา ซึ่งไม่มองถึงเรื่องเนื้อหาของหนัง อย่างพลอยโดนตัดให้เห็นชอตแคบยิ่งเร้าอารมณ์เข้าไปใหญ่ กว่าคนทำหนังจะได้หนังของตัวเองออกมามันเหนื่อยนะ กว่าจะศึกษาหนังมาอะไรต่ออะไร แล้วมาตัดหนังคนทำก็หมดกำลังใจ และเซ็นเซอร์ได้ตลกมาก ขนาดการ์ตูนยังต้องเซ็นเซอร์เลย ”

อนันดา=ประชาธิปไตย
ในงานสุพรรณหงส์ที่ผ่านมา ได้มีคนเข้าไปประท้วงถึงการได้รางวัลของอนันดา ในความไม่เหมาะสมที่จะได้รางวัลนี้
“ผมไม่ได้คิดมากนะ มันคือการแสดงออกทางประชาธิปไตยอย่างหนึ่ง “ อนันดาเปรียบเทียบ
“ก็เหมือนกับสังคมไทยตอนนี้ที่ปกครองในรูปแบบประชาธิปไตยที่แบ่งออกเป็นสองฝ่าย ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีปัญหา มีส่วนชอบและไม่ชอบของแต่ละฝ่าย ผมดูอภิปรายวันก่อน สนุกกว่าดูละครอีก มันส์และตลกมาก ฟังแต่ละเรื่องที่อภิปรายกันเหมือนจะซีเรียส แต่รู้สึกว่ามันน่าขำมาก”
“เวลา...” สิ่งสำคัญที่สังคม จะใช้เป็นตัวช่วยในการหาทางออกตอนนี้ยังไม่ได้ ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงได้
“ต้องเปลี่ยนให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบ้าง ต้องเอาเข้าระบบการศึกษา ปลูกฝังตั้งแต่ตอนเรียนให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ประชาธิปไตย จะได้มองเห็นสิทธิของตัวเองก่อน อย่านำบรรทัดฐานของคนกลุ่มหนึ่งมาใช้กับคนทั้งประเทศ ซึ่งมันมีความแตกต่างกัน” เขาแสดงทัศนะชวนคิด
“ที่พูดผมไม่ได้อยากจะเป็นนักการเมือง แต่อยากเป็นนักพูดที่จะคอยระดมความคิด งานที่เกี่ยวข้องกับสังคมคอยปลูกฝังเด็กมหาวิทยาลัย”

อนาคตกับงานที่รัก

เมื่อชีวิตได้เข้ามาอยู่วงการบันเทิง เรื่องราวต่างๆ ในชีวิตทำให้ผู้คนเกิดความสนใจในตัวของเขามากยิ่งขึ้น อย่างที่ดาราหลายๆ คนทำหนังสือกันออกมาที่เรียกว่า “พ็อกเกตบุ๊ก”
“มีคนมาติดต่อผมเหมือนกันนะ แต่เราก็ปฏิเสธกันมาตลอด เพราะคิดว่าอายุเท่านี้มาทำพ็อกเกตบุ๊กมันก็จะง่ายไปหน่อย อายุเท่านี้เรายังไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องเล่ามากหรอก ไม่ได้ทำให้ดูมีอะไรขึ้นมา ถ้าทำแล้วออกมาแบบนั้นเราก็ไม่ทำ”
ด้วยงานอดิเรกของอนันดาเองรักที่จะถ่ายรูป เมื่อมีคนติดต่อให้ทำหนังสือ จึงออกแนวความคิดทำหนังสือภาพของตัวเองขึ้นมา
“เราไม่ชอบเล่าเรื่องอะไรมากมายที่มันเป็นตัวหนังสือ ก็เลยเอาชีวิตส่วนตัวในแต่ละวันที่เราได้ไปเจอ แต่ผมจะจำกัดมันอยู่แค่ 99 วัน แล้วจะมีบรรยายใต้ภาพ ซึ่งส่วนนี้ก็ยังคุยๆ กับพี่คุ่น (ปราบดา หยุ่น) อยู่ เรามาทำเองขายเองดีกว่า เพราะชีวิตอายุเท่านี้มันยังน้อยกับการเล่าเรื่องให้ใครเขาอ่าน”
ความตั้งใจอีกสิ่งหนึ่งที่เขาอยากให้มันเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา สร้างเวปไซค์เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางที่จะช่วยให้เด็กได้มีพื้นที่ในการแสดงผลงาน แสดงพลังแห่งความคิดขึ้นมา และสนับสนุนผลงานของพวกเขาให้ได้ไปต่างประเทศ ไปคว้ารางวัล
“ตอนนี้โครงการนี้กำลังอยู่ในช่วงศึกษา ว่าจะทำอย่างไรให้ครอบคลุม ให้กลายเป็นข้อมูลในการวิจัย และเพื่อเป็นประโยชน์ทางการศึกษาต่อไปในอนาคต”

“ผมอยากอยู่ลาวนะ และผมก็รักประเทศไทยด้วย สุดท้ายไปอยู่ที่ไหนผมก็ต้องกลับมาที่นี่ เพราะบางทีมันก็ต้องมีช่วงเวลาที่คิดอยากจะใช้ชีวิตแบบอื่นดูบ้าง” บทสนทนาทิ้งท้ายอนาคต ของ ชายที่ชื่อว่า “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม”






กำลังโหลดความคิดเห็น