ทรงผมไร้ทิศทาง รองเท้าหัวแหลม เสื้อผ้ามือสองแพทเทิร์นแปลกตา เสพงานนอกกระแสทุกชนิดเท่าที่จะหาได้ สร้างอัตลักษณ์ให้ตัวเอง พิสมัยศิลปะ แปลกแยกแต่เป็นมิตร เหล่านี้ คือ ภาพลักษณ์ ของ “อินดี้” เกลื่อนเต็มสังคมเมืองหลวง หลากหลายทางความคิด จิตใจ ไลฟ์สไตล แม้กระทั่ง รสนิยมทางเพศ
“เชิญครับ”...
บานประตูแย้มออกต้อนรับแขกผู้แปลกหน้า กลิ่นเพลงอัลเทอร์เนทีฟ อารมณ์ชิล เลื่อนลอย แทรกผ่านหูอย่างแผ่วเบาลดอุณหภูมิความร้อนของแสงแดดลงได้อย่างอัศจรรย์
แสงสีทึมภายในห้องสี่เหลี่ยมถูกเติมแต่งไปด้วยสิ่งของระเกะระกะ แต่มีสไตล์ เขาเดินไปรูดม่านเพื่อรับแสงจากดวงอาทิตย์ยามเย็น ฝุ่นละอองฟุ้งตามจังหวะเคลื่อนตัวของผ้าม่านตลบคลบคลุ้งเป็นประกายสาดสว่างส่องไล่ความทึมอย่างว่าง่าย เผยให้เห็นใบหน้าชัดๆ ของ“กษิดิษ” หรือ “จีน” ชายหนุ่ม ผู้เลือกระบายสสารทางความคิดทั้งมวลผ่านเสียงเพลง
อิน…ในอารมณ์
หลายคนที่เป็นคอเพลงอินดี้คงคุ้นตากับ “จีน กษิดิษ” หรือ “จีนอดีตนักร้องนำ แห่งวง Futon” เจ้าของเสียงนุ่มลึกบาดคอทรมานทรวง กับลุค พังก์ ร็อค และภาพลักษณ์เปรี้ยวเกินคาดเดา อีกทั้งยังเขียนคอลัมน์ลงในนิตยสาร DDT เขียนเรื่องสั้น ถ้าพูดถึงคำว่าอินดี้ “จีน กษิดิษ” มักลอยเข้ามาในมโนภาพของผู้คิดอย่างเผลอตัว
“บางทีเราไม่จำเป็นต้องอยู่ในเส้นในกรอบก็ได้ หลุดๆ ออกมา เผื่อจะมีความตื่นเต้นเกิดขึ้นในชีวิต” เจ้าของทรงผมสีทอง ขอบตากรีดอายไลเนอร์สุดเฉี่ยว ดวงตายิ้มอย่างเป็นมิตรกล่าวพร้อมกับค่อยๆ พ่นหมอกขาวแห่งความคิดออกมาผ่านริมฝีปากสีซีดด้วยดวงหน้าปลดปล่อย
“อินดี้ มันมาจากคำว่า Independent ก็คือความไม่ตามใครไม่ตามกระแส แต่ระยะหลัง มันก็มีเรื่องธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง มันก็เลยกลายเป็นแมส แต่เชื่อว่าแต่ละคนก็มีมุมมองความคิดต่อคำว่า อินดี้ ต่างกัน ขึ้นอยู่ว่าจะนำเสนอมันออกมายังไง บางคนไม่จำเป็นต้องแต่งตัว ทำตัวหลุดโลกบ้าบอ บางคนก็เงียบ แต่ความคิดไม่เงียบ”
สังคมบางกลุ่มเรียกบุคคลที่มีสไตล์การแต่งตัวที่แปลกแยก ความคิดหลุดโลก โยกหัวตามเพลงใต้ดิน ยินดีกับคำสบถหยาบคาย เป็นตัวของตัวเอง ว่า “เด็กแนว” แล้วเข้าใจกันว่าเป็นตัวตนของ “อินดี้”
“ผมไม่ใช้คำว่าแนวนะครับ แนวก็มีเส้นของแนว อินดี้ก็มีเส้นของอินดี้ ไม่เกี่ยวกัน คนละแนว”
แล้วอะไรคือคำจำกัดความที่จะใช้เรียกตัว “จีน”?
“ต๊อง (หัวเราะ) ตามใจตัวเอง อยากทำอะไรก็ทำไป ถ้าเป็นคำก็คือการมั่ว นำหลายแนว ที่เราชอบแต่ต้องเป็นอะไรที่ดี มาทำเป็นแนวของตัวเอง มีหลายโครโมโซม ดึงโน่นดึงนี่มา แล้วเอามามิกซ์กันเป็นแนวทางของเรา ไม่ต้องไปแคร์อะไรมากมาย ไม่ปิดกั้น อย่างชอบพังก์ก็เอาพังก์มาใช้ ฮิปปี้ ปรัชญา โลกสวย ก็มี” ชายหนุ่มตอบพร้อมยิ้มให้กับความใจกว้างของตัวเองอย่างคนมองโลกในแง่ดี
สับสน...ในความคิด
ดูเหมือนว่าแนวทางที่หยิบจับจะสับสน สิ่งหนึ่งเพราะอารมณ์ในแต่ละห้วง ต่างกันอย่างตั้งใจให้เบนบิด
“บางครั้งอารมณ์ร็อก บางครั้งก็โรแมนติก บางทีก็อวกาศ หลุดโลก แปรปรวน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแบบสว่างๆ ไอ้ช่วงที่มืดก็มีแต่สว่างเยอะกว่า”
สว่างมันคืออะไร ?
“ความสว่าง มันเป็นความรู้สึกที่อะไรๆ มันก็สบายไม่หนักหัวเหมือนเรามีความคิดหนึ่งที่มันอาจจะดีหรือไม่ดี แต่มันมีทางไป ส่วนความมืดก็เกิดได้กับทุกคน จู่ๆ หดหู่ แต่เราก็ต้องรู้ว่าเราจะรับมือกับมันยังไง คนส่วนมากอาจจะออกไปหาความสนุกข้างนอก แต่สำหรับเราทำตัวเองให้มันเงียบๆ เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน ไม่มีอะไรที่เลวร้ายขนาดมากมายขนาดนั้น (เน้นเสียง)”
เลือกเป็นในสิ่งที่ต้องการ แม้จะบิดเบี้ยวไปจากขอบเขตที่ใครไม่รู้ขีดคั่นไว้ให้ใจหวาดหวั่น อะไรคงไม่สำคัญเท่าใจปรารถนาที่จะทำ เบื่อก็หาใหม่ จำเป็นอะไรที่ต้องยืนอยู่บนความซ้ำซาก
“เราเป็นคนที่กล้าคิด กล้าทำ ทำไปโดยไม่รู้ว่ามันจะสวนกระแสอะไร เป็นไปโดยไม่ตั้งใจ ตอนเด็กก็เป็นเด็กดี อย่าเข้าใจผิด(หัวเราะ) เรียนเก่ง เป็นประธานนักเรียน เด็กกิจกรรม จนมาวันหนึ่ง รู้สึกเบื่อ เลยพยายามหาอะไรทำที่มันไม่รู้สึกจำเจในชีวิต นี่คือวีถีชีวิตที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ถ้าเราเบื่อกับอะไรเราก็ย้ายไปทำสิ่งโน้นสิ่งนี้กลับไปกลับมา อย่างอยู่กับFutonมา 5 ปี ก็เบื่อ อิ่มตัว หมดความตื่นเต้น เราก็มาทำใหม่คนเดียวสร้างความน่าสนใจให้แก่ชีวิต ไอ้ความตื่นเต้นก็คืนกลับมา”
รสนิยมทางเพศหล่อหลอมให้คิดแปลกแยก?
“เรื่องเกย์ก็อีกประเด็น มันไม่เกี่ยว เป็นเรื่องส่วนตัว เป็นรสนิยม ใกล้ตัว เป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้นมา ไม่ได้เกิดคิดประหลาดๆ เพราะเป็นเกย์ ถ้าเกิดเราไม่ได้เป็นเกย์ แล้วความคิดเราเลอะๆ สังคมไม่ได้มองขนาดที่ว่าคนนี้คิดแปลกเป็นเกย์นะคนนี้อยู่ในกรอบไม่เป็น โดยส่วนตัวไม่ได้สนใจ เพราะเดี๋ยวนี้มันเยอะมาก”
แม้จะโบยบินตามใจสักเพียงไหน ก็ดูเหมือนจำต้องมีขอบเขตระยะห่าง เส้นคั่นที่จะไม่หลุดไปในที่อันไม่ควรสัญจร เราจะตั้งขอบเขตให้กับการโบยบิน ที่อิสระ แต่ไม่เผลอไปผิดสุขลักษณะอย่างไร ?
“เป็นสิทธิส่วนบุคคลมากกว่า จริงๆ มนุษย์ทุกคนมีความรับผิดชอบขั้นต่ำกับตัวเอง อยู่ที่ว่าเราจะดูแลตัวเองให้ดีแค่ไหน สำหรับเราควรดูแลตัวเองให้ดีที่สุดก่อนจะไปดูแลคนอื่นไม่อย่างนั้นก็จะไม่ได้ออกมาจากใจ ทำได้ไม่เต็มที่ เช่นถ้ามีคนมาขอความช่วยเหลือ แล้วแบบ เฮ้อ... ขอเวลาสักนิดได้ป่ะ เซ็งอยู่ เดี๋ยวช่วยนะ(ขำ)”
หงุดหงิด...กระแส(ช่างมัน)
เบื่อที่จะต้องเหมือนใคร ?
“ไม่เชิงเบื่อนะ เหมือนทำอะไรคิดเอง ไม่ต้องพยายาม อยู่แบบ ลั้นลาๆ ไม่ว่าบนวัฒนธรรม หรือว่ากระแส หรือว่ากลุ่มอะไร ที่คนโดยมากให้ความสนใจ สักวันหนึ่งมันก็ต้องกลายเป็นอะไรที่แบบมีอะไรที่ใหม่ๆ เข้ามาให้พูดถึงเรื่อยๆ เหมือนวัฏจักร” จีนพูดด้วยสีหน้ามีความสุข
ณ วันหนึ่ง เมื่อพูดถึงเพลงป็อปตลาดใสๆ และคนเบ้ปาก เชิดให้แก่ทุกอย่างที่ขึ้นตรงกับทุนนิยม อินดี้ กลายเป็น สิ่งที่ทุกคนยิ้มและพยักหน้าให้แก่กัน ตอบรับและพร้อมที่จะทำความเข้าใจในสิ่งที่เสพ
กระแสเพลงอินดี้ ?
“ยุคแรกมันจะเป็น Alternative ทางฝั่งอังกฤษ ก็เบื่อ คงอยากหาคำจำกัดความสั้นๆ ง่ายๆ คือ คนหลายกลุ่มที่ไม่ได้อิงกับตลาดแต่ยังทำงานที่ตัวเองรักอยู่ แต่ขาดการสนับสนุนทางการเงิน เรามอง “อินดี้” ไม่ได้มองเป็นแนวดนตรี มองการทำงานโดยรวมมากกว่า “การทำเอง” ออกมาให้คนได้ฟัง ตัวตนสูง โดยที่มันไม่จำเป็นต้อง ร็อก อย่างเดียว ป็อปใสๆ เต้นรำเสมอไป”
วันนึงที่ไม่มีใครสนใจตัวตนของ “จีน”?
“ก็จะลุกขึ้นมาแล้ว...เผาไฟตัวเอง(หัวเราะ)”
“ไม่หรอกครับ มันก็คือน่าจะเป็นสิ่งที่ดีมากกว่านะ คนที่มีความคิดเป็นของตัวเองแล้วสร้างสรรค์งานออกมาเยอะๆ มันก็จะกลายเป็นวัฒนธรรม Mainstream ไปนะครับ มันก็จะทำให้คนที่อยู่ใน Mainstream เก่า มีแรงบันดาลใจ ฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาช่วยกัน สร้างอะไรที่แยกย่อยออกไปอีก แต่สำหรับผมก็คงจริงใจกับตัวเอง เราก็อาจเปลี่ยนไปชอบนู่นชอบนี่ เพราะเป็นคนเบื่อง่ายมากๆ ทำให้เราตื่นเต้นกับมัน เราต้องบอกตัวเองว่ายังดีไม่พอ ต้องทำให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ย่ำอยู่กับที่”
สิ่งดีที่สุด ถึงจุดหนึ่งต้องมีวันอิ่มตัว การมองหาประสบการณ์ใหม่ ไม่ใช่การทอดทิ้งสิ่งที่สร้างความพึงพอใจแต่แรก แต่เมื่อนำเข้ามาในชีวิต กลับเป็นรสชาติที่นำไปประยุกต์ ได้เมนูใหม่น่าลิ้มลองใช่ย่อย
เมโลดี...เลื่อนลอย
เมโลดีที่หลั่งไหลออกมาตามภาพฝัน เมื่อพบเจอเรื่องราวกระทบใจ ทุกอย่างหล่อหลอมให้ใครคนหนึ่งรู้ตัวตน และเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
“เวลาแต่งเพลงบางทีก็อยู่ในห้วง ความรู้สึก ความรัก ความต้องการ หรือว่าสิ่งที่พบเจอมา ล้วนมีเมโลดีอยู่ในตัว เราก็จะมานั่งนึกทำเพลงขึ้น ใส่ไปทีละประโยค สองประโยค มันอาจจะเป็นอะไรที่ไม่เข้ากันเลย(เน้นเสียง) แต่สุดท้ายก็ถูกหล่อหลอมจนเป็นเพลงขึ้นมา มันไม่แน่นอนว่าอารมณ์ไหน บางทีก็มีช่วงหนึ่งกลับดึกๆ มา วันนี้อยากเขียนเพลง ก็คิดถึงใครสักคนในอดีตและแต่งเพลงขึ้น อยู่ในห้วงอารมณ์ของตัวเอง” หมอกแห่งความคิดยังคงอบอวลเต็มห้องในขณะที่การสนทนาเป็นไปอย่างเรื่อยๆ เหมือนเพื่อนใหม่ถามไถ่ชีวิตและแลกเปลี่ยนทัศนคติต่อกัน
ไร้...นิยาม
คิดอย่างไรกับคนที่พยายาม..อินดี้?
“โดยส่วนตัวไม่ชอบคำจำกัดความของทุกอย่างอยู่แล้ว มันเหมือนเป็นการสร้างกรอบขึ้นมา แบ่งแยกคน ซึ่งแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน เราไม่มีสิทธิจับใครไว้ในแต่ละประเภท คนที่เรียกตัวเองไปตามกระแส เขาอาจจะพยายามตามหาตัวเองอยู่ เราก็อย่าไปว่าเขาเลยครับ เขาอาจจะกำลังหาจุดยืนให้ตัวเองอยู่ สุดท้ายเขาก็จะรู้ว่าอะไรที่ใช่หรือไม่ใช่”
จุดหมายของ “จีน กษิดิษ” ?
“ทำงานอะไรที่ทำออกมาแล้วมีความสุขกับมัน ได้ผลตอบแทนที่เป็นเงินซึ่งมีความสำคัญระดับหนึ่ง มีพอใช้ ถึงมันจะไม่เยอะ แต่เราก็พอใจระดับหนึ่ง ดูแลตัวเองดีๆ ทำให้ตัวเองรู้สึกดีๆ ดีกับทุกคน ใครที่ไม่ดีกับเราก็ โอเค ช่างมัน”
ในขณะที่เสียงเพลงอัลเทอร์เนทีฟ อันแผ่วเบากลืนหายไประหว่างการสนทนากว่าชั่วโมง ได้กลับเข้ามายึดครองช่วงเวลาเงียบที่ว่ากลับคืน เจ้าของห้องก็เลือกที่จะปิดม่านสนทนาด้วยตัวเอง
“เราต้องมองดูตัวเองครับ ง่ายๆ เลย คืออะไรที่ทำให้ตัวเองรู้สึกดีในแต่ละวัน ลองตามใจลองเสี่ยงดู เพราะมันอาจจะทำให้เราได้พบมิติใหม่ที่ไม่เคยพบ” ก่อนจะหยิบผ้าขึ้นมาซับความวาวบนใบหน้า และโบกมือลาด้วยใบหน้าเป็นสุข ทีมงาน M Lite ก็ด้วยเช่นกัน
สุดท้ายเรื่องของอินดี้คงดูไม่จืด...ถ้าใจไม่ใช่...ฉะนั้นอะไรที่ไม่ใช่...มันก็จะไม่ใช่...ทำในสิ่งที่ใจคิดว่าใช่จะดีกว่า...ไม่ต้องดิ้นรนให้เหนื่อยสมอง
***********
ภาพโดย วรงค์กรณ์ ดินไทย