xs
xsm
sm
md
lg

เปอโยต์ 207 สไปเดอร์ เกิดมาเพื่อแข่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ใครไปเยี่ยมชมงาน "มอเตอร์ เอ็กซ์โป" ที่เพิ่งจะรูดม่านลงเมื่อสัปดาห์ก่อน คงเห็นรถคันหนึ่งซึ่งนำมาโชว์เรียกความสนใจให้แก่ผู้เข้าชมได้ไม่น้อยในบูทของเปอโยต์ นั่นก็คือ "เปอโยต์ 207 สไปเดอร์ (207 Spider)” และหากมีคนสนใจเข้าไปถามพนักงานว่า "ขายไหม" คำตอบอาจแตกต่างกัน บ้างก็ว่า "ขาย" บ้างก็ว่า "ไม่ขาย" แล้วความจริงเป็นเช่นไรกัน?

"เอเอสทีวี ผู้จัดการมอเตอริ่ง ไลท์" สอบถามความกระจ่างมาให้เรียบร้อย แต่ก่อนจะไปถึงคำเฉลยเรามาทำความรู้จักกับเจ้า "เปอโยต์ 207 สไปเดอร์" คันเก่งกันก่อน

สำหรับ "เปอโยต์ 207 สไปเดอร์" มีการเผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงาน "ปารีส มอเตอร์โชว์" โดยได้รับแรงบันดาลใจและการพัฒนามาจาก รถคอนเซ็ปต์ คาร์ ของเปอโยต์รุ่น 20 คับ (20Cup) มุ่งหวังเพื่อเป็นรถสำหรับเข้าร่วมการแข่งขันรายการต่างๆ ซึ่งมีจุดเด่นใหญ่คือ จะมีเครื่องยนต์เป็นเครื่องเดียวกับรถที่ผลิตออกจำหน่ายทั่วไป แต่ได้รับการปรับแต่งให้แรงขึ้นเพื่อการแข่งขัน

ด้านโครงสร้างตัวถัง แชสซีส์จะเป็นแบบ 3 ส่วนเพื่อให้ง่ายในด้านการซ่อมแซม ชุดเครื่องยนต์และเกียร์จะถูกวางอยู่ตรงกลางด้านหลังของตัวถัง และเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ขับขี่ โครงสร้างตัวถังและอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งหมด (แชสซีส์, โรลบาร์หน้าหลัง, Crash box และแกนพวงมาลัย ) ถูกต้องตรงตามระเบียบข้อกำหนดของ IAF ผู้คุมกฎของรถแข่ง

ช่วงล่าง ถือเป็นหัวใจสำคัญอย่างหนึ่งของรถแข่ง เปอโยต์ 207 สไปเดอร์ เลือกคบหากับระบบ ดับเบิลวิชโบนและสปริง-แดมเปอร์ ทั้งด้านหน้าและหลัง โดยที่ชิ้นส่วนต่างๆ ส่วนมากจะเป็นแบบเดียวกันและมาตรฐานเท่าเทียมกับของรถทั่วไปในสายการผลิตของเปอโยต์

แต่ได้รับการปรับปรุงบางส่วน เพื่อให้เหมาะสมกับการแข่งโดยตรงในเวลาที่ประกอบเช่น ดิสก์และจานเบรกนำมาจากรุ่น 407, หม้อน้ำและอินเตอร์คูลเลอร์เป็นของรุ่น 207 ,แกนพวงมาลัยจากรุ่น 206, พวงมาลัยจาก 407 และ ใช้บอลจอยน์แบบพิเศษ เป็นต้น

เครื่องยนต์ เลือกใช้ขนาด 1.6 ลิตร THP 16v EP6 DTS แบบ 4 สูบแถวเรียง เทอร์โบคู่(Twin Scroll Turbocharger) พร้อมระบบวาล์วแปรผัน วีวีที(Variable valve timing) มีกำลังสูงสุด 175 แรงม้า ที่ 5800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตร ที่ 1600 รอบ/นาทีและคงที่จนถึง 4500 รอบ/นาที

โดยเป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกับที่จะติดตั้งในรุ่น 207RC ในอนาคตและเป็นเครื่องที่พัฒนาร่วมกับค่ายใบพัดฟ้าขาว บีเอ็มดับเบิลยู นั่นเอง ทว่าได้รับการปรับปรุงเรื่องของระบบอัดอากาศและทางเดินไอเสียใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับ 207 สไปเดอร์

ด้านระบบส่งกำลังเป็น เกียร์ธรรมดา แบบ 6 สปีด (รหัส Sadev ST 74-14 dog ring sequential) พร้อมปุ่มควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ได้ที่พวงมาลัย หรือที่คุ้นหูกันในชื่อ Paddle shift

หัวใจสำคัญอีกประการของ "เปอโยต์ 207 สไปเดอร์" คือกล่องควบคุม (ECU)จาก บอช ซึ่งได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับความเป็นรถแข่งและถูกล็อกห้ามดัดแปลงหรือโมดิฟายแก้ไขข้อมูลเพิ่มเติมอีก รวมถึงการมี กล่องดำ เพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ ของเครื่องยนต์ไว้สำหรับการประมวลผลด้านเทคนิคระหว่างการแข่งขัน

สำหรับตัวถังภายนอก ถูกดีไซน์ให้มีความลู่ลมและมีแรงกดจากอากาศเพื่อช่วยให้รถเกาะถนนมากยิ่งขึ้น รูปทรงโดยรวมจะมาแนวเดียวกับรถสปอร์ตในยุค70s ที่ด้านท้ายรถออกแบบให้มีช่วงสั้นและไม่มีสปอยเลอร์ ทั้งนี้ชิ้นส่วนจะถูกแยกเป็น 9 ชิ้น เพื่อให้ง่ายต่อการซ่อมแซมและลดภาระค่าใช้จ่ายกรณีเกิดอุบัติเหตุ โดยมีน้ำหนักตัวรถรวมทั้งสิ้น 720 กิโลกรัม(ไม่รวมคนขับ)

หลังจากรู้จักกับตัวรถเป็นอย่างดีแล้ว คราวนี้ถึงคิวเฉลยคำถาม ซึ่ง "เอเอสทีวี ผู้จัดการมอเตอริ่ง ไลท์" สอบถามข้อมูลกับ "พลกฤษณ์ ลีนุตพงษ์" ประธาน บริษัท ยนตรกิจ ออโตโมบิล จำกัด ผู้นำเข้าและทำตลาดรถยนต์เปอโยต์ในประเทศไทย ในฐานะเจ้าของ "เปอโยต์ 207 สไปเดอร์"

โดยเขาบอกว่า การนำเจ้า 207 สไปเดอร์ เข้ามาโชว์ ก็เพื่อหวังสร้างกระแสและเรียกความสนใจให้แก่แบรนด์ของเปอโยต์ ส่วนเรื่องการขายนั้น ไม่เน้น เนื่องจากว่ารถคันนี้เป็นรถที่สร้างขึ้นมาเป็นการเฉพาะสำหรับวิ่งบนแทร็ก ของการแข่งขันเท่านั้น ไม่สามารถวิ่งบนท้องถนนธรรมดาได้ เว้นแต่จะเป็นถนนที่เรียบและไม่มีเนินหลังเต่าก็อาจจะพออนุโลม

แต่หากใครสนใจจะซื้อก็ขาย สนนราคาไม่มากมายเพียงประมาณ 2 ล้านบาท (เนื่องจากการเป็นรถเพื่อแข่งจึงไม่ต้องเสียภาษีสรรพสามิตทำให้ราคาไม่สูงมากเหมือนรถที่นำเข้ามาและจดทะเบียนวิ่งบนท้องถนนทั่วไป) โดยมีเงื่อนไขดังที่บอกมาว่า มันเป็นรถที่วิ่งในแทร็คสำหรับการแข่งขันเท่านั้น ดังนั้นใครที่สนใจอยากเป็นนักแข่ง ลองเข้าไปคุยดูได้

นอกจากนี้ ภายหลังการซื้อรถแล้ว ทางเสี่ยพลกฤษณ์ ยังบอกอีกว่า ไม่ใช่แค่เอาไปขับเล่นในสนามแข่งรถเฉยๆ น่าจะทำเป็นทีมแข่งเพื่อเข้าแข่งกับทีมแข่งของเปอโยต์ของประเทศอื่นๆ ซึ่งทางบริษัทฯ เปอโยต์ของประเทศฝรั่งเศส เขาจะจัดการแข่งขันขึ้นเป็นประจำทุกปีกระจายไปยังสนามต่างๆ ทั่วโลก เช่น ประเทศมาเลเซีย เขาก็มีทีมเปอโยต์มาเลเซีย นำเจ้า 207 สไปเดอร์ เข้าร่วมแข่งขันอยู่

ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมและติดตามการแข่งขันได้ทาง www.peugeot-sport.com ซึ่งเว็บไซต์แห่งนี้จะเป็นที่รวบรวมเรื่องราวต่างๆ ของการแข่งขันที่เปอโยต์ให้การสนับสนุนและจัดการอย่างเป็นจริงเป็นจัง

สุดท้าย ทีมแข่ง เปอโยต์ ประเทศไทย จะเกิดขึ้นหรือไม่ คงขึ้นอยู่กับว่า จะมีกลุ่มคนที่สนใจและมีใจรักในการขับรถแข่ง พร้อมด้วยกำลังเงินที่มากพอในระดับ 2-3 ล้านบาทต่อทีม คุณก็สามารถกลายเป็นนักแข่งในรูปแบบฟอร์มูล่าได้และ แม้ปัจจุบันในประเทศไทยจะยังไม่สามารถยึดเป็นอาชีพได้ แต่อนาคตหากมีโอกาสก้าวไปสู่ระดับอินเตอร์ มันก็ไม่แน่นะนาย


กำลังโหลดความคิดเห็น