ชลิตา อังสุนันรัตนา แห่งบ้าน “อังสนา” ชื่อนี้หลายคนอาจยังไม่รู้จักเธอ เพราะไม่ใช่นักธุรกิจชั้นแนวหน้าแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ แต่ประวัติการทำงาน และการใช้ชีวิตของเธอคนนี้น่าสนใจอย่างยิ่ง
ชลิตา เริ่มเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยวัยเพียง 17 ปี ก่อนหน้านี้ครอบครัวทำธุรกิจพัฒนาอาคารพาณิชย์หรือที่เรียกติดปากว่า ตึกแถว ใน ซ.ประดู่ 1 ถนนเจริญกรุง กว่า 300 ห้อง, ซ.อยู่ดี และตึกแถวปาก ซอยทองหล่อ และอีกหลายโครงการ นับว่าเมื่อกว่า 25 ปีที่แล้วเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่พอสมควร ซึ่งขณะนั้นพี่ชายคนโตเป็นผู้บริหาร แต่เมื่อประมาณปี 2521-2522 พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี เกิดวิกฤตเศรษฐกิจบริษัทประสบปัญหาขาดทุน
นั่นคือสาเหตุที่ ชลิตา ได้เข้ามาบริหารงานในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัทที่ขาดทุนด้วยวัยเพียง 17 ปี ด้วยวัยขณะนั้นนับเป็นความท้าทายอย่างมาก หลังจากนั้น ชลิตา ได้เข้าเรียนที่คณะบริหารธุรกิจ ม.หอการค้าไทย และแก้ปัญหาหนี้สินเรื่อยมาจนกระทั่งประสบความสำเร็จ ในระหว่างนั้นได้ก่อตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา ภายใต้ชื่อ คฤหาสน์ คอนสตรัคชั่น พัฒนาโครงการอสังหาฯ และได้ขยายไปสู่การก่อตั้งโรงงานผลิตท่อคอนกรีต KCP มียอดขายในแต่ละปีเกือบ 100 ล้านบาท
กระทั่งในปี 2545 หลังจากมีครอบครัวแล้วจึงต้องการออกมาดำเนินธุรกิจของตนเอง จึงได้เปิดบริษัทบ้านอังสนาขึ้นมา ผลงานล่าสุด คือ โครงการ พรอม พหลโยธิน 2, Lot 29 Condominium และโรงแรม Serene @ Chiang Saen บทเริ่มต้นของธุรกิจไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ ทำให้การทำธุรกิจของเธอเป็นไปด้วยความระมัดระวัง โตอย่างมั่นคง ไม่ตะเกียกตะกายเพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จ แต่ต้องทำงานอย่างเต็มความสามารถ
นั่นคือด้านของการทำงาน แต่การใช้ชีวิตอีกด้านของเธอ คือการเดินทางเพื่อแสวงบุญ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาพุทธเกือบทั่วโลก “ชอบไปศักดิ์การะ แต่ไม่ได้ยึดติดวัตถุมงคล” รวมไปถึงการทำบุญ บริจาคทาน ชลิตาเล่าว่า ที่มาของการชอบทำบุญและเดินทางแสวงบุญน่าจะมาจากถูกปลูกฝังตั้งแต่เด็กให้ชอบการทำบุญเพราะแม่และญาติๆ ทำให้เห็นเป็นประจำ
กอปรกับสามี ชินวัตร ลี้สมบุญ หรือเสี่ยเล็ก ประธานบริษัท กำจรกิจก่อสร้าง ผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของกระทรวงศึกษาธิการ ชื่นชอบการเดินทางแสวงบุญ และยังเป็นลูกศิษย์ ก้นกุฏิของพระครูบา บุญชุ่ม ญาณสังวโร แห่งวัดถ้ำเมืองนะ เกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งสามเหลี่ยมทองคำ ทำให้ทั้งคู่ได้มีโอกาสติดตามพระครูบาไปแสวงบุญตามสถานที่ต่างๆ และ จะต้องถือศีลกินเจเป็นเวลา 1 เดือนก่อนเดินทางและระหว่างเดินทาง นอกจากนี้ยังมีพระครูบาเทือง นาถศีโร เกจิดังแห่งอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ที่วัดเด่นสะหลีศรีเมืองแกน หรือวัดบ้านเด่น ตำบลอินทขิล อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
“ประทับใจในทุกสถานที่ ที่ไปสักการะแม้ว่าจะลำบาก บางที่ที่ไปต้องขี่ม้า ขึ้นเขา เดินเท้านานนับชั่วโมง สองชั่วโมงก็ยังไป แต่อยู่ครั้งหนึ่งที่ประทับใจเมื่อ 15 ปีที่แล้วได้มีโอกาสตามครูบาไปประเทศภูฏาน และได้เห็นป่าหิมพานต์ แม้ว่าตอนนั้นจะหนาวมากและไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าสำหรับหิมะตก แต่มีก็รู้สึกดีใจมาก อิ่มใจ และทุกครั้งที่ไปแสวงบุญจะรู้สึกอิ่มใจอยู่ตลอดเวลาแม้ว่าจะเป็นสถานที่ที่ลำบากแค่ไหนก็ตาม”
การทำบุญที่ปฏิบัติเป็นประจำ ก็คือ การทำอาหารพิเศษเฉพาะโรค ไปถวายพระอาพาต ที่โรงพยาบาลสงฆ์ ทุกวันอาทิตย์ และการมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนโรงเรียนอยู่สถาพร ศาลายา จ.นครปฐม ปีละกว่า 2 แสนบาท ซึ่งบริจาคติดต่อกันทุกปีเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว แม้ว่ารัฐบาลเขาจะแจกทุนค่าเทอมอยู่แล้วแต่ค่าอาหาร ชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียนถือเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เราต้องช่วยเขา
“ระลึกดี คิดดี ทำดี” นี่คือคติประจำใจ สิ่งนี้จะช่วยให้การกระทำออกมาดี การทำธุรกิจก็เช่นกัน ไม่ใช่ว่าจะไม่ทำกำไรเลย แต่เรามีหน้าที่ต้องทำให้ดีที่สุดไม่ได้ไปเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค แต่เราต้องทำงานให้สุดความสามารถ คืนกำไรสู่สังคมบ้าง ให้อะไรแก่สังคมบ้าง เพราะถ้าสังคมอยู่ไม่ได้เราก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน บางคนมีความรู้ความสามารถ ร่ำรวยล้นฟ้า แต่ไม่คืนอะไรให้แก่สังคมเลย มีแต่จะกอบโกยเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก ควรใช้ชีวิตไม่โลภ มีสติ ของพวกนี้ตายไปก็เอาไปไม่ได้