xs
xsm
sm
md
lg

"จูบ" ความสมจริงเพียงหนึ่งเดียวของละครไทย?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชาย แม้หน้าจะสวยเริ่ด แม้นมจะตู้ม แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเป็นผู้หญิง ขอเพียงแค่เธอสวมหมวก แล้วพูดคำว่า "ฮะ"

พระเอก-นางเอก ไม่ว่าจะก่อนนอนหรือหลังตื่นนอน ใบหน้าจะไม่เคยปราศจากเครื่องสำอาง และผมจะไม่เคยเสียทรง


เครื่องแบบสุดฮิตของลูกน้องตัวโกงก็คือชุดซาฟารี หรือไม่ก็สูทและแว่นดำ ส่วนสถานหลักๆ ที่ใช้สำหรับซื้อขายของผิดกฏหมายก็คือโกดังที่ท่าเรือ

ฯลฯ

...
ในขณะที่หลายสิ่งหลายอย่างในละครไทยดูจะไร้ซึ่งความสมบูรณ์ ไม่มีความสมประกอบ และปราศจากซึ่งความสมจริงเอาเสียเลย ทว่าสิ่งหนึ่งที่เหล่าบรรดาผู้สร้าง ผู้กำกับ ค่ายละคร ดูจะให้ความสนใจ ใส่ใจ จริงจัง ขณะที่ทางด้านของนักแสดงเองก็พร้อมที่จะสวมบทบาทนั้นจริงๆ ในระยะหลังๆ ก็คือเรื่องของฉากเลิฟซีน

เฉพาะอย่างยิ่งบท "จูบ" ซึ่งปัจจุบันนอกจากจะเป็นข่าวพีอาร์ชั้นยอดของค่ายละครแต่ละค่ายแล้ว ในมุมหนึ่งของดารานักแสดงส่วนใหญ่ยังเข้าใจด้วยว่า บทนี้เป็นเครื่องหมายถึงการพัฒนาทางด้านฝีไม้ลายมือของตน

ในบ้านเราแม้จะไม่ปิดกั้นต่อเรื่องที่ว่านี้ ทว่าส่วนใหญ่ก็ไม่ถึงกับรู้สึกว่าการจูบนี้เป็นเรื่องธรรมดาไปเสียทีเดียว โดยเฉพาะในที่สถานที่ที่เป็นสาธารณะเพราะฉะนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมีการตั้งคำถามถึงการจูบกันของตัวละครในหลายๆ เรื่องผ่านจอทีวีนี้ในเชิงของความเหมาะสม ไม่เหมาะสม จำเป็น ไม่จำเป็น

"ถ้าไม่จูบจริง มันก็เหมือนกับหลอกๆ คนดูยังไงไม่รู้...", "ที่กล้าจูบจริงก็เพราะหนูคิดว่าหนูโตแล้ว..." "เฉยๆ ค่ะ ชีวิตจริงถ้าเรามีแฟน มันก็ต้องมีการจูบกันบ้าง เรื่องธรรมดา..." "คือถ้าเรากล้าเล่นมันก็เหมือนกับว่าเรามีการพัฒนาในเรื่องของการแสดงมากยิ่งขึ้น..."

เหล่านี้เป็นตัวอย่างของประโยคยอดฮิตที่นักแสดงมักจะหยิบยกขึ้นมาเป็นเหตุผลในการตอบคำถามกับเหล่านักข่าว ซึ่งชวนให้น่าสนใจจริงๆ ว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงหรือ? จูบจริงสามารถสื่อถึงอารมณ์ได้มากกว่าจูบไม่จริง จริงหรือ? จูบจริงทำให้ละครที่เนื้อหาโดยรวมส่วนใหญ่ให้อรรถรสอย่างกับดูยี่เกมีคุณภาพขึ้นมาจริงๆ หรือ? และจูบจริงคือเครื่องมือวัดฝีมือทางการแสดงที่พัฒนาขึ้นจริงหรือ?
...
จูบ-ไม่จูบ
"นุ่น วรนุช วงษ์สวรรค์ - พอล ภัทรพล ศิลปาจารย์" เรื่อง "รหัสริษยา" ช่อง 7 มีการจูบจริง โดยฝ่ายหญิงให้เหตุผลของการกล้าเล่นจริงครั้งนี้ว่า "คือให้เล่นแบบนี้ก็เล่นได้เพราะนุ่นดูความสมเหตุสมผลของละคร ที่ผ่านมามากสุดเลิฟซีนของนุ่นจะแค่หอมแก้มแล้วมีมุมกล้องช่วย แต่เราเข้าใจผู้กำกับว่าอยากให้เล่นจริงเพื่อให้ละครมันกลมกลืนขึ้น"

"ด้วยตัวบทของเรื่องนุ่นก็เลยยอมเล่น ถามว่าเปลืองตัวมั้ยนุ่นไม่คิดแบบนั้นเพราะมันเป็นงานและอาชีพของเรา"

อย่าง “ปอ-ทฤษฏี สหวงษ์” และ “เข็ม-รุจิจา ช่วยเกื้อ” ละคร “บัวปริ่มน้ำ” ของช่อง 3 ไฮไลต์เด็ดของละครเรื่องนี้คือ “เลิฟซีนดุเด็ดเผ็ดร้อน” ของพระนางซึ่งนางเอก “เข็ม” ยอมรับว่าเรื่องนี้ “เน้นจูบเป็นจูบ” จริงๆ

“หลายคนจะทักมาว่าแรงมากๆ บางส่วนก็จะเป็นมุมกล้อง แต่ตอนหลังเข็มจะให้พี่ปอจูบจริง เพราะไม่อยากมานั่งเสียดายเวลามานั่งย้อนดู คือตอนถ่ายไปเกือบครึ่งเรื่อง แล้วใช้ไม่ได้ ตอนจูบกลับหยุดอยู่แค่ปาก จะเทคก็ไม่ได้เพราะค่าไฟมันแพง จากนั้นเลยบอกพี่ปอว่า ให้จูบจริงเลยละกัน พี่เขาก็ทำหน้างงๆ เออๆ แบบว่าไม่รู้ดีใจหรือเสียใจกันแน่ สงสัยจะกลัวแหละ (หัวเราะ)แต่เข็มก็คิดอยู่นานทีเดียว เดี๋ยวมีข่าวออกมาจะแก้ข่าวยังไง เพราะคำว่า ‘จูบจริง’ ของเรา มีแค่ปากแตะกันเฉยๆ ไม่ใช่บดขยี้ หรือทำหมุน 360 องศาหรอก"

"เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ" กับ "ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์" ในละคร “คุณชายร้ายเล่มเกวียน" ช่อง 3 หลังเป็นพ่อแง่แม่งอนมาตั้งแต่ต้นจนตอนจบก็ขอลงเอยแบบแอปปี้เอนดิ้งเอาใจคนดูด้วยการ "จูบจริง" แถมข่าวพีอาร์ยังแซวว่าระหว่างถ่ายทำฉากนี้ทั้งคู่ถึงกับเคลิ้มกันเลยทีเดียวเพราะเล่นไล่หอมหน้าผาก มาถึงแก้ม และจบที่ปากแบบนี้ อย่าว่าแต่คนเล่นจะอินเองเลยทำเอาคนดูถึงกับจินตนาการตามไปด้วยเลยล่ะ

"จินนี่ ธนิดา กาญจนวัฒน์" + "ต่าย ณัฐพล ลียะวนิช" ใน "ยอดกตัญญู" ช่อง 3 มีภาพจูบจริงออกไปถึงกับเป็นจูบเจ้าปัญหาเพราะเล่นเอาแฟนตัวจริงของหนุ่มต่าย "ไหม วิสา สารสาส" ถึงกับบ่อน้ำตาแตกเลยเมื่อเห็นภาพแถมเมื่อตามไปสัมภาษณ์สาวจินนี่ถึงเรื่องนี้จินนี่ผู้ไร้เดียงสาก็เอ่ยขอโทษสาวไหมผ่านสื่อมาแบบงงๆ ไปเหมือนกัน

นางเอกสุดเซ็กซี่ “ปู-ไปรยา สวนดอกไม้” เล่นคู่ "บอล อัศนัย เทียนทอง" กับละคร ‘อยากจะรักเดี๋ยวจัดให้’ ทางช่อง 7 ปูเล่าว่าเหนื่อยใจกับฉากจูบอันดุเดือดแม้ว่าเจ้าตัวจะใจกล้ายอมเล่นจริงแต่กลับไม่กล้าให้แฟนหนุ่มไฮโซในตอนนั้นอย่าง "นัท ณัฐพล สารสาส" ดูละครเรื่องนี้

“ก็จูบจริงค่ะ พี่บอล จูบจริง จูบกันไปจูบกันมา จูบจริง 2-3 ครั้ง ซึ่งพี่บอลเขาก็โดนปูตบจริงๆ ไปทีหน้าเขียวเลย ฉากเลิฟซีนผู้กำกับก็ไม่สั่งคัท เพราะถ้าคัทอีก ก็ต้องถ่ายใหม่ต่อไป ตัวพี่บอลถ่ายฉากนี้เขาก็ขอโทษปูแล้ว แต่ปูก็ไม่โกรธ เพราะเข้าใจว่าเป็นเรื่องงาน แต่ไม่ได้ดูเลย และแฟนปู ปูคงไม่ให้ดูหรอกและก็จะไม่ให้ดูเลย เรื่องนี้ปูเหนื่อยมาก เอาอีกแล้วเหรอ มีจูบอีกแล้วเหรอ ขนาดแฟนเรายังจูบไม่บ่อยเลย แล้วนี่ พี่บอลเป็นใครมาจูบเรา(หัวเราะ)”

"ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี" - "อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ" ในละคร "นางสาวจริงใจกับนายแสนดี" ช่อง 7 จูจุ๊บกันแนบแน่น ผู้กํากับ ปลา-พีรพล เธียร เจริญบอกทั้งคู่ว่า... "ขอมีจูบนิดนึงได้มั้ย เพื่อให้มันรู้สึกว่าทั้งคู่รักกันจริงๆ ไม่มีเรื่องฐานะมาเกี่ยว" ติ๊กรีบขออนุญาตอั้มไว้ล่วงหน้า "อั้มอย่าว่ากันนะ พี่เล่นไปตามบทที่ผู้กํากับบอก" อั้มได้แต่ยิ้มอายๆ แค่เทกเดียวก็ผ่าน แต่ผู้กํากับฯ ขอเปลี่ยนมุมกล้องหลายมุม

"ผมเองก็คงต้องขอตอบอย่างนี้นะครับ คือผมทำตามบทในสิ่งที่ผู้กำกับต้องการนะครับ แล้วในฐานะนักแสดงเวลาผมเล่นละครผมก็จะบอกให้นางเอกที่ตบผมก็บอกว่าตบได้จริงทุกครั้งนะครับ..." พอล ภัทรพล หนึ่งในพระเอกที่มีข่าวเรื่อง "จูบจริง" ออกมาค่อนข้างถี่คนหนึ่งแสดงความคิดเห็น

ทั้งนี้เจ้าตัวยังเชื่อด้วยว่าในมุมของนักแสดงนั้นหากเล่นจริงแล้วจะเข้าถึงอารมณ์ที่มากขึ้น..."ผมว่ามันดีขึ้นถ้าในแง่ของคนดูผมก็ว่าเขาก็ได้อรรถรสขึ้นแต่ถ้าถามว่าอยากทำมั้ยก็ไม่อยากแต่มันก็ต้องแยกแยะให้ออกกับการทำงานหรือว่าความต้องการของตัวเองว่ามันคืออะไรต้องแยกแยะกัน"

"อย่างผมก็ต้องดูก่อนว่าบทมันสมเหตุสมผลมั้ย สมมติผมเล่นเป็นนาย ก ผมก็ต้องรู้ก่อนว่าเพราะผมอยู่กับนายนาย ก มาตลอดทั้งเรื่องผมต้องเข้าใจนาย ก ได้ดีที่สุดพอๆ กับผู้กำกับ ถ้าผมคิดว่ามันอาจจะไม่ถึงขั้นที่ทำให้ผมต้องไปขนาดนั้นผมก็ต้องมีการพูดคุยกับนางเอกกับผู้กำกับ แต่ทั้งหมดทั้งปวงเนี่ยเราต้องฟังผู้กำกับ"

"เทคนิกก็คงจะเป็นเรื่องที่ว่า เราต้องรู้สึกไปกับบทก่อน คือบทมันต้องจูบด้วยความรักเราก็ต้องแสดงให้ออกว่ามันเป็นความรัก บางทีก็เห็นว่าก็มีการจูบที่เป็นแบบว่าด้วยความโมโหผู้หญิงเราก็จับเขามาจูบเราต้องเชื่อก่อนว่าสิ่งที่เขาทำกับเรามันแรงพอจนกระทั่งเราอดทนไม่ได้ เราถึงจูบเขา จริงๆ แล้วก็คือเราต้องเชื่อและเข้าใจในบทก่อน ถ้าเราไม่เชื่อและไม่เข้าใจคนดูก็จะไม่เชื่อ"

"แล้วตั้งแต่ผมเข้าวงการครั้งแรกก็ตั้งแต่ 7-8 ปีมาผมก็เห็นว่าเขาก็มีเล่นจูบจริงกอดจริงผมก็เห็นว่ามันมีมานานแล้วนะครับแต่อาจจะเห็นว่าในระยะหลังมันอาจจะเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้น คนผู้จัด ผู้กำกับอาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้นนะครับก็เลยอาจจะเห็นว่ามีฉากแบบนี้เกิดขึ้นในละครหลายเรื่อง"

ในขณะที่ดารานักแสดงหลายคนพร้อมที่จะบทนี้จริงๆ ทว่าก็มีอยู่คนหนึ่งที่ขอบายกับการจูบจริงก็คือ ทางฟากของนางเอกดังจากหมอชิต ก็คือ "กบ สุวนันท์" ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีข่าวเม้าท์ออกมาว่า เธอเคยติติงไปยังหนุ่มชาคริต กรณีที่เล่นบทเลิฟซีนเกินจริงเกินมาแล้ว

"ที่กบไม่ยอมเล่นจูบจริงก็ไม่ได้เกี่ยวกับพี่บรู๊คนะ กบถือว่างานของกบที่ทำมากว่าสิบปี เราต้องให้เกียรติคนที่เขาทำงานร่วมกับเรา คือกบเล่นละครมาแต่เด็ก สมัยก่อนไม่มีจูบจริงหรอก มีแต่หอม และด้วยความที่เราเป็นเด็กเราคิดว่าไม่เหมาะกับอายุของเราด้วย"

"หลังจากที่กบดูแลตัวเองมาตลอดแล้ว พอเริ่มโตขึ้นๆ แฟนคลับกบก็มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้นไม่ทำดีกว่า และกบคิดว่าบางครั้งมันก็ไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ในฉากนั้นดีขึ้น อย่างบางทีกบไม่ได้เล่นบทจูบกับฟาน (สเตฟาน) แต่คนก็ยังลุ้นอยากให้เป็นแฟนกับฟาน นั่นคือมันสร้างอารมณ์ได้โดยที่เราไม่ต้องเล่นบทจูบ"
...
เพื่อมาตรฐาน?
เพราะไม่ใช่ "รากเหง้า" ของเรานั่นเองที่ทำให้ผู้กำกับอย่าง "ชนะ คราประยูร" รู้สึกว่า คนไทยจูบกันดูอย่างไรก็ไม่ให้อารมณ์เหมือนฝรั่งต่างชาติ..."คือบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องขยี้ปากกันเพราะทีวีมันมีเด็กดูใช่มั้ยครับ ดูแล้วมันก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่จะเป็นตัวขายน่ะถ้าถามความรู้สึกพี่นะ เมื่อก่อนมันก็มีครับการแสดงจริงแบบนี้เราพยายามทำให้มันสมจริงมากแล้วมันก็มากขึ้นๆ จนมันเลยเถิดไปหน่อย"

ทั้งนี้โดยส่วนตัวผู้กำกับดังมองว่าปัจจุบันละครไทยจ้องที่จะขายเรื่องในตรงนี้มากเกินไป ทั้งๆ ที่สิ่งที่น่าจะไปให้รายละเอียด ให้ความสนใจ มีมากมายก่ายกอง ทั้งเรื่องของบท เนื้อหาสาระที่ประเทศอื่นๆ เขาไปไกลกว่าการแย่งผู้หญิงแย่งผู้ชาย หรือมีนางร้ายวี้ดๆ แว้ดๆ มีตลกปัญญาอ่อน

"เราอยู่มาตั้งนานแต่เรารู้สึกว่าเนื้อเรื่องไม่พัฒนาน่ะ นักแสดงก็ต้องเล่นในแบบเดิมๆ ตลอด คนที่เล่นเป็นตัวร้ายจะต้องกระทืบเท้า เอาเด็กมาเล่นก็ต้องกระทืบเท้าถ้าไม่กระทืบเท้าแสดงว่าไม่ร้ายอย่างนี้น่ะ"

นอกจากนี้เจ้าตัวยังเชื่อด้วยว่าลิมิตภาพจูบจริงที่แต่ละช่องปล่อยออกมาหน้าจอทีวีชนิดแบบปากประกบปากนั้นน่าจะเป็นไปอะไรที่สุดๆ แล้ว..."ต้องยอมรับว่าหลังๆ พี่จะไม่มีให้เล่นจูบจริงนะ คือจุ๊บที่ปากน่ะมี เพื่อให้มันน่ารักๆ เพราะพี่รู้สึกว่าคนไทยจูบปากไม่สวย"

ผู้กำกับบางคนจะใช้เหตุผลที่ให้ดาราเล่นจริงว่าเพื่อความสมจริงของละคร?
"อันนี้ต้องแล้วแต่น่ะครับ ยิ่งตอนหลังๆ เรารู้ว่าสังคมเราแย่นะแล้วก็ถ้าเรายังทำแบบนี้อยู่อีกน่ะมันจะเป็นอย่างไรน่ะ...เราก็พยายามจะเลี่ยงให้ไม่มี ไม่ให้เห็นเหล้าเราก็ไม่มีแล้ว บุหรี่ไม่ให้สูบเราก็พยายามจะไม่อย่างจูบนี่หลังๆ พี่ก็ไม่ค่อยให้ทำนะอาจจะเป็นเพราะเราอายุมากขึ้นแล้วเราเข้าใจสังคม"

"ยอมรับว่าสังคมเด็กตอนนี้ไม่รู้นะมันไม่เหมือนรุ่นพี่น่ะเพราะเขาอาจคล้อยตามได้ง่ายแล้วเราไปทำแบบนี้ก็ยิ่งไปกันใหญ่ เราอาจจะโบราณนะที่แบบไปเห็นว่าเขาบี้ปากกันอุ๊ย เขาทำจริงนะเพื่ออะไร สมจริงอะไร"

"การสมจริงคือเนื้อเรื่องสมจริง ความเป็นไปได้สมจริงแบบนี้ที่สำคัญกว่า อย่าหลอกคนดู ให้คนเห็นพวกนี้ดีกว่า ไม่ใช่เอาฉากจูบจริงมา"
กำลังโหลดความคิดเห็น