ผู้จัดการรายวัน - ทนายพันธมิตรฯ ฟ้อง “สุรพล-อำนวย” ฐานหมิ่นประมาทผู้ตาย กล่าวหาพันธมิตรฯ พกระเบิดมาเอง ก่อนยื่นฟ้องอาญาชุดใหญ่สัปดาห์หน้า ฝากบอก ผอ.เอ็นบีที-อธิบดีกรมประชาฯ ให้นักโทษหนีคุกแก้ตัวผ่านทีวีของรัฐ โดนฟ้องแน่ พันธมิตรฯติงรัฐระวังให้ “ทักษิณ" ใช้ NBT ของรัฐเป็นเครื่องมือสร้างความแตกแยก ปัดแกนนำไม่ได้สั่งให้ใช้มือตบไล่ “สมชาย” ปูด “สล้าง” เคลื่อนไหวเพื่อต้องการตำแหน่งในสตช. “สนธิ” อัดแม้วยังหน้าด้านบอกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมทั้งที่น้องเขยเป็นนายกฯ พปช.เป็นรัฐบาลแท้ๆ ด้านการ์ดอาสาพันธมิตรฯ 150 คน เข้าร่วมพิธีดื่มน้ำสาบานตน ต่อหน้ารูปหล่อพระเจ้าตากสินมหาราช เน้นรักษากฎระเบียบของการ์ด ย้ำใครผิดคำสาบาน จงมีอันเป็นไปใน 3 วัน 7 วัน
นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยได้เล่าถึงการไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ตำรวจสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ รพ.ศิริราช ซึ่งมีผู้บาดเจ็บ 2 คน นอนพักรักษาตัวอยู่ คือ นางวิชชุดา ระดับปัญญาวุฒิ มารดาของ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือ โบว์ ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ กับ นายนิวัฒน์ บัวทอง ที่เป็นการ์ดอาสา ซึ่งทั้งสองคนบาดแผลใกล้หายดีแล้วและใกล้จะได้ออกจากโรงพยาบาล
นายสุวัตร กล่าวต่อว่า นอกจาก สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ จะได้เสด็จฯในงานพระราชทานเพลิงศพน้องโบว์แล้ว ยังพระราชทานกระเช้าผลไม้ เยี่ยมผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนด้วย
**ฟ้อง2บิ๊กตร.หมิ่นประมาท
ทนายความพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า ที่ไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บทั้งสองเมื่อวานนี้ เพื่อนำใบมอบอำนาจให้เซ็น เพื่อที่จะฟ้อง พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในข้อหาหมิ่นประมาทผู้ตาย ที่กล่าวหาว่า น้องโบว์พกระเบิด และระเบิดตัวเอง ซึ่งนี่เป็นเพียงน้ำจิ้มเล็กๆ ให้กับรองโฆษกตำรวจที่ให้สัมภาษณ์เจื้อยแจ้ว ว่า ผู้ชุมนุมที่บาดเจ็บล้มตายนั้นพกระเบิดเอาไว้
ส่วนอีกคนที่กำลังร่างคำฟ้อง คือ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่บอกว่า พวกเราพกระเบิดมาในที่ชุมนุม ที่แขนขาดขาขาด เพราะพกมาเอง เมื่อมีการใส่ความแบบนี้ ต้องรับโทษหมิ่นประมาทไปก่อน และยังจะต้องรับโทษในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอีกด้วย
นอกจากนี้ นายสุวัตร กล่าวต่อว่า วานนี้ นายนิติธร ล้ำเหลือ ได้ร่างคำฟ้องกรณีที่มีเรื่องราวที่อุดรธานีให้กับพันธมิตรฯ ที่อุดรธานีเสร็จเรียบร้อยแล้ว และส่งมาที่ตน ซึ่งได้มอบหมายให้ทนายความเดินทางไปที่อุดรธานี เพื่อที่จะยื่นฟ้องในวันนี้
“คนที่ก่อกรรมทำเข็ญไว้ จะต้องทยอยรับกรรมไปเรื่อย นายขวัญชัย สาระคำ เป็นจำเลยที่ 1 นายอุทัย แสนแก้ว จำเลยที่ 2 ทั้งสองคนนี้ วันนี้เราจะยื่นฟ้องที่ศาลจังหวัดอุดรธานี” นายสุวัตร กล่าว
นายสุวัตร ได้บอกไปถึงผู้บาดเจ็บทุกเหตุการณ์ที่ นปก.บุกเข้ามาทำร้าย และกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามา ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค.วันที่ 2 ก.ย.และวันที่ 7 ต.ค.ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ เราเป็นฝ่ายถูกบุกเข้ามาตีจนได้รับบาดเจ็บ แต่ขณะนี้ พวกตำรวจชั่วได้ตั้งข้อหาให้พวกเราเป็นผู้ต้องหา จึงขอบอกพี่น้องที่ถูกตำรวจออกหมายเรียกไป หรือที่มีเหตุเกี่ยวข้อง หากตำรวจเรียกท่านไปสอบ ไม่ว่าใครก็ตาม ให้ติดต่อมาที่ตนก่อน เพราะถ้าเขาจะตั้งเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา จะต้องมีทนายไปร่วมฟังการสอบสวนด้วย จะหลอกเอาพวกเราไปยำฟรีๆ นั้น อย่าหมาย
“คนของเราคนหนึ่งที่เป็นผู้หญิงที่อุดรฯ ถูกตีคว่ำไปเลย แล้วมันก็กระทืบๆๆ ตอนนี้มันแจ้งความเป็นผู้ต้องหา มันทำได้ยังไง ส่วนสารวัตรจ๊าบ มันเอาระเบิดยิงเข้ามา แขน ขาขาด ตัวหายหมด ไส้อยู่บนต้นไม้ แต่มันฟ้องคนตายเป็นผู้ต้องหา”
นายสุวัตร กล่าวอีกว่า ขนาดเราอยู่ใจกลางกรุง ตำรวจยังกล้าทำกับเราขนาดนี้ ทั้งที่เรามีนักวิชาการร่วมต่อสู้ มีนักกฎหมายเก่งๆ มาช่วย ก็ยังกล้ายัดข้อหาเลย แล้วใน 3 จังหวัดภาคใต้ที่เดือดร้อนเป็นไฟอยู่ในขณะนี้ก็เพราะตำรวจชั่วพวกนี้ เมื่อทำกับเขาได้ขนาดนี้ ภาคใต้ก็ลุกเป็นไฟ คุณก็แก้ไม่ได้ นี่ใจกลางกรุงเทพมหานคร เอาคนตายเป็นผู้ต้องหา ไม่รู้พนักงานสอบสวนโลกไหนถึงทำได้
“ใต้ดวงอาทิตย์นั้น ตำรวจทำได้ทุกเรื่อง ในเรื่องที่ชั่วๆ” นายสุวัตรกล่าว
ทนายความพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า ยังมีตำรวจคนหนึ่งเป็นตำรวจนอกราชการ จริงๆ ไม่อยากจะให้ราคา แต่มันออกข่าวว่า วันที่ 1 นี้จะพาพวกมาล้อมเราให้อดข้าว 3 วัน มันไม่รู้หรอกว่าเราชุมนุมมา 153 วัน ถ้าอดข้าว 3 วัน ก็ยังอ้วนเหมือนเดิม เพราะข้าวสารอาหารแห้งเราตุนไว้แล้ว ตำรวจคนนี้ชื่อ สล้าง บุนนาค คนๆ นี้ คดีโจ ด่านช้าง ที่สุพรรณบุรี ก็พาตำรวจยิงผู้ต้องขังที่ใส่กุญแจมือตาย แต่สู้คดีอ้างว่าไปทีหลัง จนศาลยกฟ้อง
“แต่ที่จะพามาบุกพวกเราในวันที่ 1 พ.ย.นี่แหละ สล้าง บุนนาค ฟัง นายสุวัตร อภัยภักดิ์ เอาไว้ คุณจะต้องติดคุก คุณมีสิทธิอะไร เป็นตำรวจนอกราชการ ซ่องสุมกำลังคน บอกจะเอาอาวุธจากนอกประเทศมาทำร้ายพวกเรา อย่างนี้ติดคุกแน่นอน จะได้ติดคุกตอนแก่”
**เตือนอธิบดีกรมกร๊วกระวังคุก
นายสุวัตร กล่าวต่อว่า วันที่ 1 พ.ย.นี้เช่นกัน สถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีจะเปิดเวลาให้คนที่ลอนดอนออกอากาศทางทีวีที่เป็นทรัพย์สินของประชาชน เพราะมาจากเงินภาษีของประชาชน แต่มันจะยอมให้จำเลยที่ศาลพิพากษาโทษจำคุกแล้วหนีคดีไป ได้มาใช้ทีวีที่เป็นเงินภาษีของประชาชนออกมาแก้ตัว เรื่องนี้ตนจะฟ้อง เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
นอกจากนี้ ก่อนจะถึงวันที่ 1 พ.ย.นี้ จะให้ นายวีระ สมความคิด ในฐานะผู้แจ้งความคดีที่ดินรัชดาฯไปขอออกเอ็นบีทีด้วย ถ้าให้เวลา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เท่าไหร่ ต้องให้เวลา นายวีระ เท่านั้น เพื่อให้โจทก์กับจำเลยได้โต้กันอย่างสาสม ถ้าอย่างนี้ถือว่าเป็นธรรม
“อยากเตือนไปยังผู้อำนวยการเอ็นบีที และเตือนไปยังอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ท่านจะต้องติดคุกแน่นอน และความจริงนั้น ผมได้ร่างฟ้องเขาเสร็จอยู่อีกเรื่องหนึ่ง ในกรณีที่เขาให้ 3 เกลอหัวขวด มาออกรายการความเท็จวันนี้ ผมร่างฟ้องไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว และกำลังจะยื่นเร็วๆนี้
นายสุวัตร กล่าวอีกว่า ข่าวดีสุดท้ายในวันนี้ ก็คือ กรณีเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค.ซึ่งคณะกรรมการการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สรุปเหตุการณ์แล้วมีมติว่า การสลายการชุมนุมเกิดจากความต้องการของรัฐบาลเพื่อเปิดทางให้เข้าประชุมสภา หาได้ต้องการทำเพื่อตรวจค้นจับกุมตามกฎหมาย จึงเชื่อว่าการใช้ความรุนแรงเกิดจากการสั่งการของรัฐบาล เพื่อให้การแถลงนโยบายเกิดได้ตามกำหนด เมื่อเกิดการละเมิดสิทธิ รัฐบาล และ สตช.ต้องรับผิดชอบต่อการสูญเสีย นี่คือหัวขบวนรถไฟที่จะลากคนพวกนี้ไปติดคุกให้หมด
“ขณะที่ผมกำลังจะฟ้องอยู่นี้ เขารู้ว่าเราจะร่างฟ้อง เขาก็เลยตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเยียวยาความเสียหาย โดยคนที่ตายจะจ่ายคนละ 3 แสนบาท คนบาดเจ็บ จะจ่ายคนละ 1 แสน เราเอาไม่เอาครับพี่น้อง เราไม่เอา เราต้องให้เอาพวกเขาไปประหาร เพราะฉะนั้น สัปดาห์หน้า ผมจะยื่นฟ้อง ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะใช้เวลา เพราะ ผู้เสียหายมีถึง 400 กว่าคน แต่ก็เตรียมเอกสารใกล้เสร็จแล้ว เพราะฉะนั้นนอกจากเราได้ฟ้องศาลปกครองแล้ว เราจะยื่นฟ้องศาลอาญาต่อไป” นายสุวัตรกล่าว
นายสุวัตร กล่าวทิ้งท้ายว่า อีกไม่นานการต่อสู้ของเราจะได้รับชัยชนะ เพราะหลังจากที่เราจี้ให้อัยการสูงสุดฟ้องยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมาธิปไตย ตอนนี้เขายื่นฟ้องแล้ว และปิดหมายที่พรรคแล้ว โดยให้เวลาอีก 7 วัน ต้องยื่นคำให้การ เมื่อยื่นคำให้การแล้ว เชื่อว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะไม่นัดสืบพยาน จะนัดฟังคำตัดสินเลย เพราะคดีนี้ ตอนที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ศาลฎีกาได้พิจารณาคดีและตัดสินไว้แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องสืบพยานใหม่เลย ข้อเท็จจริงมีปรากฏชัดเจนพอที่จะตัดสินได้แล้ว
ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล วันที่ 23 ต.ค. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ร่วมกันแถลงข่าว ถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเปิดใจผ่านรายการ “ความจริงวันนี้” ของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีในวันที่ 1 พ.ย.นี้ โดยพล.ต.จำลอง กล่าวว่า คงไม่กระทบกับพันธมิตร แต่จะกระทบกับรัฐบาล เพราะสถานีโทรทัศน์ได้งบประมาณจากรัฐบาลไม่ใช่เอกชน
**อัดใช้ทีวีภาษีปชช.สร้างภาพ
ดังนั้นจะทำอะไรก็ต้องทำเพื่อประชาชนไม่ใช่เพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่หากจะใช้สถานีโทรทัศน์ที่เป็นเอกชนก็สามารถทำได้ ตรงนี้รัฐบาลจะต้องระมัดระวังที่จะให้สถานีโทรทัศน์ของรัฐไปใช้ในเรื่องส่วนตัวคงไม่ถูกต้อง ส่วนกรณีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี จะออกรายการ “รัฐบาลของประชาชน” ผ่านสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ในการพูดถึงนโยบายของรัฐบาลที่จะทำให้กับประชาชน แต่หากเป็นเรื่องส่วนหรือของพวกพ้อง นายสมชายจะต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มพันธมิตรฯใช้มือตบไล่นายสมชายที่บริษัททีโอที เป็นยุทธศาสตร์เคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯใช่หรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เราเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก เพราะรัฐบาลไม่ชอบธรรม และยังทำผิดพลาดใหญ่หลวงที่ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค.อย่างโหดเหี้ยม เมื่อนายสมชายไปไหนก็จะโดนโห่ไล่ และโดนข้อหาฆาตรกรจากประชาชน หากนายสมชายเชื่อตั้งแต่แรกแล้วลาออกก็คงไม่เจอเหตุการณ์เช่นนี้
ทั้งนี้แกนนำคงไปสั่งการไม่ให้ประชาชนขับไล่ไม่ได้ เพียงแต่ยืนยันใช้แนวทางสันติวิธีในการเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลต่อไป และพันธมิตรฯไม่มีนโยบายใช้ความรุนแรง
ส่วนกรณีที่ ส.ส.พรรคประชาชน มองว่า การชุมนุมขับไล่เป็นการละเมิดสิทธิของผู้อื่นนั้น คงจะต้องดูข้อเท็จจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ตนเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์บอกไม่ได้ว่ามีการละเมิดหรือไม่ เราก็ได้รับรายงานมาเช่นกันว่า ตำรวจได้ทำร้ายประชาชนจึงทำให้เกิดเหตุชุลมุนในระหว่างที่นายกฯเดินออกจากทีโอที ยืนยันว่า เหตุการณ์ดังกล่าวคงไม่มีมือที่ 3 หรือใครแอบแฝง เพราะเป็นพื้นที่ปิด แต่เป็นมือตบจริงๆ
ด้านนายพิภพกล่าวถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ยังไม่รู้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะพูดอะไรและคาดการณ์ไม่ได้ว่า สิ่งที่พูดจะทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงหรือไม่ แต่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีเป็นของรัฐ ก็ไม่ควรที่จะนำเสนออะไรที่ทำให้เกิดความขัดแย้งของสังคม ที่สำคัญพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ถูกศาลพิพากษาตัดสินจำคุกไปแล้ว อย่างไรก็ตามพ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาเคลื่อนไหวเป็นสิทธิ และมีสิทธิที่จะพูด หรือแสดงความคิดเห็น แต่รัฐบาลต้องระวังให้อยู่ในกรอบของความเหมาะสมในการที่จะใช้สถานีโทรทัศน์ที่เป็นเครื่องมือของรัฐ ที่จะให้พ.ต.ท.ทักษิณใช้หลังจากถูกศาลตัดสินไปแล้ว เพราะเป็นเงินภาษีของประชาชน
“พ.ต.ท.ทักษิณจะทำอะไรก็เป็นเรื่องของเขาแต่รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลไม่ให้เกิดความขัดแย้งของคนในชาติ ไม่เช่นนั้นจะทำให้ถูกมองว่าเป็นรัฐบาลที่รับใช้พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีสถานะหนีคำพิพากษาของศาล รัฐบาลจะต้องมีหน้าที่นำตัวกลับมาลงโทษ ไม่ใช่ปล่อยให้มาพูดปลุกระดม ทางที่ดีควรที่จะเผยแพร่คำพิพากษาของศาลในคดีที่ดินรัชดาเพื่อให้ประชาชนรับข้อมูล” นายพิภพกล่าว
**เผย “สล้าง” หวังตำแหน่งใหญ่
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สล้าง บุญนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ประกาศให้เวลาพันธมิตรฯถึงวันที่ 25 ต.ค. ต้องให้ออกจากทำเนียบรัฐบาล ไม่เช่นนั้นจะนำกำลังมาปิดล้อม ทำเนียบฯ ไม่ให้มีการส่งข้าวส่งน้ำเป็นเวลา 3 วัน นายพิภพ กล่าวว่า ในทางกฎหมาย พล.ต.อ.สล้าง ไม่มีอำนาจสั่งการหรือกระทำการใดๆที่เป็นการขัดต่อกฎหมาย ละเมิดสิทธิการชุมนุมของผู้อื่นหรือจะกดดันไม่มีการส่งข้าวส่งน้ำมายังทำเนียบรัฐบาลก็ไม่สามารถทำได้ เรื่องนี้ตำรวจและทหารต้องเข้ามาดูแล
“ขอตั้งข้อสังเกตว่า การเคลื่อนไหวของพล.ต.อ.สล้าง เพื่อต้องการผลประโยชน์อะไร แต่เท่าที่ทราบ พ.ต.อ.สล้าง ต้องการที่จะเข้าไปดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ หรือ พล.ต.สล้างจะรับงานมาจากใครตนก็ไม่ทราบ ขณะเดียวกันขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติระมัดระวังในการให้อดีตนายตำรวจที่เกษียณราชการไปแล้ว เข้าไปใช้พื้นที่กระทำการใดๆที่อาจไม่เหมาะสม ทั้งนี้ในการรับมือเฝ้าระวังได้มีการป้องกันไว้อยู่แล้ว หากมีการบุกรุกเข้ามาในทำเนียบรัฐบาล” นายพิภพกล่าว
นายพิภพกล่าวต่อว่า รัฐบาลจะต้องดูแลหากพล.ต.อ.สล้างจะใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญในการชุมนุม ก็ไม่ควรกระทบสิทธิการชุมนุมของพันธมิตรที่ผ่านมาไม่เคยไปกดดันไปยังพื้นที่ที่มีความเห็นต่างกัน แต่หากบุกเข้ามาเราก็มีสิทธิป้องกันผู้ชุมนุมของเรา
ด้านพล.ต.จำลองกล่าวในเรื่องเดียวกันว่า รัฐบาลหากจะมีการเข้ามาในทำเนียบฯก็สามารถทำได้ตลอดเวลา ที่ผ่านมาก็มีข่าวกลุ่มโน้นกลุ่มนี้ กลุ่มป่วนกรุง ก็จะเข้ามาสลายการชุมนุม แต่ก็ยังไม่เห็นมีอะไร แต่หากมีเข้ามายึดทำเนียบจริงๆ เชื่อว่า ประชาชนทั้งประเทศจะลุกฮือขึ้นมา ดังนั้นหากเกิดอะไรขึ้นรัฐบาลและตำรวจจะต้องรับผิดชอบจากเหตุการณ์การสลายการชุมนุมที่ทำเนียบฯ
เมื่อถามถึงการรื้อเวทีที่บริเวณสะพานฆัมวานรังสรรค์เพื่อเปิดช่องทางจราจรแต่ยังไม่เต็มพื้นที่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า พันธมิตรฯได้เปิด 6 ช่องทางจราจร บนถนนราชดำเนินนอกถือว่ามากแล้ว ซึ่งด้านข้างที่ยังมีสิ่งปลูกสร้างและข้าวของเครื่องใช้ของพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นปัญหาที่พยายามแก้อยู่ เนื่องจากสิ่งของมีจำนวนมากไม่รู้จะนำไปไว้ที่ไหน แต่จะพยายามเคลียร์พื้นที่ให้หมดโดยจะดูถึงความเหมาะสม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มพันธมิตรฯได้มีการเปิดช่องทางการจราจรที่ ถ.ราชดำเนินนอก ช่วงแยกสวนมิสกวันจนถึงสะพานฆัมวานรังสรรค์ เป็นครั้งแรกที่มีการเคลื่อนย้ายการการชุมนุมจากสะพานชมัยมรุเชษฐ์เข้ามาปักหลักในทำเนียบรัฐบาล โดยกลุ่มพันธมิตรฯได้เก็บสัมภาระและสิ่งปลูกสร้างที่อยู่บนพื้นผิวการจราจรออกทั้งหมด และนำไปไว้บริเวณถนนคู่ขนาน พร้อมกับได้มีการ นำผ้าสีเหลืองมาขึงตลอดแนว อย่างไรก็ตามในการรักษาความปลอดภัยแกนนำ ได้ให้การ์ดพันธมิตรคุมเข้มการรักษาความปลอดภัยตลอดแนวถนนที่เปิดการจราจร
****สนธิอัดแม้วหน้าด้าน
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯเมื่อกลางดึกคืนวานนี้ว่า การต่อสู้ครั้งนี้ยิ่งใหญ่กว่าที่ทุกคนเข้าใจ การปกป้องบ้านเมืองเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยที่ลืมตามาดูโลกทุกคน อาศัยพระบรมโพธิสมภาร จำเป็นต้องแบกภารกิจศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่ในใจ ถ่ายทอดต่อให้ลูกให้หลานรับผิดชอบต่อไป วันนี้นายทักษิณ ชินวัตร ยังไม่รู้สำนึกผิดของตัวเอง ทั้งๆที่ศาลแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินออกมาแล้ว ยังไม่ยอมรับ ในยุคที่น้องเขยเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาล แล้วยังหน้าด้านพอที่จะมาบอกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสังคมไทย
“ประเทศไทยไม่มีอะไรจะเหลือแล้ว เหลือแต่คนรักบ้านรักเมืองที่นี่และที่อื่นที่ดูเอเอสทีวี เราต่อสู้เหมือนยาจก เอเอสทีวีลำบากยากเย็น แต่ผลักดันความคิดความรักชาติให้แผ่ขยายออกไปทำให้คนเริ่มเข้าใจว่าเรามาสู้กู้ชาติเพื่ออะไร ซีดีกับหนังสือที่พ่อแม่เอาไปแจก เริ่มได้ผลมากขึ้น หลายคนไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้ ไม่เคยดูเอเอสทีวี พอเห็นหนังสือ ซีดี ตกใจทำไมรัฐบาลทำกับประชาชนแบบนี้” นายสนธิกล่าว
ด้วยเหตุนี้ภารกิจต่างๆที่มีไม่ใช่แค่การโค่นล้มรัฐบาลแล้วเปลี่ยนการเมืองใหม่เท่านั้น แต่สำคัญที่สุดคือ ภารกิจของเราคือการเอาปัญญาไปเผยแพร่ต่อเนื่องไป แม้ว่าสงครามนี้เสร็จด้วยชัยชนะของเรา ไม่ใช่แปลว่าภารกิจเราสิ้นสุดแค่นี้เราต้องเลือกข้าง เราประกาศมาตั้งนานแล้ว เรายืนอยู่ข้างชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
นายสนธิกล่าวว่า ถ้าหากผมได้ไฟเขียวให้พูด ในวันนี้ผมจะเล่าเรื่องราวต่างๆ ตั้งแต่ปี 2548 พ่อแม่พี่น้องจะตกใจว่ามีเรื่องแบบนี้ในประเทศไทยด้วยหรือ
**แฉแผนชั่วตร.ยัดผู้ชุมนุม
นายพิภพ ธงไชย แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวด้วยว่า เมื่อวานนี้มีคำสั่งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช. ไปยังผู้บาดเจ็บทุกคน ไปยังตำรวจที่ผู้บาดเจ็บมีบ้านในสถานที่นั้นทุคนว่า ให้มารายงานตัวเพื่อที่จะสอบในฐานะพยานในเหตุการณ์ แต่ปรากฏว่า นี่เป็นวิธีการแอบแฝงของตำรวจ เพราะแทนที่จะสอบเพื่อกันไว้เป็นพยาน แทนที่จะสอบเพื่อบันทึกว่าผู้บาดเจ็บของเรามากหรือน้อย ได้ไปอยู่ชุมนุมหน้ารัฐสภาเพื่ออะไร แล้วเขาก็จะเปลี่ยนสารการที่จะเป็นพยานกลายให้เป็นจำเลยครับ
“พี่น้องที่ได้รับบาดเจ็บของเราร้องเรียนกันมามากว่าจะให้ทำตัวยังไง เมื่อตำรวจจี้มาว่าถ้าไม่ไปให้การ จะมีหมายจับจากตำรวจออกมาไปตามโรงพยาบาลด้วย อยากพูดให้พ่อแม่ทราบว่า ตำรวจเป็นจำเลยแต่ว่าจะทำตัวเป็นโจทก์ แล้วเอาพ่อแม่พี่น้องที่เป็นโจทก์ไปเป็นจำเลยครับ เราปรึกษาทนายของเราแล้ว ทางที่ดีต้องไม่ให้คำให้การใดๆทั้งสิ้น”
นายพิภพกล่าวด้วยว่า วันนี้พิสูจน์ชัดเจนว่า ตั้งแต่พ.ต.ท.ทักษิณสร้างรัฐตำรวจขึ้นมา ให้ความสำคัญกับตำรวจ ส่งเสริมให้ตำรวจทำผิดกฎหมาย วิสามัญประชาชนได้ สืบเนื่องมาถึงรัฐบาลของนายสมชาย ที่ยิงประชาชนกลางเมืองหลวงเลย นี่แหละนักวิชาการ นักหนังสือพิมพ์ต้องทบทวนว่า ที่เราแถลงว่า รัฐบาลทักษิณ รัฐบาลสมัคร รัฐบาลสมชาย ได้สร้างรัฐตำรวจเป็นความจริงแน่ๆ ดังนั้นการเมืองใหม่ต้องปฎิรูปตำรวจใหม่หมดด้วย
**การ์ดพธม.สาบานตน
วานนี้เมื่อเวลา 18.00 น.ที่ สน.พันธมิตรฯ นายกิตติชัย ใสสะอาด หัวหน้าการ์ดอาสาพันธมิตรฯ เป็นประธานในพิธีดื่มน้ำสาบานตน มีการ์ดอาสาสมัครเข้าร่วมพิธีประมาณ 150 คน โดยเป็นการทำพิธีต่อหน้ารูปหล่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งตั้งอยู่ในขันสีทอง และมีมีดอยู่ภายในขันนั้นด้วย นอกจากนี้ ยังมีธงชาติไทยวางอยู่บนขัน
เนื้อหาของคำสาบาน สรุปได้ว่า เพื่อขจัดความขัดแย้งส่วนบุคคลให้หมดไป และต้องรักษากฎระเบียบของการ์ดอาสาพันธมิตรฯ คือ 1.ต้องปกป้องรักษาชีวิตประชาชนและไม่ใช้อาวุธกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ 2.องอาจ อดทน อดกลั้น 3.ฟังคำสั่งของหัวหน้าอาสาสมัครพันธมิตรฯ ในทางที่ชอบ 4.ไม่เกียจคร้าน บิดพลิ้วต่อหน้าที่ ไม่หน้าไหว้หลังหลอก หรือเห็นแก่ญาติมิตรและประโยชน์ของตน 5.ซื่อตรงต่อเพื่อน รักษาความสามัคคี 6.ประพฤติตนเป็นคนดีทั้งในเวลาและนอกเวลาที่เป็นอาสาพันธมิตรฯ และ 7.ยึดมั่นศรัทธาแนวทางต่อสู้แบบสันติ สงบ อหิงสา ซึ่งหากใครผิดคำสาบานด้วยกาย วาจา ใจ ขอให้ได้รับความทุกข์ทรมาน ทั้งกายวาจาใจ และมีอันเป็นไปใน 3 วัน 7 วั
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการ์ดอาสาดื่มน้ำสาบานตนแล้วทุกคนจะได้รับวัตถุมงคล คนละ 1 องค์ ซึ่งได้แก่หลวงปู่ทวดรุ่นเหยียบน้ำทะเลจืด วัดทรงบน อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช หรือท้าวจตุคามรามเทพ รุ่น ทวดโคตรเศรษฐี ของ จ.พังงา
นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยได้เล่าถึงการไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ตำรวจสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ รพ.ศิริราช ซึ่งมีผู้บาดเจ็บ 2 คน นอนพักรักษาตัวอยู่ คือ นางวิชชุดา ระดับปัญญาวุฒิ มารดาของ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือ โบว์ ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ กับ นายนิวัฒน์ บัวทอง ที่เป็นการ์ดอาสา ซึ่งทั้งสองคนบาดแผลใกล้หายดีแล้วและใกล้จะได้ออกจากโรงพยาบาล
นายสุวัตร กล่าวต่อว่า นอกจาก สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ จะได้เสด็จฯในงานพระราชทานเพลิงศพน้องโบว์แล้ว ยังพระราชทานกระเช้าผลไม้ เยี่ยมผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนด้วย
**ฟ้อง2บิ๊กตร.หมิ่นประมาท
ทนายความพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า ที่ไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บทั้งสองเมื่อวานนี้ เพื่อนำใบมอบอำนาจให้เซ็น เพื่อที่จะฟ้อง พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในข้อหาหมิ่นประมาทผู้ตาย ที่กล่าวหาว่า น้องโบว์พกระเบิด และระเบิดตัวเอง ซึ่งนี่เป็นเพียงน้ำจิ้มเล็กๆ ให้กับรองโฆษกตำรวจที่ให้สัมภาษณ์เจื้อยแจ้ว ว่า ผู้ชุมนุมที่บาดเจ็บล้มตายนั้นพกระเบิดเอาไว้
ส่วนอีกคนที่กำลังร่างคำฟ้อง คือ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่บอกว่า พวกเราพกระเบิดมาในที่ชุมนุม ที่แขนขาดขาขาด เพราะพกมาเอง เมื่อมีการใส่ความแบบนี้ ต้องรับโทษหมิ่นประมาทไปก่อน และยังจะต้องรับโทษในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอีกด้วย
นอกจากนี้ นายสุวัตร กล่าวต่อว่า วานนี้ นายนิติธร ล้ำเหลือ ได้ร่างคำฟ้องกรณีที่มีเรื่องราวที่อุดรธานีให้กับพันธมิตรฯ ที่อุดรธานีเสร็จเรียบร้อยแล้ว และส่งมาที่ตน ซึ่งได้มอบหมายให้ทนายความเดินทางไปที่อุดรธานี เพื่อที่จะยื่นฟ้องในวันนี้
“คนที่ก่อกรรมทำเข็ญไว้ จะต้องทยอยรับกรรมไปเรื่อย นายขวัญชัย สาระคำ เป็นจำเลยที่ 1 นายอุทัย แสนแก้ว จำเลยที่ 2 ทั้งสองคนนี้ วันนี้เราจะยื่นฟ้องที่ศาลจังหวัดอุดรธานี” นายสุวัตร กล่าว
นายสุวัตร ได้บอกไปถึงผู้บาดเจ็บทุกเหตุการณ์ที่ นปก.บุกเข้ามาทำร้าย และกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามา ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค.วันที่ 2 ก.ย.และวันที่ 7 ต.ค.ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ เราเป็นฝ่ายถูกบุกเข้ามาตีจนได้รับบาดเจ็บ แต่ขณะนี้ พวกตำรวจชั่วได้ตั้งข้อหาให้พวกเราเป็นผู้ต้องหา จึงขอบอกพี่น้องที่ถูกตำรวจออกหมายเรียกไป หรือที่มีเหตุเกี่ยวข้อง หากตำรวจเรียกท่านไปสอบ ไม่ว่าใครก็ตาม ให้ติดต่อมาที่ตนก่อน เพราะถ้าเขาจะตั้งเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา จะต้องมีทนายไปร่วมฟังการสอบสวนด้วย จะหลอกเอาพวกเราไปยำฟรีๆ นั้น อย่าหมาย
“คนของเราคนหนึ่งที่เป็นผู้หญิงที่อุดรฯ ถูกตีคว่ำไปเลย แล้วมันก็กระทืบๆๆ ตอนนี้มันแจ้งความเป็นผู้ต้องหา มันทำได้ยังไง ส่วนสารวัตรจ๊าบ มันเอาระเบิดยิงเข้ามา แขน ขาขาด ตัวหายหมด ไส้อยู่บนต้นไม้ แต่มันฟ้องคนตายเป็นผู้ต้องหา”
นายสุวัตร กล่าวอีกว่า ขนาดเราอยู่ใจกลางกรุง ตำรวจยังกล้าทำกับเราขนาดนี้ ทั้งที่เรามีนักวิชาการร่วมต่อสู้ มีนักกฎหมายเก่งๆ มาช่วย ก็ยังกล้ายัดข้อหาเลย แล้วใน 3 จังหวัดภาคใต้ที่เดือดร้อนเป็นไฟอยู่ในขณะนี้ก็เพราะตำรวจชั่วพวกนี้ เมื่อทำกับเขาได้ขนาดนี้ ภาคใต้ก็ลุกเป็นไฟ คุณก็แก้ไม่ได้ นี่ใจกลางกรุงเทพมหานคร เอาคนตายเป็นผู้ต้องหา ไม่รู้พนักงานสอบสวนโลกไหนถึงทำได้
“ใต้ดวงอาทิตย์นั้น ตำรวจทำได้ทุกเรื่อง ในเรื่องที่ชั่วๆ” นายสุวัตรกล่าว
ทนายความพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า ยังมีตำรวจคนหนึ่งเป็นตำรวจนอกราชการ จริงๆ ไม่อยากจะให้ราคา แต่มันออกข่าวว่า วันที่ 1 นี้จะพาพวกมาล้อมเราให้อดข้าว 3 วัน มันไม่รู้หรอกว่าเราชุมนุมมา 153 วัน ถ้าอดข้าว 3 วัน ก็ยังอ้วนเหมือนเดิม เพราะข้าวสารอาหารแห้งเราตุนไว้แล้ว ตำรวจคนนี้ชื่อ สล้าง บุนนาค คนๆ นี้ คดีโจ ด่านช้าง ที่สุพรรณบุรี ก็พาตำรวจยิงผู้ต้องขังที่ใส่กุญแจมือตาย แต่สู้คดีอ้างว่าไปทีหลัง จนศาลยกฟ้อง
“แต่ที่จะพามาบุกพวกเราในวันที่ 1 พ.ย.นี่แหละ สล้าง บุนนาค ฟัง นายสุวัตร อภัยภักดิ์ เอาไว้ คุณจะต้องติดคุก คุณมีสิทธิอะไร เป็นตำรวจนอกราชการ ซ่องสุมกำลังคน บอกจะเอาอาวุธจากนอกประเทศมาทำร้ายพวกเรา อย่างนี้ติดคุกแน่นอน จะได้ติดคุกตอนแก่”
**เตือนอธิบดีกรมกร๊วกระวังคุก
นายสุวัตร กล่าวต่อว่า วันที่ 1 พ.ย.นี้เช่นกัน สถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีจะเปิดเวลาให้คนที่ลอนดอนออกอากาศทางทีวีที่เป็นทรัพย์สินของประชาชน เพราะมาจากเงินภาษีของประชาชน แต่มันจะยอมให้จำเลยที่ศาลพิพากษาโทษจำคุกแล้วหนีคดีไป ได้มาใช้ทีวีที่เป็นเงินภาษีของประชาชนออกมาแก้ตัว เรื่องนี้ตนจะฟ้อง เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
นอกจากนี้ ก่อนจะถึงวันที่ 1 พ.ย.นี้ จะให้ นายวีระ สมความคิด ในฐานะผู้แจ้งความคดีที่ดินรัชดาฯไปขอออกเอ็นบีทีด้วย ถ้าให้เวลา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เท่าไหร่ ต้องให้เวลา นายวีระ เท่านั้น เพื่อให้โจทก์กับจำเลยได้โต้กันอย่างสาสม ถ้าอย่างนี้ถือว่าเป็นธรรม
“อยากเตือนไปยังผู้อำนวยการเอ็นบีที และเตือนไปยังอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ท่านจะต้องติดคุกแน่นอน และความจริงนั้น ผมได้ร่างฟ้องเขาเสร็จอยู่อีกเรื่องหนึ่ง ในกรณีที่เขาให้ 3 เกลอหัวขวด มาออกรายการความเท็จวันนี้ ผมร่างฟ้องไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว และกำลังจะยื่นเร็วๆนี้
นายสุวัตร กล่าวอีกว่า ข่าวดีสุดท้ายในวันนี้ ก็คือ กรณีเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค.ซึ่งคณะกรรมการการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สรุปเหตุการณ์แล้วมีมติว่า การสลายการชุมนุมเกิดจากความต้องการของรัฐบาลเพื่อเปิดทางให้เข้าประชุมสภา หาได้ต้องการทำเพื่อตรวจค้นจับกุมตามกฎหมาย จึงเชื่อว่าการใช้ความรุนแรงเกิดจากการสั่งการของรัฐบาล เพื่อให้การแถลงนโยบายเกิดได้ตามกำหนด เมื่อเกิดการละเมิดสิทธิ รัฐบาล และ สตช.ต้องรับผิดชอบต่อการสูญเสีย นี่คือหัวขบวนรถไฟที่จะลากคนพวกนี้ไปติดคุกให้หมด
“ขณะที่ผมกำลังจะฟ้องอยู่นี้ เขารู้ว่าเราจะร่างฟ้อง เขาก็เลยตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเยียวยาความเสียหาย โดยคนที่ตายจะจ่ายคนละ 3 แสนบาท คนบาดเจ็บ จะจ่ายคนละ 1 แสน เราเอาไม่เอาครับพี่น้อง เราไม่เอา เราต้องให้เอาพวกเขาไปประหาร เพราะฉะนั้น สัปดาห์หน้า ผมจะยื่นฟ้อง ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะใช้เวลา เพราะ ผู้เสียหายมีถึง 400 กว่าคน แต่ก็เตรียมเอกสารใกล้เสร็จแล้ว เพราะฉะนั้นนอกจากเราได้ฟ้องศาลปกครองแล้ว เราจะยื่นฟ้องศาลอาญาต่อไป” นายสุวัตรกล่าว
นายสุวัตร กล่าวทิ้งท้ายว่า อีกไม่นานการต่อสู้ของเราจะได้รับชัยชนะ เพราะหลังจากที่เราจี้ให้อัยการสูงสุดฟ้องยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมาธิปไตย ตอนนี้เขายื่นฟ้องแล้ว และปิดหมายที่พรรคแล้ว โดยให้เวลาอีก 7 วัน ต้องยื่นคำให้การ เมื่อยื่นคำให้การแล้ว เชื่อว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะไม่นัดสืบพยาน จะนัดฟังคำตัดสินเลย เพราะคดีนี้ ตอนที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ศาลฎีกาได้พิจารณาคดีและตัดสินไว้แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องสืบพยานใหม่เลย ข้อเท็จจริงมีปรากฏชัดเจนพอที่จะตัดสินได้แล้ว
ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล วันที่ 23 ต.ค. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ร่วมกันแถลงข่าว ถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเปิดใจผ่านรายการ “ความจริงวันนี้” ของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีในวันที่ 1 พ.ย.นี้ โดยพล.ต.จำลอง กล่าวว่า คงไม่กระทบกับพันธมิตร แต่จะกระทบกับรัฐบาล เพราะสถานีโทรทัศน์ได้งบประมาณจากรัฐบาลไม่ใช่เอกชน
**อัดใช้ทีวีภาษีปชช.สร้างภาพ
ดังนั้นจะทำอะไรก็ต้องทำเพื่อประชาชนไม่ใช่เพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่หากจะใช้สถานีโทรทัศน์ที่เป็นเอกชนก็สามารถทำได้ ตรงนี้รัฐบาลจะต้องระมัดระวังที่จะให้สถานีโทรทัศน์ของรัฐไปใช้ในเรื่องส่วนตัวคงไม่ถูกต้อง ส่วนกรณีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี จะออกรายการ “รัฐบาลของประชาชน” ผ่านสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ในการพูดถึงนโยบายของรัฐบาลที่จะทำให้กับประชาชน แต่หากเป็นเรื่องส่วนหรือของพวกพ้อง นายสมชายจะต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มพันธมิตรฯใช้มือตบไล่นายสมชายที่บริษัททีโอที เป็นยุทธศาสตร์เคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯใช่หรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เราเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก เพราะรัฐบาลไม่ชอบธรรม และยังทำผิดพลาดใหญ่หลวงที่ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค.อย่างโหดเหี้ยม เมื่อนายสมชายไปไหนก็จะโดนโห่ไล่ และโดนข้อหาฆาตรกรจากประชาชน หากนายสมชายเชื่อตั้งแต่แรกแล้วลาออกก็คงไม่เจอเหตุการณ์เช่นนี้
ทั้งนี้แกนนำคงไปสั่งการไม่ให้ประชาชนขับไล่ไม่ได้ เพียงแต่ยืนยันใช้แนวทางสันติวิธีในการเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลต่อไป และพันธมิตรฯไม่มีนโยบายใช้ความรุนแรง
ส่วนกรณีที่ ส.ส.พรรคประชาชน มองว่า การชุมนุมขับไล่เป็นการละเมิดสิทธิของผู้อื่นนั้น คงจะต้องดูข้อเท็จจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ตนเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์บอกไม่ได้ว่ามีการละเมิดหรือไม่ เราก็ได้รับรายงานมาเช่นกันว่า ตำรวจได้ทำร้ายประชาชนจึงทำให้เกิดเหตุชุลมุนในระหว่างที่นายกฯเดินออกจากทีโอที ยืนยันว่า เหตุการณ์ดังกล่าวคงไม่มีมือที่ 3 หรือใครแอบแฝง เพราะเป็นพื้นที่ปิด แต่เป็นมือตบจริงๆ
ด้านนายพิภพกล่าวถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ยังไม่รู้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะพูดอะไรและคาดการณ์ไม่ได้ว่า สิ่งที่พูดจะทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงหรือไม่ แต่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีเป็นของรัฐ ก็ไม่ควรที่จะนำเสนออะไรที่ทำให้เกิดความขัดแย้งของสังคม ที่สำคัญพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ถูกศาลพิพากษาตัดสินจำคุกไปแล้ว อย่างไรก็ตามพ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาเคลื่อนไหวเป็นสิทธิ และมีสิทธิที่จะพูด หรือแสดงความคิดเห็น แต่รัฐบาลต้องระวังให้อยู่ในกรอบของความเหมาะสมในการที่จะใช้สถานีโทรทัศน์ที่เป็นเครื่องมือของรัฐ ที่จะให้พ.ต.ท.ทักษิณใช้หลังจากถูกศาลตัดสินไปแล้ว เพราะเป็นเงินภาษีของประชาชน
“พ.ต.ท.ทักษิณจะทำอะไรก็เป็นเรื่องของเขาแต่รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลไม่ให้เกิดความขัดแย้งของคนในชาติ ไม่เช่นนั้นจะทำให้ถูกมองว่าเป็นรัฐบาลที่รับใช้พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีสถานะหนีคำพิพากษาของศาล รัฐบาลจะต้องมีหน้าที่นำตัวกลับมาลงโทษ ไม่ใช่ปล่อยให้มาพูดปลุกระดม ทางที่ดีควรที่จะเผยแพร่คำพิพากษาของศาลในคดีที่ดินรัชดาเพื่อให้ประชาชนรับข้อมูล” นายพิภพกล่าว
**เผย “สล้าง” หวังตำแหน่งใหญ่
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สล้าง บุญนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ประกาศให้เวลาพันธมิตรฯถึงวันที่ 25 ต.ค. ต้องให้ออกจากทำเนียบรัฐบาล ไม่เช่นนั้นจะนำกำลังมาปิดล้อม ทำเนียบฯ ไม่ให้มีการส่งข้าวส่งน้ำเป็นเวลา 3 วัน นายพิภพ กล่าวว่า ในทางกฎหมาย พล.ต.อ.สล้าง ไม่มีอำนาจสั่งการหรือกระทำการใดๆที่เป็นการขัดต่อกฎหมาย ละเมิดสิทธิการชุมนุมของผู้อื่นหรือจะกดดันไม่มีการส่งข้าวส่งน้ำมายังทำเนียบรัฐบาลก็ไม่สามารถทำได้ เรื่องนี้ตำรวจและทหารต้องเข้ามาดูแล
“ขอตั้งข้อสังเกตว่า การเคลื่อนไหวของพล.ต.อ.สล้าง เพื่อต้องการผลประโยชน์อะไร แต่เท่าที่ทราบ พ.ต.อ.สล้าง ต้องการที่จะเข้าไปดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ หรือ พล.ต.สล้างจะรับงานมาจากใครตนก็ไม่ทราบ ขณะเดียวกันขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติระมัดระวังในการให้อดีตนายตำรวจที่เกษียณราชการไปแล้ว เข้าไปใช้พื้นที่กระทำการใดๆที่อาจไม่เหมาะสม ทั้งนี้ในการรับมือเฝ้าระวังได้มีการป้องกันไว้อยู่แล้ว หากมีการบุกรุกเข้ามาในทำเนียบรัฐบาล” นายพิภพกล่าว
นายพิภพกล่าวต่อว่า รัฐบาลจะต้องดูแลหากพล.ต.อ.สล้างจะใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญในการชุมนุม ก็ไม่ควรกระทบสิทธิการชุมนุมของพันธมิตรที่ผ่านมาไม่เคยไปกดดันไปยังพื้นที่ที่มีความเห็นต่างกัน แต่หากบุกเข้ามาเราก็มีสิทธิป้องกันผู้ชุมนุมของเรา
ด้านพล.ต.จำลองกล่าวในเรื่องเดียวกันว่า รัฐบาลหากจะมีการเข้ามาในทำเนียบฯก็สามารถทำได้ตลอดเวลา ที่ผ่านมาก็มีข่าวกลุ่มโน้นกลุ่มนี้ กลุ่มป่วนกรุง ก็จะเข้ามาสลายการชุมนุม แต่ก็ยังไม่เห็นมีอะไร แต่หากมีเข้ามายึดทำเนียบจริงๆ เชื่อว่า ประชาชนทั้งประเทศจะลุกฮือขึ้นมา ดังนั้นหากเกิดอะไรขึ้นรัฐบาลและตำรวจจะต้องรับผิดชอบจากเหตุการณ์การสลายการชุมนุมที่ทำเนียบฯ
เมื่อถามถึงการรื้อเวทีที่บริเวณสะพานฆัมวานรังสรรค์เพื่อเปิดช่องทางจราจรแต่ยังไม่เต็มพื้นที่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า พันธมิตรฯได้เปิด 6 ช่องทางจราจร บนถนนราชดำเนินนอกถือว่ามากแล้ว ซึ่งด้านข้างที่ยังมีสิ่งปลูกสร้างและข้าวของเครื่องใช้ของพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นปัญหาที่พยายามแก้อยู่ เนื่องจากสิ่งของมีจำนวนมากไม่รู้จะนำไปไว้ที่ไหน แต่จะพยายามเคลียร์พื้นที่ให้หมดโดยจะดูถึงความเหมาะสม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มพันธมิตรฯได้มีการเปิดช่องทางการจราจรที่ ถ.ราชดำเนินนอก ช่วงแยกสวนมิสกวันจนถึงสะพานฆัมวานรังสรรค์ เป็นครั้งแรกที่มีการเคลื่อนย้ายการการชุมนุมจากสะพานชมัยมรุเชษฐ์เข้ามาปักหลักในทำเนียบรัฐบาล โดยกลุ่มพันธมิตรฯได้เก็บสัมภาระและสิ่งปลูกสร้างที่อยู่บนพื้นผิวการจราจรออกทั้งหมด และนำไปไว้บริเวณถนนคู่ขนาน พร้อมกับได้มีการ นำผ้าสีเหลืองมาขึงตลอดแนว อย่างไรก็ตามในการรักษาความปลอดภัยแกนนำ ได้ให้การ์ดพันธมิตรคุมเข้มการรักษาความปลอดภัยตลอดแนวถนนที่เปิดการจราจร
****สนธิอัดแม้วหน้าด้าน
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯเมื่อกลางดึกคืนวานนี้ว่า การต่อสู้ครั้งนี้ยิ่งใหญ่กว่าที่ทุกคนเข้าใจ การปกป้องบ้านเมืองเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยที่ลืมตามาดูโลกทุกคน อาศัยพระบรมโพธิสมภาร จำเป็นต้องแบกภารกิจศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่ในใจ ถ่ายทอดต่อให้ลูกให้หลานรับผิดชอบต่อไป วันนี้นายทักษิณ ชินวัตร ยังไม่รู้สำนึกผิดของตัวเอง ทั้งๆที่ศาลแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินออกมาแล้ว ยังไม่ยอมรับ ในยุคที่น้องเขยเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาล แล้วยังหน้าด้านพอที่จะมาบอกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสังคมไทย
“ประเทศไทยไม่มีอะไรจะเหลือแล้ว เหลือแต่คนรักบ้านรักเมืองที่นี่และที่อื่นที่ดูเอเอสทีวี เราต่อสู้เหมือนยาจก เอเอสทีวีลำบากยากเย็น แต่ผลักดันความคิดความรักชาติให้แผ่ขยายออกไปทำให้คนเริ่มเข้าใจว่าเรามาสู้กู้ชาติเพื่ออะไร ซีดีกับหนังสือที่พ่อแม่เอาไปแจก เริ่มได้ผลมากขึ้น หลายคนไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้ ไม่เคยดูเอเอสทีวี พอเห็นหนังสือ ซีดี ตกใจทำไมรัฐบาลทำกับประชาชนแบบนี้” นายสนธิกล่าว
ด้วยเหตุนี้ภารกิจต่างๆที่มีไม่ใช่แค่การโค่นล้มรัฐบาลแล้วเปลี่ยนการเมืองใหม่เท่านั้น แต่สำคัญที่สุดคือ ภารกิจของเราคือการเอาปัญญาไปเผยแพร่ต่อเนื่องไป แม้ว่าสงครามนี้เสร็จด้วยชัยชนะของเรา ไม่ใช่แปลว่าภารกิจเราสิ้นสุดแค่นี้เราต้องเลือกข้าง เราประกาศมาตั้งนานแล้ว เรายืนอยู่ข้างชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
นายสนธิกล่าวว่า ถ้าหากผมได้ไฟเขียวให้พูด ในวันนี้ผมจะเล่าเรื่องราวต่างๆ ตั้งแต่ปี 2548 พ่อแม่พี่น้องจะตกใจว่ามีเรื่องแบบนี้ในประเทศไทยด้วยหรือ
**แฉแผนชั่วตร.ยัดผู้ชุมนุม
นายพิภพ ธงไชย แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวด้วยว่า เมื่อวานนี้มีคำสั่งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช. ไปยังผู้บาดเจ็บทุกคน ไปยังตำรวจที่ผู้บาดเจ็บมีบ้านในสถานที่นั้นทุคนว่า ให้มารายงานตัวเพื่อที่จะสอบในฐานะพยานในเหตุการณ์ แต่ปรากฏว่า นี่เป็นวิธีการแอบแฝงของตำรวจ เพราะแทนที่จะสอบเพื่อกันไว้เป็นพยาน แทนที่จะสอบเพื่อบันทึกว่าผู้บาดเจ็บของเรามากหรือน้อย ได้ไปอยู่ชุมนุมหน้ารัฐสภาเพื่ออะไร แล้วเขาก็จะเปลี่ยนสารการที่จะเป็นพยานกลายให้เป็นจำเลยครับ
“พี่น้องที่ได้รับบาดเจ็บของเราร้องเรียนกันมามากว่าจะให้ทำตัวยังไง เมื่อตำรวจจี้มาว่าถ้าไม่ไปให้การ จะมีหมายจับจากตำรวจออกมาไปตามโรงพยาบาลด้วย อยากพูดให้พ่อแม่ทราบว่า ตำรวจเป็นจำเลยแต่ว่าจะทำตัวเป็นโจทก์ แล้วเอาพ่อแม่พี่น้องที่เป็นโจทก์ไปเป็นจำเลยครับ เราปรึกษาทนายของเราแล้ว ทางที่ดีต้องไม่ให้คำให้การใดๆทั้งสิ้น”
นายพิภพกล่าวด้วยว่า วันนี้พิสูจน์ชัดเจนว่า ตั้งแต่พ.ต.ท.ทักษิณสร้างรัฐตำรวจขึ้นมา ให้ความสำคัญกับตำรวจ ส่งเสริมให้ตำรวจทำผิดกฎหมาย วิสามัญประชาชนได้ สืบเนื่องมาถึงรัฐบาลของนายสมชาย ที่ยิงประชาชนกลางเมืองหลวงเลย นี่แหละนักวิชาการ นักหนังสือพิมพ์ต้องทบทวนว่า ที่เราแถลงว่า รัฐบาลทักษิณ รัฐบาลสมัคร รัฐบาลสมชาย ได้สร้างรัฐตำรวจเป็นความจริงแน่ๆ ดังนั้นการเมืองใหม่ต้องปฎิรูปตำรวจใหม่หมดด้วย
**การ์ดพธม.สาบานตน
วานนี้เมื่อเวลา 18.00 น.ที่ สน.พันธมิตรฯ นายกิตติชัย ใสสะอาด หัวหน้าการ์ดอาสาพันธมิตรฯ เป็นประธานในพิธีดื่มน้ำสาบานตน มีการ์ดอาสาสมัครเข้าร่วมพิธีประมาณ 150 คน โดยเป็นการทำพิธีต่อหน้ารูปหล่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งตั้งอยู่ในขันสีทอง และมีมีดอยู่ภายในขันนั้นด้วย นอกจากนี้ ยังมีธงชาติไทยวางอยู่บนขัน
เนื้อหาของคำสาบาน สรุปได้ว่า เพื่อขจัดความขัดแย้งส่วนบุคคลให้หมดไป และต้องรักษากฎระเบียบของการ์ดอาสาพันธมิตรฯ คือ 1.ต้องปกป้องรักษาชีวิตประชาชนและไม่ใช้อาวุธกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ 2.องอาจ อดทน อดกลั้น 3.ฟังคำสั่งของหัวหน้าอาสาสมัครพันธมิตรฯ ในทางที่ชอบ 4.ไม่เกียจคร้าน บิดพลิ้วต่อหน้าที่ ไม่หน้าไหว้หลังหลอก หรือเห็นแก่ญาติมิตรและประโยชน์ของตน 5.ซื่อตรงต่อเพื่อน รักษาความสามัคคี 6.ประพฤติตนเป็นคนดีทั้งในเวลาและนอกเวลาที่เป็นอาสาพันธมิตรฯ และ 7.ยึดมั่นศรัทธาแนวทางต่อสู้แบบสันติ สงบ อหิงสา ซึ่งหากใครผิดคำสาบานด้วยกาย วาจา ใจ ขอให้ได้รับความทุกข์ทรมาน ทั้งกายวาจาใจ และมีอันเป็นไปใน 3 วัน 7 วั
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการ์ดอาสาดื่มน้ำสาบานตนแล้วทุกคนจะได้รับวัตถุมงคล คนละ 1 องค์ ซึ่งได้แก่หลวงปู่ทวดรุ่นเหยียบน้ำทะเลจืด วัดทรงบน อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช หรือท้าวจตุคามรามเทพ รุ่น ทวดโคตรเศรษฐี ของ จ.พังงา