"พ่อครับ...ไทเกอร์ ไม่ได้ลงแข่งรายการนี้ ผมว่าพ่อน่าจะได้แชมป์สักทีนะ" ลูกชายวัย 5 ขวบของโซเรน เคลด์เซ่น บอกกับคุณพ่อซึ่งเป็นโปรวัย 33 ปีชาวเดนมาร์กที่ห่างหายจากคำว่าชัยชนะในยูโรเปี้ยนทัวร์มานานหลายปีนับตั้งแต่แชมป์ใบล่าสุดกับ "จอนห์นี่ วอลก์เกอร์ แชมเปี้ยนชิป ในปี 2003 และดูเหมือนว่าคำอวยพรกึ่งให้กำลังใจของลูกชายริมสนามซ้อมไดรฟ์ที่วัลเดอร์ราม่า จะกลายเป็นแรงกระตุ้นให้โปรชาวเดนฯ โชว์ผลงานอันยอดเยี่ยมในการแข่งขันรายการปิดฤดูกาลยูโรเปี้ยนทัวร์ วอลโว่ มาสเตอร์ส
หลังจากวัลเดอร์รามา กอล์ฟ คลับ สนามอันมีมนต์สเน่ห์อย่างยิ่งของมาลากา ได้ต้อนรับนักกอล์ฟจากทั่วยุโรปมากว่า 21 ปีในฐานะสนามจัดการแข่งขันอย่างเป็นทางการของรายการปิดท้ายฤดูกาลยูโรเปี้ยนทัวร์ วอลโว่ มาสเตอร์ส ซึ่งให้สิทธินักกอล์ฟ 1-60 ในตารางรายได้ของทัวร์ฯเข้าร่วมการแข่งขัน และปีนี้เป็นครั้งสุดท้ายสำหรับ วอลโว่ มาสเตอร์ส ที่ไม่ได้ต่อสัญญาในฐานะผู้สนับสนุนการแข่งขันปิดท้ายฤดูกาล และนั่นทำให้ วัลเดอร์รามา ได้กลายเป็นสนามแห่งความทรงจำหลังจบการแข่งขันในวันสุดท้ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ตลอดการแข่งขัน 21 ปีนั้นถ้วยวาร์ดอน โทรฟี่ อันทรงเกียรติได้ตกอยู่ในมือของนักกอล์ฟจากหลายชาติหลายภาษา แม้แต่โปรจากเอเชี่ยนทัวร์ จีฟ มิลคาห์ ซิงห์ ก็เคยคว้าแชมป์รายการนี้มาแล้วในปี 2006 แต่สำหรับโซเรน เคลด์เซน นี่คือแชมป์ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของโปรชาวเดนมาร์กก่อนที่ตารางทำเงินจะถูกเปลี่ยนไปเป็น "เรซ ทู ดูไบ" และมีการแข่งขันรายการสุดท้ายชื่อ "ดูไบ เวิลด์แชมเปี้ยนชิป" ซึ่งจะปิดฤดูกาลของยูโรเปี้ยนทัวร์ ในตะวันออกกลาง
หากเทียบกันแล้ว แชมป์ครั้งสุดท้ายบนสนามอันทรงเกียรติคงน่าสัมผัสมากกว่า แชมป์ครั้งใหม่ที่แม้เงินรางวัลจะสูงกว่าหนึ่งเท่าตัว หากแต่อยู่บนแผ่นดินอื่นที่มิใช่พื้นที่ของยูโรเปี้ยนทัวร์ น่าจะเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ เคลด์เซน พยายามอย่างยิ่งยวดตลอดทั้ง 4 วันของการแข่งขันเพื่อคว้าชัยชนะในรายการดั้งเดิมบนสนามที่มีประวัติศาสตร์อย่างวัลเดอร์รามา และถ้าย้อนอดีตไปในปี 2007 โปรชาวเดนฯ รายนี้ก็เกือบได้ครองถ้วยวาร์ดอน โทรฟีมาแล้วหากครั้งนั้นเขาไม่ดวลเพลย์ออฟพ่ายให้กับจัสติน โรสไปอย่างน่าเสียดาย เมื่อได้สิทธิกลับมาลงสนามวัลเดอร์รามา อีกครั้ง เคลด์เซน มีความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะประสบการณ์ในปีที่แล้วช่วยให้เขาไม่รู้สึกตื่นเต้นไปกับสนามกอลฟ์ที่ได้ชื่อว่าเต็มไปด้วยกับดักและความท้ายทาย และจบสกอร์วันแรกชนิดเรียกเสียงฮือฮาได้ทั่วทั้งห้องผู้สื่อข่าวกับสกอร์ 6 อันเดอร์พาร์
เคลด์เซน เผยความรู้สึกเมื่อถูกมองว่าเป็นม้านอกสายตาของการแข่งขันว่า "อันที่จริงแล้วผมก็ไม่แปลกใจเท่าไรถ้าจะไม่มีใครรู้จัก เพราะผลงานที่ผ่านมาของผมเองก็เรียกได้ว่ายังไม่มีอะไรให้จดจำมากนัก และจากแชมป์แรกเมื่อปี 2003 จนถึงเวลานี้ก็ยังคงรอถ้วยใบที่สองอยู่ และผมจะพยายามให้มันเป็นถ้วยวาร์ดอน โทรฟี ให้ได้
แม้ว่าสกอร์ของ เคลด์เซน นั้นจะขึ้นนำถึง 6 อันเดอร์พาร์ หากแต่การตามไล่ล่าตำแหน่งของโปรเจ้าถิ่น เซอร์จิโอ การ์เซีย ก็ดูจะเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ เคลด์เซน ต้องแบกรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาพอากาศในช่วงวันที่ 2 และ 3 ที่มีฝนตกลงมาอย่างหนักทำให้การแข่งขันต้องเลื่อนทั้งสองรอบ ขณะที่ตารางคะแนนผู้นำก็ถูกปรับเปลี่ยนตลอดเวลา หากโปรเดนฯ ยังสามารถประคองสกอร์อันเดอร์ฯของตนเองจนทิ้งมายืนระยะห่างจากอันดับที่สองได้สำเร็จในรอบสุดท้าย ก่อนจะทำพาร์พัตต์ ที่ส่งให้เขาได้คว้าถ้วยวาร์ดอน โทรฟีไปครอง
ภาพประทับใจในครั้งสุดท้ายของวัลเดอร์รามา เกิดขึ้นเมื่อลูกชายตัวน้อยของเคลด์เซน วิ่งเข้าหาอ้อมกอดของพ่อที่ในวันนี้คว้าแชมป์มาครองได้สมใจเขาเสียที เด็กน้อยวัย 5 ขวบไม่เพียงจะเป็นกำลังใจ หากคำพูดของเขาก่อนที่พ่อจะลงทำการแข่งขันก็ได้กลายเป็นแรงกระตุ้นจนทำให้ เคลด์เซน มาถึงวันแห่งความสำเร็จของตนเองอีกครั้ง ที่สำคัญนี่คือแชมป์ซึ่งการันตีให้โปรเดนฯ ได้เล่นอยู่ในยูโรเปี้ยนทัวร์ไปจนถึงปี 2013 พร้อมกับเงินรางวัลสูงถึง 708,000 ยูโรอันเป็นเงินก้อนโตที่สุดเท่าที่ เคลด์เซนเคยได้รับหลังจากได้สิทธิในทัวร์นาเมนทกอล์ฟใหญ่สุดของยุโรปในปี 1998
ในการสัมภาษณ์หลังจากผ่านพิธีมอบรางวัลนั้น เคลด์เซน ถูกผู้สื่อข่าวถามถึงสิ่งที่ลูกชายตัวน้อยพูดกับเขาในสนามซ้อมก่อนการแข่งขัน ซึ่งเคลด์เซน ก็ได้กล่าวด้วยรอยยิ้มถึงคำอวยพรกึ่งให้กำลังใจดังกล่าว โดยให้เหตุผลทิ้งท้ายว่า "ผมมักจะบอกเขาเสมอว่าไทเกอร์ คือนักกอล์ฟที่เก่งและฝีมือดีที่สุดในโลก แต่พอได้ยินอย่างนั้นเขาจะไม่ค่อยมีความสุขนัก เพราะถ้าไทเกอร์ คือนักกอล์ฟที่เก่งที่สุด แล้วเมื่อไรผมถึงจะได้แชมป์ เมื่อรายการนี้ไม่มีไทเกอร์และผมทำได้อย่างที่เขาพูดแน่นอนว่าเจ้าหนูน้อยยินดีมาก"