xs
xsm
sm
md
lg

ประวิตร เปรื่องอักษร อาหารกับดนตรีทำให้ผมมีความสุข

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"เมื่ออยู่ริม ฝั่ง ชล ฉันยล ทุกยาม เย็น พักในร่มเงา ไม้เอน ฉัน มอง เห็นนก บินกลับรัง ตะวันใกล้จะ ลับ แล้วเห็นเรือแจว อยู่ ริม ฝั่ง เฝ้าแต่ครวญ แต่ครวญครวญหา น้ำตา หลั่ง จึงร้องสั่ง อาลัย" หลายคนคงคุ้นหูกับเพลงที่ชื่อว่า"ครวญ"เป็นอย่างดีกับศิลปินวงซิกเซ้นท์ ที่สร้างตำนานเพลงอันลือลั่นไม่แพ้กับวงแกรนด์เอ็กซ์ โดยมีหนึ่งในศิลปิน "แซม-ประวิตร เปรื่องอักษร"ร่วมสร้างตำนานมาต่อหลายอัลบั้ม และยังมีอีกหลายบทเพลง อาทิ สักขีแม่ปิง มนต์รักดอกคำใต้ ซึ่งเป็นอัลบั้มเพลงคู่ยอดนิยม ในกลุ่มคนอายุสักประมาณ 40-60 ปีขึ้นไป จะรู้จักกันเป็นอย่างดี

คุณแซม- ประวิตร เปรื่องอักษร ศิลปินผู้หันหลังให้แก่ไมค์ ได้เล่าว่า ตนเองได้ผันตัวจากนักร้อง หรือผู้ถือไมค์ร้องเพลง เพื่อสร้างอรรถรสทางด้านหูให้แก่ผู้ฟัง มาสู่การสร้างอรรถในอีกรูปแบบหนึ่ง คือ ทางอาหารการกิน ด้วยการได้ตัดสินใจเข้ามาดำเนินธุรกิจซับพลายอาหารให้แก่ร้านอาหารต่างๆ และช่องทางจำหน่ายซูเปอร์มาร์เก็ต ทั้งจากอาหารไทย และนำเข้ามาจากต่างประเทศ กระทั่งปัจจุบันการดำเนินธุรกิจซับพลายอาหารล่วงเลยมากว่า 21 ปีแล้ว ภายใต้บริษัท ฟูด โฟรเซ่น จำกัด

"แรงบันดาลใจหลังจากคลุกคลีกับดนตรีมานาน ผมเห็นว่าวิถีชีวิตของคนไทยเริ่มเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะการซื้ออาหารจากตลาดสดมาสู่ซูเปอร์มาร์เก็ต จึงมองว่าเป็นโอกาสในการดำเนินธุรกิจซับพลายอาหารให้แก่ตามช่องทางจำหน่ายต่างๆ ดังนั้นจึงได้ตัดสินใจทำ และจากการคาดการณ์สิ่งเหล่านี้ก็คิดไม่ผิด เพราะปัจจุบันวิถีชีวิตการจับจ่ายใช้สอย หันมาซื้อสินค้าผ่านทางช่องทางจำหน่ายซูเปอร์มาร์เก็ตมากขึ้น"

อดีตศิลปินวงซิกเซ้นท์ เล่าว่า การผันตัวจากศิลปินมาสู่อาหาร เพราะอาหารเป็นอีกศาสตร์หนึ่งที่น่าสนใจ และเปรียบเทียบว่าการเป็นเชฟ ก็เหมือนกับการเป็นศิลปินเช่นเดียวกับการร้องเพลง แต่เป็นศิลปินด้านอาหารเท่านั้นเอง ผมเป็นคนที่ชอบทานอาหารมาก แต่ไม่ได้ชอบทำอาหาร หากจะทำก็ทำทานแค่ง่ายๆ เท่านั้น

อย่างไรก็ตามเป้าหมายของผม ต้องการทำธุรกิจด้านอาหาร เพราะอยากให้อาหารไทยเป็นอาหารนานาชาติ จะเห็นว่าทั่วโลกโดยเฉพาะเอเชีย เริ่มให้ความสำคัญและพยายามสื่อสารอาหาร ให้กลายเป็นศิลปวัฒนธรรมอีกแขนงหนึ่ง เช่น ละครเกาหลีสื่อสารศาสตร์การทำอาหารในสไตล์เกาหลี จนทำให้อาหารเกาหลีแพร่หลายและเชื้อเชิญให้ผู้คนนานาประเทศอยากลิ้มลอง

"อาหารกับดนตรี มีความคล้ายคลึงกัน เพราะเป็นงานที่ทำให้ผมมีความสุข ทั้งสองอย่างมีศิลปะที่สามารถเดินคู่กันได้ ผมยกตัวอย่างง่ายๆ หากจะรับประทานอาหารให้อร่อย ก็ต้องมีเสียงเพลงขับกล่อม ร้านอาหารต่างๆ จึงต้องเปิดเพลงเพื่อสร้างบรรยากาศภายในร้านด้วย"

ต่อยอดธุรกิจสู่นิตยสารอาหาร
หลังจากมีประสบการณ์ด้านการซับพลายอาหารตามช่องทางต่างๆ แล้ว ก็เริ่มต่อยอดทางธุรกิจด้านอาหาร ด้วยการเปิดดำเนินธุรกิจนิตยสารทำอาหาร และรายการอาหารนาย 9 โซไซตี้มาร่วม 3 ปีแล้ว ภายใต้บริษัท ฟู้ด สไตลิสต์ จำกัด โดยปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการ สำหรับการเปิดตัวนิตยสารอาหาร เน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 22 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่สนใจทำอาหาร โดยมีการตีพิมพ์จำนวน 5 หมื่นเล่ม

นิตยสารฟู้ด สไตล์ และรายการทำอาหารนาย 9 โซไซตี้ ถือว่าเป็นความท้าทายอีกแบบหนึ่ง โดยเฉพาะการผลักดันกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้เข้าใจ และพัฒนาศักยภาพ พร้อมกับการเป็นตัวแทนในการนำอาหารไทยในรูปแบบใหม่ ให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกได้อย่างยั่งยืนและถาวร

คุณประวิตร กล่าวว่า บุคคลากรด้านเชฟในประเทศไทยยังขาดแคลน โดยมากจะเห็นแต่เฉพาะเชฟจากต่างประเทศเท่านั้นที่มีชื่อติดอันดับโลก แต่ขณะที่เชฟไทยยังไม่มีชื่อติดอันดับโลก สำหรับการทำธุรกิจนิตยสารฟู้ด สไตล์ลิส จึงหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันและสร้างสรรค์เชฟหน้าใหม่ๆ ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่มาประดับวงการ

ในประเทศไทยคนรุ่นใหม่หันมาเรียนทำอาหารมากขึ้น แต่เรื่องการทำอาหารไม่ใช่เรื่องง่าย ผมว่าประเทศเรามีเชฟน้อยกว่ากุ๊ก โดยศาสตร์ระหว่างการเป็นเชฟกับกุ๊กแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เชฟ คือ ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบโภชนาการอาหาร ความสะอาด ปลอดภัย ส่วนกุ๊กเป็นเพียงแค่ผู้ปรุงอาหารมากกว่า

การที่จะทำให้ครัวไทยสู่ครัวโลกได้ ผมมองว่าครัวไทยจะต้องเปิดกว้าง ที่ผ่านมาการทำอาหารไทยยึดติดมากเกินไป ซึ่งเป็นวิธีการปรุงอาหารที่ล็อกตัวเอง ผมว่าเราควรปรับตัวหันมาเน้นการประยุกต์อาหารไทยให้มากขึ้น การที่ประเทศไทยส่งออกอาหารไปยังต่างประเทศเป็นจำนวนมาก แต่นั่นไม่ได้พิสูจน์ว่า อาหารไทยเป็นสู่ครัวโลก การที่อาหารไทยจะสู่ครัวโลกได้มองว่า เราต้องสร้างวัฒนธรรมการกิน ซึ่งจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี
"ความฝันของผมอยากยกระดับอุตสาหกรรมอาหาร เพื่อให้ผู้บริโภคได้พบกับมุมมองเกี่ยวกับอาหารในรูปแบบที่แตกต่างออกไป และการสร้างตัวแทนคนรุ่นใหม่ในอุตสาหกรรมอาหารและพัฒนาให้เป็นตัวแทนด้านอาหารที่มีความสามารถเกี่ยวกับอาหารรอบด้าน"

**ชีวิตที่ไม่ปูพรมด้วยกลีบกุหลาบ**
คุณประวิตร เล่าว่า ขณะนี้สภาพตลาดอาหารในประเทศไม่ค่อยสู้ดีมากนัก แม้ว่าอาหารจะเป็นปัจจัยสี่ในการดำรงชีวิต ซึ่งคนยังต้องกินเพื่อความอยู่รอดก็ตาม แต่ทว่าผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยสู้ดี กำลังการซื้อของผู้บริโภคลดลง และมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย ทำให้ตลาดอาหารเซกเมนต์ระดับกลาง ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ส่วนเซกเมนต์พรีเมียมและรถเข็นไม่ค่อยได้รับผลกระทบ ดังนั้นปีนี้คาดว่าผลประกอบการของบริษัทฟูด โฟร์เซ่น มีอัตราการเติบโต 10% จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 900 ล้านบาท จากปกติบริษัทจะมีอัตราการเติบโต 5-15% ส่วนกลุ่มธุรกิจนิตยสารรอวันที่จะเติบโต

"ผมอยากฝากว่า"อาหาร" ไม่ว่าจะประจำชาติไหน ย่อมมีเอกลักษณะและยังสามารถพัฒนาความโดดเด่นในตลาดโลกได้" และจากความรักในศาสตร์ดนตรี อาหารของอดีตศิลปินอันเลืองชื่อ"แซม-ประวิตร เปรื่องอักษร" แห่งวงดนตรีซิกเซ้นท์ ซึ่งแม้ว่า ณ วันนี้ กลุ่มคนรุ่นใหม่จะไม่รู้จักหรือเคยได้ยินบทเพลงอันไพเราะอย่างครวญแล้วก็ตาม แต่อดีตศิลปินคนนี้กำลังจะสร้างตำนานและความฝันของเขา ในการสร้างตำนานผลักดันเชฟรุ่นใหม่ประดับวงการ ท้ายนี้ได้ฝากเพลงครวญ ท่อนฮุกปิดท้าย ว่า

"เฝ้าตาครวญ สั่งคำ แม้เรือ ลอยลำไปพบคนที่เคยซึ้งใจ ขอเรือ นำเธอมาให้ ทีตะวันใกล้จมแผ่นน้ำ สายชลงาม ดังกำมะหยี่โอ้ว่าดาว ว่าดาวดวงนี้ แสงพลันริบหรี่คงริบหรี่ เช่น เรา.. "ที่แสนจะไพเราะนี้ไว้


กำลังโหลดความคิดเห็น