xs
xsm
sm
md
lg

ภารกิจหลังวิกฤติ “สวนสยาม” ต้องเป็นฟันปาร์คระดับโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นับย้อนกลับไปครั้งวัยเยาว์สัก 20 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่าหลายๆคน ยังมีหัวใจเด็กกันอยู่ สถานที่เที่ยวและมีความสุข ที่ต้องการไปมากที่สุด คงหนีไม่พ้น สวนสนุก และถ้านับไปสักช่วงปี 2523 “สวนสยาม” ถือเป็นสวนสนุก ที่สร้างความฮือฮาและถูกกล่าวขวัญถึงอย่างมาก กับสวนน้ำ และเครื่องเล่นต่างๆที่ทยอยเปิดให้บริการ ต่างได้ใจผู้ใหญ่ในยุคที่ยังเป็นเด็กในเวลานั้นอย่างเนื่องแน่น

แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป เด็กในวันวาน ได้ข้ามผ่านสู่ความเป็นผู้ใหญ่ ที่เลิกมองหาสวนสนุก มุ่งแต่ทำงาน ทำงาน และทำงาน ปล่อยให้ความสนุกในวัยเด็ก หนีห่างออกไปทุกทีๆ สวนสยามที่เคยคลาคล่ำไปด้วยผู้คนตัวเล็กๆ เริ่มเงียบเหงาลง เหลือไว้แต่ความทรงจำ และผู้ใหญ่บางคนที่ยังกำหัวใจของความเป็นเด็กเอาไว้อย่างเหนี่ยวแน่น ในการที่จะรักษา และผลักดันให้สวนสนุกแห่งนี้ อยู่คู่ประเทศไทยและเด็กไทยตลอดไป ด้วยการให้บริการที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และถูกกล่าวขวัญในระดับโลกต่อไป

แน่นอนผู้ใหญ่ที่กล่าวถึงนี้ คือ “ไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ” ผู้บุกเบิก สวนสยาม ให้เด็กๆในยุคนั้น ได้มีความสุขกับสวนสนุกขนาดใหญ่ได้เต็มที่

ไชยวัฒน์ ถือเป็นผู้คร่ำหวอดทางด้านอสังหาริมทรัพย์มาอย่างโชกโชน เพราะโดยเนื้อแท้ของทั้งชีวิตอยู่กับการพัฒนาที่อยู่อาศัย และสิ่งปลูกสร้างมาโดยตลอด จนมาถึงปี 2523 ไชยวัฒน์ ที่กำลังไฟแรง มีความคิดที่จะพัฒนาที่ดิน ให้เป็นสวนสนุกขึ้นมา ภายใต้ชื่อ สวนสยาม ที่มาพร้อมกับสโลแกนติดหูว่า “สวนสยาม ทะเลกรุงเทพฯ” เพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนขนาดใหญ่ให้กับครอบครัวในละแวกนั้น โดยเริ่มจากสวนน้ำ ซึ่งใช้พื้นที่เพียงเล็กน้อย จากที่ดินกว่า 300 ไร่ในขณะนั้น

“ช่วงแรกที่เปิดสวนน้ำ เป็นช่วงที่ประเทศไทย มีสวนสนุกขนาดใหญ่น้อย ตอนนั้นมีแค่แดนเนรมิต ส่วนแฮปปี้แลนด์ก็เลิกกิจการไป ขณะที่ในห้างสรรพสินค้ายังไม่มีสวนสนุกให้บริการ ช่วงนั้นสวนสยามได้รับความนิยมมาก” ส่วนหนึ่งจากคำบอกเล่าของไชยวัฒน์ ที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ แม้จะผ่านมากว่า 26 ปีแล้วก็ตาม

ชีวิตเราถ้าไม่มีอุปสรรคและปัญหาให้แก้ไข เราก็คงไม่รู้ซึ้งถึงคำว่าชีวิต เช่นกันหลายครั้งที่สวนสยามเกือบพังทลายลง จากหลายๆปัจจัยรุมเร้า ทั้งความเสื่อมด้านความนิยม ก่อให้เกิดปัญหาสภาพคล่องภายใน จนอยู่ในภาวะขาดทุน รวมไปถึงกรณีที่แย่ที่สุด คือ มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นหลายครั้ง จากการที่เครื่องเล่นมีสภาพทรุดโทรม

หนักที่สุดก็เห็นจะเป็นช่วงปี 2550 ที่ผ่านมา สวนสยาม เกิดอุบัติเหตุกับเครื่องเล่น อินเดียน่าล๊อก เมื่อ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2550 ทำให้มีผู้เสียชีวิต และ 12 มกราคม พ.ศ. 2551 เกิดเหตุกับซูเปอร์สไปรอล ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 28 ราย ถึงขั้นที่ไชยวัฒน์เองต้องประกาศขายกิจการด้วยความท้อแท้

ไชยวัฒน์ เล่าว่า สวนสยามล้มลุกคุกคลานมาตลอด แต่ผมก็ยังหวัง และใฝ่ฝันที่จะทำให้สวนสยามแห่งนี้ เป็นฟันปาร์คที่ถูกกล่าวขวัญในระดับโลกให้จงได้ ถึงแม้ว่าครั้งที่วิกฤติที่สุด ต้องถอดใจขายสวนสยามทิ้งแล้วก็ตาม แต่ด้วยความรักและความตั้งใจที่จะรักษาสวนสยามให้เป็นฟันปาร์คอยู่คู่ประเทศไทยไว้ให้ได้ จึงได้พยายามหาทางออกได้ในที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแผนการระดมทุนในช่วงปี 2550-2551 รวบรวมเงินทุนกว่า 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินทุนจากการกู้ไทยธนาคาร 2,000 ล้านบาท และเงินทุนครอบครัว 1,000 ล้านบาท โดยในปี 2550 ทุ่มงบ 1,500 ล้านบาท เพิ่มเครื่องเล่นใหม่ๆที่ดีมีมาตรฐาน

รวมไปถึงการดึงเจนเนอเรชั่นรุ่นที่ 2 เข้ามาร่วมบริหารสวนสยามไว้ คือต่อ โดยมีนายสิทธิศักดิ์ เหลืองอมรเลิศ เป็นประธานกรรมการ นางสาวจิรวรรณ เหลืองอมรเลิศ เป็นรองประธานกรรมการ และวุฒิชัย เหลืองอมรเลิศ เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ โดยไชยวัฒน์ เคยกล่าวไว้ว่าจะขอวางมือให้รุ่นลูกสานต่อแทน

แต่หากความฝันที่สร้างมาใกล้จะถึงฝั่งผันแล้ว ไชยวัฒน์ขอออกแรงอีกครั้ง ในการส่งความฝันนี้ให้ถึงเป้าหมาย ล่าสุดความฝันในการทำให้สวนสยามก้าวขึ้นมาเป็นฟันปาร์คในระดับอาเซียนและในระดับโลกอยู่ใกล้แค่เอื้อม เหตุเพราะล่าสุดมีกลุ่มกองทุนในประเทศสิงคโปร์และในบางประเทศในเซาทส์อีสเอเชีย สนใจที่จะเข้าร่วมลงทุนพัฒนา สวนสยาม ให้เป็นฟันปาร์คอย่างสมบูรณ์แบบต่อไป แต่ติดที่ขอดูกระแสการตอบรับของสวนสยาม ในการเปิดให้บริการเครื่องเล่นใหม่ไม่ต่ำกว่า 17 ชนิด ด้วยงบประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท ครั้งนี้ก่อน

สำหรับก้าวต่อไปของการส่งให้สวนสยามก้าวไปสู่ฟันปาร์คระดับโลก คือ การพัฒนาพื้นที่ที่เหลือภายในสวนสยาม ให้เป็น ซิตี้วอล์ค โดยจะประกอบไปด้วย โรงแรม และความบันเทิงต่างๆ รวมไปถึงแหล่งชอปปิ้งด้านแฟชั่นด้วย ซึ่งคาดว่าต้องใช้งบประมาณอีกกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งเงินทุนก้อนนี้ ไชยวัฒน์ เผยว่า มันต้องมีการระดมทุนเกิดขึ้น ทำให้บริษัทที่ดูแลสวนสยาม จะต้องมีการบริหารจัดการใหม่ พร้อมแต่งตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ เชื่อว่าเงินทุนก้อนนี้ จะเห็นได้ในปีหน้า

หลังจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายกับโครงการซิตี้วอล์ค ที่จะมาต่อเติมให้สวนสยาม ทะยานสู่ความเป็นฟันปาร์คในระดับโลกได้แล้ว ไชยวัฒน์ ก็พร้อมที่จะขอนั่งดูความฝันของตน ที่จะก่อร่างสร้างความสุขและเสียงหัวเราะให้แก่เด็กตลอดไป

แล้วผู้ใหญ่อย่างคุณล่ะ...อ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว จะได้แง่คิดเหมือนกันหรือเปล่าว่า...นานแค่ไหนแล้ว ที่เราหลงลืมปล่อยทิ้งความเป็นเด็กให้หลุดลอยไป นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้นั่งชิงช้าสวรรค์ และนานแค่ไหนแล้วที่หันหลังให้รถไฟเหาะตีลังกา เครื่องเล่นที่เคยยกนิ้วให้ในวัยเด็ก...

สวนสยาม...ได้ทะนงอยู่จนถึงวันนี้ นับแล้วก็เฉียด 30 ปี ถือเป็นสวนสนุกที่เคียงคู่ความสุขของใครอีกหลายๆคน ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก็เยอะ แต่ก็ยังทำงานสร้างความสุขให้เด็กๆแบบไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย แม้ว่าจะมีสภาพทรุดโทรมไปบ้างตามกาลเวลา แต่ รถไฟเหาะก็ยังอยากตีลังกา ให้เด็กๆได้ตื่นเต้นอยู่ร่ำไป เพียงแค่เด็กๆยังต้องการพวกเขาอยู่ และคุณยังต้องการพวกเขาอยู่ใช่หรือเปล่า หากมีเวลา ลองแวะเวียนหรือพาครอบครัว จูงมือตาหนูและยัยตัวน้อยไปร่วมชื่นชมและค้นหาความเป็นเด็กของคุณอีกครั้ง พร้อมสานความสุขให้ครอบครัวได้ที่ “สวนสยาม”....
กำลังโหลดความคิดเห็น