จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของธุรกิจตระกูล "สุขะมงคล" ที่มีรากเหง้ามาจากร้านค้าโชวห่วยแห่งแรก "ร้านชัยเจริญยิ่ง" ที่บางพลีน้อย จ.สมุทรปราการ ที่ก่อตั้งและปลุกปั้นด้วยฝีมือของผู้บุกเบิกรุ่นแรก "ดร.วิจิตรา สุขะมงคล" ร่วมกับพี่ชาย ที่สู้ อุสาหะ ขยัน อดทน จนทำให้ธุรกิจของ ตระกูลสุขะมงคล ยิ่งใหญ่ขึ้นมาในปัจจุบัน ด้วยบริษัทในเครือข่ายมากกว่า 40 บริษัท
ย้อนกลับไปยัง "ฐาน" ดังเดิมของธุรกิจของตระกูลแล้ว ต้องบอกว่า ธุรกิจแรกเริ่มเกี่ยวข้องกับสินค้าการเกษตร ไล่ไปจนถึง เจ้าของโกดังข้าวเปลือก เมื่อมีทุนก็พลิกผันไปสู่เจ้าของโรงสี การเข้าสู่ตัวแทนจำหน่ายขายรถแทรคเตอร์ของญี่ปุ่นยี่ห้อ "อีเซกิ"รายแรกของประเทศไทย และที่สำคัญ การเป็นตัวแทนขายเครื่องยนต์หลากหลายยี่ห้อ จนชื่อเสียงของ ดร.วิจิตรา สุขะมงคล ยิ่งใหญ่และรับรู้ในสังคมถึงความสามารถของหญิงเก่ง หญิงแกร่ง ที่สร้างธุรกิจ ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง
ธุรกิจจัดสรรที่ดิน เป็นอีกธุรกิจหนึ่งของตระกูลสุขะมงคล ที่เติบโตขึ้นมาพร้อมๆกับ"โอกาส"ทางฐานะ ชื่อ "วิจิตรา กรุ๊ป " คือ บริษัทอสังหาฯที่มีพัฒนาการมาจากความชื่นชอบส่วนตัวของ"วิจิตรา" ความยิ่งใหญ่ของธุรกิจอสังหาฯ ได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น
ต่อเนื่องมาถึงทายาทรุ่น 2 "สืบวงษ์ สุขะมงคล"ลูกชายคนโตของครอบครัว กับพันธกิจที่สำคัญในการสานต่อธุรกิจหมื่นล้าน?? โดย สืบวงษ์ ประธานกรรมการบริหารกลุ่ม วิจิตรากรุ๊ป ได้ เปิดคฤหาสน์หรู บนเนื้อที่กว่า 4 ไร่ บริเวณบางนา-ตราด เปิดตอนรับ"ผู้จัดการ Lite"
ธุรกิจอสังหาฯที่ครอบครัวทำอยู่ ก็เนื่องมาจากคุณแม่ (ดร.วิจิตรา สุขะมงคล) ชอบเรื่องที่ดิน แต่การมองจะต่างกัน เพราะในสมัยก่อนแล้ว การมองที่ดินจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของที่นา เกี่ยวกับการเกษตร ซึ่งมันสัมพันธ์กัน และเมื่อถึงจุดจุดหนึ่ง คุณแม่ก็เริ่มเดินเครื่องทำโครงการที่อยู่อาศัยครั้งแรกที่ชลบุรี ซึ่งเราก็มีที่ดินอยู่ 100 กว่าไร่ ก็ประมาณ 2537 คือ โครงการสามมุขธานี ตั้งอยู่บริเวณเขาสามมุข โดยที่เราทำโครงการจัดสรรที่นี้ เพราะเราต้องการที่จะให้คนในชลบุรีมีบ้านดีๆอยู่ และจากวันนั้นจนถึงปัจจุบัน โครงการสามมุขธานี มีการเปิดเฟส 1 เฟส 2 เฟส 3
"หากจะเปรียบเทียบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กับธุรกิจเครื่องยนต์หรือธุรกิจอื่นๆที่ครอบครัวทำ ก็คงต่างกัน และต่างกันของเรื่องเวลาด้วย ก็ตรงที่ โครงการอสังหาริมทรัพย์ในตอนที่เราทำ อยู่ในช่วงขาขึ้น จองกระดาษไม่ยาก ต้องรู้จักสร้างบ้านให้ตรงกับกลุ่มลูกค้า แต่เรื่องของธุรกิจเครื่องยนต์แล้ว เป็นการค้าขายแบบต่อเนื่อง และการเข้ามาช่วยธุรกิจกับคุณแม่ ก็เป็นเรื่องที่ไม่ยาก เพราะตั้งแต่เด็ก ได้ซึมซับ และช่วยงานมาตลอด และอีกอย่าง ผมเป็นลูกชายคนโตของครอบครัวด้วย พอหลังจากกลับจากต่างประเทศ ก็เข้ามาเต็มตัว”
และถัดมาก็เริ่มรุกเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างเต็มรูปแบบ และนั่นจึงเป็นที่มาของโครงการใหญ่บนเส้นถนนบางนา-ตราด กม.36 โครงการ”วิจิตราธานี” 2,000 กว่าไร่ ที่มีแนวคิดของการสร้างที่อยู่อาศัยบนพื้นฐานคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้ซื้อ สังคมต้องดี มีสิ่งแวดล้อมที่ดี เรียกว่าอยู่แล้วคลายเครียดได้ เหมือนซื้อ 1 ได้ 2
ขณะเดียวกัน ภาพภายนอก อาจจะดูว่า วิจิตรากรุ๊ป ขยับขยายการลงทุนไม่มาก ก็อาจจะเป็นเพราะวิจิตรากรุ๊ปเราเปิดเผยโครงการทีเดียว ก็เลยดูว่าเป็นโครงการขนาดใหญ่ แต่ด้วยที่ดินจำนวนมาก เราก็ต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ และด้วยลักษณะของที่ดินที่มีอยู่ ทำให้เราต้องมุ่งเน้นตลาดบน และเราก็เดินแนวทางนี้มาตลอด
“เท่าที่ดูภาพของโครงการที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงสูง ซึ่งในความคิดของผมแล้ว เพื่ออยู่อาศัยควรเป็นบ้าน แต่ด้วยสภาพสังคม และปัจจัยหลายๆอย่างเปลี่ยนไป ก็ต้องถูกบังคับให้อยู่อาศัยในเมือง ถึงกระนั้น บ้าน ในด้านแง่เศรษฐกิจแล้ว เปรียบเสมือนดัชนีชี้วัดความสำเร็จของคนได้ นั้นจึงมาเป็นที่มาของการตั้งชื่อโครงการ วิคทอเรีย ไพร์เวทซิตี้ บางนา”
ยิ่งการมีบ้าน ก็เหมือนกับการออมเงิน หากเราไม่รู้จักการออม เพราะสิ่งเย้ายวนมีเยอะ ดังนั้น แนวคิดที่ดินที่อยู่ในพอร์ตของเรา อาจจะเหมาะกับกำลังซื้อกลุ่มหนึ่ง แต่อาจจะไม่รับกับกำลังซื้ออีกกลุ่ม ซึ่งเราอาจจะต้องมาพิจารณาที่ดินนอกพอร์ตของตระกูล ซึ่งผมก็คิดจะเข้ามาในเมืองเหมือนกัน เพียงแต่ต้องดูให้รอบครอบ เพราะจุดแข็งของวิจิตรากรุ๊ปอยู่ที่โซนบางนา
นี่คือ เส้นทางธุรกิจ ธุรกิจทุน ที่ทุกๆคนต้องเดิน สุดแล้วแต่จะมีความถนัดทางไหน
เรื่องราวในชีวิตของทายาทธุรกิจหมื่นล้าน ไม่มีเพียงแค่ธุรกิจอย่างเดียว ในแง่มุมของชีวิตแล้ว สืบวงษ์ เป็นผู้หนึ่งที่ยึดมั่นและมีหลักทางความเชื่อในพระพุทธศาสนาอย่างเหนี่ยวแน่น
อะไรคือเหตุ และผลจากการใฝ่ "ธรรมะ"
สืบวงษ์ เริ่มถ่ายทอดว่า ด้วยอุปนิสัยส่วนตัวแล้ว เป็นคนที่มองโลกในด้านดี ทุกๆปัญหามีทางแก้ไข คิดว่า ถ้าเราสามารถผ่านเหตุการณ์ร้ายๆไปได้ ไม่ว่าจะเจอปัญหาร้ายกว่า ก็สามารถปรับปรุงสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้ ขอเพียงถ้าเรารู้จักคิด และไม่ตอบโต้กับปัญหา
การนั่งสมาธิ ตนก็สนใจตั้งแต่เด็กแล้ว มีเหตุการณ์หลายอย่างทำให้คิด ความไม่”เที่ยง” หรือแม้แต่ความวุ่นวายใจที่เกิดกับตน ประกอบกับในช่วงมัธยมต้น อาจารย์กระชับให้อ่านหนังสือทุกๆอย่าง รวมถึงหนังสือเกี่ยวกับพระด้วย ซึ่งสมัยก่อนจะเป็นหนังสือพระเครื่องซะเป็นส่วนมาก
” ความไม่เที่ยงในชีวิต ก็เปรียบได้กับมรณะสติ หมายความว่า เราจะเป็นดินเมื่อไหร่ก็ได้ ได้ทุกเวลา ดังนั้น ผมจึงต้องรู้จักบริหารชีวิตให้ดี ศึกษาธรรมะ และนำมาประยุกต์ใช้กับการทำงาน ใช้ได้กับทุกเวลา อย่างหลักของนิกายเซ็น โดยท่านติช นัทฮันห์ พระนิกายเซ็นที่มีชื่อเสียงก้องโลกชาวเวียดนาม บอกว่า ถ้าเหนื่อยก็พักหายใจ 3 นาที ซึ่งการที่คนเราจะมีความสุขได้ ก็ได้ในขณะปัจจุบัน หมายถึง ความสุขมีได้ทุกขณะจิต และไม่มีสิ่งใดทำได้ในอนาคต อธิบายก็คือ ในปัจจุบันเราทำได้อย่างเดียว จิตอยู่กับปัจจุบัน ในอนาคตยังไม่เกิด ”สืบวงษ์ กล่าวให้เห็นแนวคิดทางธรรม ที่ถูกสั่งสมมากว่า 10ปี
ขณะที่คนในครอบครัว ทั้งภรรยาคู่ชีวิต (เกศศิริ สุขะมงคล) และน้องสาว(นวณัฐ สุขะมงคล) ก็ร่วมกันไปปฏิบัติธรรม ตามสถานที่ต่างๆ แต่หลักๆแล้ว จะไปที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมของท่าน ติช นัทฮันห์ ที่ หมู่บ้านพลัม (Plum Village)ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ไปทีเป็นเดือน การไปวิปปัสสนากรรมฐาน กับท่าน อ.โกเอนก้า สนทนาธรรมกับแม่ชีศันนีย์ เสถียรสุต แห่งเสถียรธรรมสถาน รวมไปถึงการสนทนาธรรมกับท่าน ว.วชิรเมธี หรือการนิมนต์ท่านมาปาฐกถาให้พนักงาน ซึ่งก็ดำเนินการมาแล้ว 2 ครั้ง
ชีวิตของคนเหล่า จะเปรียบไปแล้วก็เหมือนกับการทำอาหาร อยู่ที่ว่าเราจะปรุงแต่งอย่างไร แต่เป็นการปรุงแต่งทางความคิด ถ้าเราคิดก่อน เป็นการปรุงแต่งก่อน เหมือนผมทำอาหารให้ลูกๆทาน เช่น ผักบุ้งไฟแดง ถ้ามีผักบุ้งแต่ผสมน้ำธรรมดา ก็ไม่ใช่ผักบุ้งไฟแดง ต้องมีน้ำเต้าเจี้ย การคิดคือการปรุง เช่นเดียวกับ การทำดีได้ดี แต่เรื่องของผลตอบแทนการทำดี ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง สองตัวนี้ ผลต่างกัน คนละสมการ เหมือนเวลาเราไหว้เจ้า ก็ดีในแง่จิตใจ จะขอให้สุขภาพแข็ง ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้ ถ้าเราไม่ปฏิบัติ โดยการออกกำลังกาย เมื่อนั้นจิตใจเราก็ดี ”สืบวงษ์ กล่าว
แต่เหนืออื่นใดแล้ว วัฏจักรชีวิต ก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป เพียงแต่เราจะมีหลักของชีวิตอย่างไรเท่านั้น และที่สำคัญ ทุกๆศาสนา สอนให้คนประพฤติปฏิบัติดี