เมื่อ 20 ปีก่อน ค่ายเยาวชนค่ายหนึ่งได้ถือกำเนิดขึ้นพร้อม แนวคิดที่จะพัฒนาด้านความคิด จิตใจ และอารมณ์ของเยาวชน โดยผ่านกระบวนการของการอยู่ร่วมกัน ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์และวิทยาศาสตร์ ภายใต้ชื่อ "ค่ายเยาวชนสมองแก้ว"
ต่อไปนี้คือถ้อยคำของ รศ.ยืน ภู่วรวรรณ รองอธิการบดีฝ่าย เทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หนึ่งในผู้ริเริ่มค่ายตั้งแต่เริ่มแรก อาจารย์ยืนได้ไขข้อข้องใจว่า ตลอดเวลา 20 ปีค่ายบรรลุจุดประสงค์ใดไปแล้ว แนวคิดในการจัดค่ายเยาวชนต่อเนื่องสุดมาราธอนนี้คืออะไร และที่สำคัญ ค่ายนี้จะสร้างสรรค์ สิ่งใดให้ประเทศชาติในอนาคต
หลากเป้าหมายบนเส้นทาง 20 ปี
ปี พ.ศ.2527 ถือว่าป็นครั้งแรกเลยที่เป็นจุดเริ่มต้น เราเริ่มด้วยการจัดค่ายคอมพิวเตอร์ที่ชื่อว่า "ค่ายคอมพิวเตอร์ทักษะ" การจัดครั้งแรกนั้นรับเด็กเข้าไปจำนวน 80 คน หลังจากนั้นในปี 2528 ได้ว่างเว้นไป 1 ปี ถัดมาในปี 2529 ถึงจะเป็นการจัดค่ายขึ้นมาอีกครั้งภายใต้ชื่อใหม่ว่า "ค่ายเยาวชนสมองแก้วครั้งที่ 1 จนถึงปัจจุบันเป็นครั้งที่ 21 แล้ว ซึ่ง 10 ปีหลังนั้นได้มีบริษัทซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) เข้ามาให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
"ตอนนั้นพูดได้เต็มปากว่าประสบความสำเร็จอย่างแทบไม่น่าเชื่อ กิจกรรมหลายๆอย่างถูกสร้างขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมที่ทำให้เด็กสนุกสนาน และใช้คอมพิวเตอร์"
สิ่งแรกคือต้องการให้เด็กมีใจรักก่อน ต้องสนุกสนาน สามารถทำให้เห็นว่าเวลาเรียนแล้วสนุก หมายความว่าอาจจะสร้างรอยเล็กๆ ที่ประทับใจในเด็ก ถ้าเกิดมีรอยประทับใจที่ดีรอบแรก เค้าจะฝังไปตลอดชีวิต
ประการที่ 2 ภายใต้ความคิดสร้างสรรค์ ถ้าทุกคนปล่อยให้ กรอบความคิดกว้างขึ้น เมื่อมาอยู่ร่วมกันในค่าย จะอยู่ภายใต้บรรยากาศที่อิสระ ไม่มีการควบคุมกรอบความคิด งานทุกชิ้นที่ ออกมาจึงมิได้มีเพียงคำตอบเดียว จะมีได้หลายๆ คำตอบ เป็นทาง เลือกเพื่อมาเปรียบเทียบเป็นเป้าหมายที่อยากได้คือมีความคิดสร้างสรรค์
ประการที่ 3 อยากให้คิดเป็นระบบ ตัวคอมพิวเตอร์นั้นมีจุดเด่นมากมาย เมื่อได้มองทุกอย่างมันคือโปรแกรมมิ่ง คำว่าโปรแกรมคือ การวางลำดับขั้นตอนอยู่แล้ว จึงอยากสร้างเด็กให้มีความคิดเป็นขั้นเป็นตอน อะไรทำก่อน อะไรทำหลัง คือการวางแผน ภายใต้การวางแผนเราจะพบว่า เด็กสามารถทำงานภายใต้สิ่งที่ยากได้
ประการสุดท้ายคือเรื่องสังคม เด็กไทย เยาวชนไทย หรือคนไทย เวลาทำคนเดียวสามารถทำได้ แต่พอทำงานเป็นทีมมักจะมีปัญหา ภายใต้สังคมต้องพึ่งพากัน ต้องทำงานร่วมกันเป็นทีม ในการทำงานเป็นทีมในลักษณะนี้ต้องใช้บรรยากาศค่าย เมื่อมาอยู่ค่ายก็จะสอนให้มีความเอื้ออาทรต่อกัน
"สำหรับในปีนี้จะมีความแตกต่างในเรื่องของเทคโนโลยี ยุคนี้เป็นยุคไร้สายจึงนำสิ่งเหล่านี้เข้ามาเสริม"
อายุปัจจัยสำคัญที่สุด
การเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรมนั้นต้องทำก่อนวัย 13 ปีถ้าอยากให้เด็กสนใจด้านเทคโนโลยีต้องทำในช่วงนี้ มิฉะนั้นจะทำได้ ยากที่เน้นมากเรื่องนี้เพราะเมื่อไรก็ตามหลังอายุ 13 ปี ซึ่งเป็นวัยที่ลงท้ายด้วยทีน เป็นวัยที่เข้าสู่ช่วงหนุ่มสาว วัยรุ่น จะแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้ การจะทำอะไรก็ตาม ต้องทำในระดับที่เล็กสุดเท่าที่จะทำได้ แต่เนื่องจากเล็กนั้นไม่ได้อยู่ในกลุ่มเป้าหมายที่จะทำอะไรได้ เนื่องจากต้องอยู่กับผู้ปกครอง จึงไตร่ตรองแล้วว่าใน ระดับ 10 ขวบ สามารถจากผู้ปกครองมาเป็นตัวของตัวเอง มาใช้ชีวิต ดูแลตัวเองได้ จึงพยายามลงไปในระดับที่ต่ำที่สุด แล้วก็พยายามสร้างความประทับใจ ถ้าใครเคยมีความประทับใจติดตัว สิ่งเหล่านั้นก็จะอยู่ตลอด
ในวัยนี้กุศโลบายคือ ต้องทำสิ่งที่ยากให้ง่าย แล้วก็อยู่บนความท้าทาย และสนุกสนาน หลังจากนั้นก็จะสามารถเรียนรู้ได้โดย ง่าย และมีความสนใจ แต่พอเริ่มเจออะไรบางอย่างที่แก้ปัญหา ก็อยากจะเรียนรู้ต่อ อยากจะหาต่อว่า อันนี้คืออะไร ดีกว่าบอกว่าอันนี้ยากแล้วก็ปฏิเสธ นี่คือสิ่งที่อยากจะเห็นในเด็กวัยนี้ หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ให้เรียนรู้ไปเรื่อยๆ
กิจกรรมในค่ายฯต้องสนุก
เรานำเทคโนโลยีแบบชาวบ้านหรือที่เรียกว่าพลังงานทดแทน มาร่วมทำเป็นกิจกรรม ตัวอย่าง ในเรื่องของลม ความเร็วของลมแปรกับพลังงานอย่างไร พื้นที่ที่รับลมแปรกับพลังงานลมอย่างไร ถ้าอยากรู้ก็ต้องทดลองดู เปิดพัดลมระดับ หนึ่ง สอง สาม ดูว่า มันหมุนเร็ว หมุนช้าอย่างไร พื้นที่ของใบใหญ่เล็กแค่ไหน หรือกลไกการทำงานต่างๆ สิ่งเหล่านี้ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องมีสูตรไปให้จำ แต่ต่อไปก็จะไปเจอเอง พอไปเจอเองก็จะเรียนรู้ได้เอง ฉะนั้นจึงเป็นวิธีการอย่างหนึ่งที่การศึกษาเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้
อีกตัวอย่างในเรื่องของโทรศัพท์มือถือเด็กก็รู้ว่าเป็นไวร์เลส มีคลื่นวิทยุ ในลักษณะนี้คลื่นวิทยุในแต่ละช่องความถี่ก็จะแตกต่าง กัน เด็กก็รู้แล้วว่าตนเองกับเพื่อนนั้นมีคลื่นที่แตกต่างกัน ในขณะที่ ใช้พร้อมๆ กันก็จะไม่ชนกัน ก็จะทำให้เข้าใจในลักษณะนี้ว่าต้องมีตัวส่งกับตัวรับ แน่นอนที่สุดต้องส่งรหัสอะไรบางอย่างไป ถึงจะสามารถรับรู้กันได้ ในส่วนของตรงนี้ก็จะมีกิจกรรมเข้ามาช่วยสร้างเสริม เป็นกิจกรรมตอนกลางคืนจะมีการเล่นเกมใช้ไฟฉาย อีกฝ่ายหนึ่งจะรู้รหัสที่ส่งไปได้ก็จะต้องมีการตกลงกันก่อน ถ้าในภาษาสื่อสารจะเรียกว่า Potocal ว่าปิดสองทีหมายถึงอะไร เป็นต้น สามารถนำไปศึกษาต่อด้านวิศวะที่มีให้เลือกเรียนมากมาย
จากตัวอย่างที่ผ่านมา อะไรที่น่าสนใจ เด็กก็จะไปหาเองโดยที่เราไม่ต้องสอน ทุกวันนี้ถ้าถามว่าต้องสอนเด็กเล่นเกมไหม ต้องสอนใช้โทรศัพท์มือถือไหม ถ้าเด็กเกิดความสนใจก็จะเรียนรู้เอง ถ้าหากไม่ได้เกิดความสนใจก็จะไม่อยากที่จะเรียนรู้ เหล่านี้เป็นเทคนิคทั่วไปที่มีอยู่ในค่ายฯนี้
"หุ่นยนต์" ไฮไลต์เด็ด
เรื่องของการทำหุ่นยนต์ เป็นกุศโลบายของความท้าทายสิ่งสุดท้ายที่ต้องทำ ตัวอย่างเด็กเล่นเกมแล้วติดเกมเพราะเกิดจาก ความท้าทาย อยากจะชนะ ในเรื่องของพลังงานทดแทน การขนน้ำจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งภายใต้อุปกรณ์ที่จำกัด เด็กก็ต้องไป คิดไปออกแบบว่าจะทำอย่างไรให้สามารถขนน้ำไปอีกที่หนึ่งให้ได้มากที่สุด
การทำหุ่นยนต์ก็เช่นเดียวกัน ในที่นี้จะกล่าวถึงหุ่นยนต์เตะฟุตบอล ถ้าหากมองผิวเผินตัวหุ่นยนต์เหมือนไม่มีอะไร แต่แท้จริง แล้วข้างในนั้นซับซ้อนในเรื่องของกลไก เด็กจะเป็นคนทำเองทั้งหมด ซึ่งต้องมีพื้นฐานเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ต่างๆ เช่น การบัดกรีก็ต้อง ใช้หัวแร้งเป็นหลักการทำงานของหุ่นยนต์จะมีสีแบ่งเป็นทีมเสมือน เป็นทีมฟุตบอลจริงๆ การบังคับนั้นเป็นในลักษณะตัวต่อตัว ไม่สามารถไปบังคับของคนอื่นได้ ปัจจุบันรีโมตคอนโทรลใช้มือเดียว ในการควบคุม แต่ในอนาคตจะทำให้ใช้ได้สองมือ เหมือนกับ จอยแพดที่ใช้เล่นเกม
สำหรับอนาคตนั้นค่ายจะเป็นอย่างในอดีตไม่ได้ เนื่องจากว่า ทุกอย่างนั้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โครงสร้างของเด็กในทุกวันนี้ เหมือนนิเวศวิทยา และเด็กก็เป็นส่วนหนึ่งของนิเวศวิทยา สิ่งที่จะทำได้คือต้องมาปูพื้นฐานทางความคิด ให้รู้จักวิธีการคิด ให้รู้จักการสร้างสิ่งที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ที่เราเรียกว่า นวัตกรรม สามารถร่วม อยู่ในสังคมใหม่ แต่เป็นสังคมที่ไม่เหมือนเดิม รูปแบบของค่ายจึงต้องไปตอบสนองกับสังคมที่เป็นอยู่ ที่เป็นสังคมในเชิงที่มีนิเวศทางอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น
ก่อนจากกันอาจารย์ยืนได้ฝากข้อคิดไว้ว่า เราไม่สามารถไป ดูแลชีวิตเด็กเหล่านี้ไปได้ตลอด แต่สิ่งที่อยากเห็นคือมีคนนำไอเดีย เหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ จึงไม่คิดว่าเป็น ลิขสิทธิ์ ใครจะมาดู มาถ่าย วิดีโอ มาทำได้เลย อยากจะให้มาช่วยกันพัฒนาเยาวชนไทย
ค่ายเยาวชนสมองแก้ว รุ่นที่ 21 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 21- 27 เมษายน 2551 เยาวชนอายุ 10 ขวบ-13 ปี สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมค่ายตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปที่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน รับจำนวน 200 คน มาก่อนมีสิทธิ์ก่อน