xs
xsm
sm
md
lg

เปลี่ยนม้ากลางศึก พิสูจน์ "ขนไก่ไทย" ในปักกิ่งเกมส์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2008 ณ นครปักกิ่ง ประเทศจีน กำลังจะเริ่มขึ้นในวันที่ 8 สิงหาคม 2551 นับจากตรงนี้เหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึง 7 เดือนสำหรับทัพนักกีฬาไทยเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนลงแข่งมหกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติ แต่ในขณะที่ระยะเวลาที่เหลืออีกเพียงไม่มาก สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย กลับตัดสินใจเลิกจ้าง "อาติ๊ก จาวฮารี" โค้ชชาวอินโดนีเซีย ที่ทำงานช่วยทีมชาติไทยมาถึง 1 ปีครึ่ง พร้อมกับมีส่วนทำให้นักตบขนไก่แห่งสยาม ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมมาตลอดในระยะหลัง

แน่นอนว่าความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอาจสร้างความวิตกกังวลให้แฟนกีฬา ชาวไทยกับโอกาสในการลุ้นคว้าเหรียญรางวัลแรกของกีฬาลูกขนไก่ในโอลิมปิกเกมส์ อย่างไรก็ตาม ศ.เจริญ วรรธนะสิน นายกสมาคมฯ ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว ผู้จัดการรายวันถึงสาเหตุของการเลิกจ้างโค้ชชาวอิเหนา พร้อมกับยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการลุ้นเหรียญรางวัลแรกในประวัติศาสตร์ของสมาคมฯ

สาเหตุที่ไม่ต่อสัญญา "อาติ๊ก"?

"คงต้องย้อนให้ฟังก่อนว่า สมาคมฯ จ้างอาติ๊กมาเป็นโค้ชทีมชาติไทยเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2549 โดยมีสัญญา 1 ปี ซึ่งต้องหมดตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา แต่เนื่องจากยังมีภารกิจกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 24 ที่โคราช ติดพันอยู่ ทำให้สมาคมฯ ต้องต่อสัญญาออกไปจนถึงเดือนธันวาคม และเขาก็ทำหน้าที่ได้ตามที่เราคาดหวังเอาไว้หมดแล้ว จึงตัดสินใจไม่ต่อสัญญาในที่สุด"

นักแบดมินตันไทยได้อะไรจากโค้ชชาวอิเหนา?

"ผมได้ใช้ บุญศักดิ์ พลสนะ (แมน) เป็นโจทย์ ในการประชุมวันแรกผมถาม อาติ๊กต่อหน้าผู้ฝึกสอนทั้งหลายว่า ทำไมเวลาเล่นกับมืออันดับต้นๆ ของโลกแมนถึงไม่เคยเอาชนะได้เลย เขาให้ความเห็นว่าเป็นเพราะเกมเล่นของแมนยังไม่ดุดันและไม่เล่นเกมรุกมากเพียงพอ เวลาตบไปแล้วทิ้งไม้ลงต่ำ คอยแต่จะหยอดกับโยนซึ่งเป็นการตั้งรับมากกว่า เขาจึงแนะนำว่าแมนต้องตั้งไม้ขึ้นมาเพื่อเตรียมตีสวนลูกที่พุ่งข้ามมาอีกที"

"หลังจากนั้นฟอร์มของบุญศักดิ์ดีขึ้นมาก สามารถคว้าแชมเปี้ยนรายการ ซูเปอร์ซีรีส์สิงคโปร์โอเพ่น ทั้งยังเอาชนะมือดังๆ ของโลกมาแล้วไม่ว่าจะเป็นเฉิน หยู, เฉิน หง, เฉิน จิน และ เป่า ชุนไหล ของจีน ลี ฮุน อิล จากเกาหลีใต้ รวมถึง เคนเนธ โจนาสเซน ของเดนมาร์ก ซึ่งไม่เพียงแค่แมนเท่านั้น ประเภทคู่ก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้น ทั้งหมดนี้ต้องให้เครดิตโค้ชไทยที่สามารถนำแนวคิดของอาติ๊กไปปฏิบัติได้ นี่คือสิ่งที่เราได้จากเขา อาติ๊กไม่ได้เก่งกว่าโค้ชไทย แต่เขามีมุมมองที่ต่างออกไปเหมือนผงที่เข้าตาตัวเรามักจะมองไม่เห็น ต้องให้คนอื่นมาช่วยเขี่ยออก"

พอใจแค่ไหนกับผลงานหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา?

"ผมค่อนข้างพอใจ เพราะไม่ใช่แค่เพียงนักกีฬาเท่านั้นที่ได้ประโยชน์ แต่การมาของ อาติ๊กทำให้โค้ชของไทยตื่นตัวขึ้น เปิดใจเรียนรู้จากสิ่งภายนอกมากขึ้น และต้องยกมาตรฐานของตัวเองให้สูงขึ้นอีกระดับหนึ่ง รวมทั้งได้เรียนรู้การทำงานของเขาที่มาในลักษณะมืออาชีพค่อนข้างสูง"

ผลงานน่าพอใจขนาดนี้ทำไมถึงไม่จ้างต่อ?

"ผมคิดว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งเมื่อเราได้ความรู้และแนวทางของเขามาแล้ว ที่เหลือคือการนำมาใช้กับนักแบดฯคนอื่นๆ อย่างเช่น ภูมิพัฒน์ ทรัพย์กุลชลนาถ เดี่ยวมือ 2 ของไทย และที่สำคัญคือในการบริหารกีฬาเพื่อความเป็นเลิศเราไม่สามารถที่จะหยุดอยู่กับที่ได้ ต้องไขว่คว้าแสวงหาความรู้ใหม่ๆ ต่อไป เพียงแต่ในตอนนี้เรายังหาไม่เจอ"

ผลกระทบต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก่อนโอลิมปิกจะเริ่มเพียงไม่กี่เดือน?

"ไม่มีผล เพราะทุกอย่างมีรูปแบบของมันอยู่แล้ว อาติ๊กเพียงแค่เข้ามาเป็นตัวเสริมในส่วนที่ขาดไป ให้แนวคิดและแนะนำบางส่วนเท่านั้นเอง ไม่ได้เข้ามาคุมทุกอย่าง เขาเป็นเหมือนอากาศบริสุทธิ์ที่พัดเข้ามาในห้องอับๆ ที่จำเจซ้ำซาก"

โอกาสของนักกีฬาไทยที่จะได้ลงเล่นปักกิ่งเกมส์?

"เราได้ลุ้นอยู่หลายคน เพราะจะมีการปิดควอลิฟายและดูอันดับโลกในวันที่ 30 เมษายนนี้ โดยประเภทเดี่ยวจะเอาเข้ารอบสายใหญ่ 38 คน ส่วนประเภทคู่เอา 16 คู่ ที่น่าจะผ่านเข้าไปแน่นอนแล้วก็มีบุญศักดิ์ ประเภทชายเดี่ยว กับสุดเขต ประภากมล และสราลีย์ ทุ่งทองคำ ในประเภทคู่ผสม ส่วนหญิงเดี่ยว สลักจิต พลสนะ ที่อยู่มือ 34 โลกก็น่าจะได้ไป ด้านโสรัจจา จันทร์ศรีสุคต ซึ่งแม้จะอยู่ที่ 46 แต่ผมคิดว่าน่าจะได้เล่นเพราะเขาให้โควตาแต่ละประเภทเพียงชาติละ 3 คน เช่นเดียวกับ ภูมิพัฒน์ ทรัพย์กุลชลนาถ ที่ตอนนี้อยู่ที่ 47 ของโลกก็ยังพอมีโอกาส"

ความหวังในการคว้าเหรียญรางวัลแรกให้สมาคมฯ?

"เรายังคงตั้งความหวังไว้ที่ชายเดี่ยวกับคู่ผสม แม้ว่าโอลิมปิกครั้งนี้จีนจะ ได้เปรียบเพราะแข่งในบ้าน แต่บอกได้เลยว่านักแบดฯไทยตอนนี้ไม่หมูเหมือน เมื่อก่อน ไม่ว่าจะเจอจีน อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ หรือว่ามาเลเซีย เราสู้ได้ทั้งนั้น โอกาสมัน 50-50 ขึ้นอยู่กับว่าวันนั้นใครจังหวะดีกว่า เล่นได้ดีกว่า รวมถึงดวงดีกว่าก็เป็น ผู้ชนะ"

จะมีการจ้างโค้ชต่างชาติก่อนโอลิมปิกจะเริ่มหรือไม่?

"คงจะไม่มี เพราะตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียง 6 เดือน เราจะใช้ทรัพยากรมนุษย์เท่าที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด เพราะศาสตร์และความรู้ต่างๆ เรามีหมดแล้ว อยู่ที่ว่าจะนำไปใช้ด้วยความจริงจัง และได้ผลมากน้อยขนาดไหน เท่านั้น"
กำลังโหลดความคิดเห็น