ปฏิเสธไม่ได้ว่า 'ข้าว' เป็นอาหารจานหลัก และหากินได้ง่ายที่สุดของคนไทย แต่วันนี้ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เงินเดือนไม่ขึ้น โบนัสไม่ออก มันช่างเป็นรายรับที่สวนทางกับราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่พุ่งสูงอย่างต่อเนื่องเสียจริงๆ คนทำงานในเมืองใหญ่หลายคน อาจต้องเริ่มรัดเข็มขัด เพื่อบริหารจัดการรายได้ค่าใช้จ่ายให้สมดุล และมีเผื่อเหลือเผื่อเก็บไว้ยามฉุกเฉิน แต่เมื่อมองไปรอบตัว การหลีกเลี่ยงไม่ให้เงินไหลออกจากกระเป๋าเกินความจำเป็นดูเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างยิ่ง เนื่องจากผู้จำหน่ายสินค้าและบริการต่างอ้างปัญหาค่าขนส่งที่พุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว มาบวกเพิ่มลงไปในราคาขายสินค้ากันถ้วนหน้า โดยเฉพาะ 'มื้อกลางวัน' ที่หลายคนต้องฝากท้องไว้กับร้านอาหารนอกบ้าน

เมื่อราคาของอาหารหนึ่งมื้อ ที่ปกติประกอบด้วย ข้าวหนึ่งจาน กับข้าวสองอย่าง มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นทุกหัวระแหง คงจะไม่ดีกับเม็ดเงินในกระเป๋าเป็นแน่ หากยังยึดติดพฤติกรรมการกินอาหารรูปแบบเดิมๆ เข้าสู่ปีใหม่แล้วก็อาจเป็นโอกาสเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจ จะเปลี่ยนมาหาสถานที่ใหม่ๆ ซึ่งกระจายอยู่ทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑล หรือก็คือ 'พื้นที่ขายอาหารในรั้วมหาวิทยาลัย' มาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการทำให้อิ่มท้อง
สำหรับคนทำงาน หากได้มาเห็นราคาอาหารในรั้วมหาวิทยาลัย หลายแห่งแล้วอาจไม่เชื่อสายตาตัวเอง แต่ราคาเหล่านี้ก็มีอยู่จริง ยกตัวอย่างเช่น โรงอาหารของมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ข้าวหนึ่ง จานกับข้าวสองอย่างราคา 15 บาท น้ำแก้วละ 3 บาท, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ข้าวหนึ่งจานกับข้าวสองอย่าง เริ่มต้นที่ 15-17 บาท น้ำแก้วละ 3 บาท, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ข้าวหนึ่ง จานกับข้าวสองอย่าง เริ่มต้นที่ 20 บาท น้ำแก้วละ 5 บาท เป็นต้น
พี่เจี๊ยบ เจ้าของร้านอาหารซึ่งตั้งอยู่ ณ โรงอาหารสำนักงานตึกอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า 'ขายอยู่ที่นี่มานานแล้ว ตั้งแต่อาหารจานละไม่ถึงสิบบาทค่ะ จนมาถึงทุกวันนี้ก็ยังพออยู่ได้ ราคาอาหารที่ขายได้ถูกขนาดนี้ เพราะทางมหาวิทยาลัย คิดค่าบำรุงสถานที่ไม่แพง ขอแค่ให้เราขายให้นิสิตนักศึกษาในราคา ที่ถูก พี่ก็ขายมาตั้งแต่เด็กบางคนเรียน ป.ตรี จนตอนนี้จบด็อกเตอร์ ไปแล้ว เขาก็ยังจำได้ และกลับมากินร้านพี่นะ'
ปัจจัยด้านราคาค่าบำรุงสถานที่ที่แตกต่างจากบริเวณรอบนอกลิบลับ อาจเป็นมูลเหตุสำคัญที่ทำให้ร้านอาหารของพี่เจี๊ยบ และเจ้าอื่นๆ ยังพอทำกำไรอยู่ได้ แม้จะขายเพียงแค่จานละ 17 บาท ซึ่งเจ้าของร้านใจดีเปิดเผยว่า 'ที่ต้องจ่ายเพิ่มคือค่าทำความสะอาดบริเวณโรงอาหาร และค่าแรงคนงานค่ะ รวมแล้วประมาณเดือนละ 7,000 บาท เพราะถ้าไม่มีลูกจ้างมาช่วยคงขายไม่ไหว ส่วนค่าทำความ สะอาดทุกร้านต้องจ่ายเหมือนกันอยู่แล้ว เนื่องจากเราไม่ได้ทำความ สะอาดเองค่ะ'

ด้านคุณลุงชูวิทย์ ฉัตรชัยเวช เจ้าของร้านขายน้ำดื่มในมหา-วิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เล่าว่า 'ปัจจุบันขายน้ำอยู่ราคา แก้วละ 5-10 บาท ก็ตรึงราคาไว้เท่านี้มา 6-7 ปีแล้ว แม้ว่าต้นทุนบางอย่างจะเพิ่มขึ้น เพราะเป็นนโยบายที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนด แต่ก็มีส่วนที่เราไม่สามารถควบคุมได้เช่นกัน เช่น นมกล่อง หรือน้ำผลไม้กล่อง สินค้าพวกนี้ถ้านักศึกษาจะรับประทานก็ต้องรับภาระกับราคาที่เพิ่มขึ้นเอง'
ด้านค่าบำรุงสถานที่ของการขายอาหารในรั้วธรรมศาสตร์ คุณลุงชูวิทย์เปิดเผยว่า 'จ่ายค่าบำรุงสถานที่เดือนละ 3,000 บาท ค่าน้ำค่าไฟแยกต่างหาก แล้วก็มีค่าทำความสะอาด ก็จะเฉลี่ยกันกับร้านอื่นๆ วันละประมาณ 25-30 บาทครับ ซึ่งค่าไฟของร้านน้ำก็ค่อนข้างแพงกว่าร้านขายอาหารทั่วไป เพราะมีตู้แช่ที่กินไฟพอสมควร'
ดังนั้น หากไล่เรียงไปตามชื่อของสถาบันต่างๆ จะพบว่า แนวทางในการประหยัดเงินค่าข้าวเช้า-กลางวัน-เย็นให้กับกระเป๋าสตางค์นั้น กระจายตัวอยู่ทั่วกรุงเทพมหานครเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในเขตสามย่าน-สีลม, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ยึดหัวหาดบริเวณท่าพระจันทร์-โรงพยาบาลศิริราช-ท่าพระอาทิตย์, มหาวิทยาลัยมหิดล กับพื้นที่บริเวณ ใจกลางเมือง ย่านโรงพยาบาลรามาธิบดี และสถานที่ราชการหลาย แห่ง, มหาวิทยาลัยรามคำแหง กับการให้บริการอาหารราคาธงฟ้าย่านรามคำแหง
หรือจะมองไปทางอโศก-เพชรบุรี ก็มีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒตั้งอยู่ และเส้นทางเดินเข้ามหาวิทยาลัยก็ไม่ลำบาก มากนัก, หากมองไกลออกไปบริเวณมุมเมือง ก็มีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่ตั้งอยู่ในย่านบางเขน และขายอาหารราคาไม่แพงเช่นกัน หรือมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีในย่านบางมด ทุ่งครุ แต่ในกรณีนี้ ตัวโรงอาหารของสถาบันอยู่ลึกเข้าไปใน พื้นที่มากพอสมควร อาจไม่สะดวกนักสำหรับผู้ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
ไม่เพียงเท่านั้น เรายังมีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนคร เหนือ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร และอื่นๆ อีกมากมาย กระจายอยู่โดยรอบ สำหรับคนเมืองที่อยากลองเปลี่ยน พฤติกรรมการรับประทานอาหาร
อย่างไรก็ดี พี่เจี๊ยบ สาวร่างใหญ่เจ้าของร้านขายอาหารในรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเปิดเผยความรู้สึกลึกๆ ให้เราฟังว่า 'ขายอาหารในมหาวิทยาลัยมันก็ดีนะ แต่บางอย่างมันก็เปลี่ยนไป เดี๋ยวนี้นิสิตนักศึกษาเขาไม่ค่อยจะกินอาหารในโรงอาหารกันแล้วค่ะ ส่วนมากเป็นอาจารย์ เจ้าหน้าที่มากินกันมากกว่า เด็กๆ สมัยนี้เขาชอบซื้อขนมปังในร้านสะดวกซื้อมากกว่า อย่างเมื่อก่อนวันไหน เป็นช่วงสอบเอนทรานซ์หรือสอบไล่ นิสิตจะมานั่งกันเต็มโรงอาหาร เลย แต่เดี๋ยวนี้ก็หายกันไปเยอะเหมือนกัน ถ้าถามพี่ พี่ว่าซื้อแล้วมันก็เพิ่มขยะจำพวกถุงพลาสติกนะ แล้วมันก็ไม่อิ่มด้วย'

**********************
01 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
02 มหาวิทยาลัยศิลปากร
03 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
04 มหาวิทยาลัยมหิดล
05 มหาวิทยาลัยรามคำแหง
06 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
07 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
08 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
09 มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
10 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
11 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
12 มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
13 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร
เมื่อราคาของอาหารหนึ่งมื้อ ที่ปกติประกอบด้วย ข้าวหนึ่งจาน กับข้าวสองอย่าง มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นทุกหัวระแหง คงจะไม่ดีกับเม็ดเงินในกระเป๋าเป็นแน่ หากยังยึดติดพฤติกรรมการกินอาหารรูปแบบเดิมๆ เข้าสู่ปีใหม่แล้วก็อาจเป็นโอกาสเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจ จะเปลี่ยนมาหาสถานที่ใหม่ๆ ซึ่งกระจายอยู่ทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑล หรือก็คือ 'พื้นที่ขายอาหารในรั้วมหาวิทยาลัย' มาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการทำให้อิ่มท้อง
สำหรับคนทำงาน หากได้มาเห็นราคาอาหารในรั้วมหาวิทยาลัย หลายแห่งแล้วอาจไม่เชื่อสายตาตัวเอง แต่ราคาเหล่านี้ก็มีอยู่จริง ยกตัวอย่างเช่น โรงอาหารของมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ข้าวหนึ่ง จานกับข้าวสองอย่างราคา 15 บาท น้ำแก้วละ 3 บาท, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ข้าวหนึ่งจานกับข้าวสองอย่าง เริ่มต้นที่ 15-17 บาท น้ำแก้วละ 3 บาท, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ข้าวหนึ่ง จานกับข้าวสองอย่าง เริ่มต้นที่ 20 บาท น้ำแก้วละ 5 บาท เป็นต้น
พี่เจี๊ยบ เจ้าของร้านอาหารซึ่งตั้งอยู่ ณ โรงอาหารสำนักงานตึกอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า 'ขายอยู่ที่นี่มานานแล้ว ตั้งแต่อาหารจานละไม่ถึงสิบบาทค่ะ จนมาถึงทุกวันนี้ก็ยังพออยู่ได้ ราคาอาหารที่ขายได้ถูกขนาดนี้ เพราะทางมหาวิทยาลัย คิดค่าบำรุงสถานที่ไม่แพง ขอแค่ให้เราขายให้นิสิตนักศึกษาในราคา ที่ถูก พี่ก็ขายมาตั้งแต่เด็กบางคนเรียน ป.ตรี จนตอนนี้จบด็อกเตอร์ ไปแล้ว เขาก็ยังจำได้ และกลับมากินร้านพี่นะ'
ปัจจัยด้านราคาค่าบำรุงสถานที่ที่แตกต่างจากบริเวณรอบนอกลิบลับ อาจเป็นมูลเหตุสำคัญที่ทำให้ร้านอาหารของพี่เจี๊ยบ และเจ้าอื่นๆ ยังพอทำกำไรอยู่ได้ แม้จะขายเพียงแค่จานละ 17 บาท ซึ่งเจ้าของร้านใจดีเปิดเผยว่า 'ที่ต้องจ่ายเพิ่มคือค่าทำความสะอาดบริเวณโรงอาหาร และค่าแรงคนงานค่ะ รวมแล้วประมาณเดือนละ 7,000 บาท เพราะถ้าไม่มีลูกจ้างมาช่วยคงขายไม่ไหว ส่วนค่าทำความ สะอาดทุกร้านต้องจ่ายเหมือนกันอยู่แล้ว เนื่องจากเราไม่ได้ทำความ สะอาดเองค่ะ'
ด้านคุณลุงชูวิทย์ ฉัตรชัยเวช เจ้าของร้านขายน้ำดื่มในมหา-วิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เล่าว่า 'ปัจจุบันขายน้ำอยู่ราคา แก้วละ 5-10 บาท ก็ตรึงราคาไว้เท่านี้มา 6-7 ปีแล้ว แม้ว่าต้นทุนบางอย่างจะเพิ่มขึ้น เพราะเป็นนโยบายที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนด แต่ก็มีส่วนที่เราไม่สามารถควบคุมได้เช่นกัน เช่น นมกล่อง หรือน้ำผลไม้กล่อง สินค้าพวกนี้ถ้านักศึกษาจะรับประทานก็ต้องรับภาระกับราคาที่เพิ่มขึ้นเอง'
ด้านค่าบำรุงสถานที่ของการขายอาหารในรั้วธรรมศาสตร์ คุณลุงชูวิทย์เปิดเผยว่า 'จ่ายค่าบำรุงสถานที่เดือนละ 3,000 บาท ค่าน้ำค่าไฟแยกต่างหาก แล้วก็มีค่าทำความสะอาด ก็จะเฉลี่ยกันกับร้านอื่นๆ วันละประมาณ 25-30 บาทครับ ซึ่งค่าไฟของร้านน้ำก็ค่อนข้างแพงกว่าร้านขายอาหารทั่วไป เพราะมีตู้แช่ที่กินไฟพอสมควร'
ดังนั้น หากไล่เรียงไปตามชื่อของสถาบันต่างๆ จะพบว่า แนวทางในการประหยัดเงินค่าข้าวเช้า-กลางวัน-เย็นให้กับกระเป๋าสตางค์นั้น กระจายตัวอยู่ทั่วกรุงเทพมหานครเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในเขตสามย่าน-สีลม, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ยึดหัวหาดบริเวณท่าพระจันทร์-โรงพยาบาลศิริราช-ท่าพระอาทิตย์, มหาวิทยาลัยมหิดล กับพื้นที่บริเวณ ใจกลางเมือง ย่านโรงพยาบาลรามาธิบดี และสถานที่ราชการหลาย แห่ง, มหาวิทยาลัยรามคำแหง กับการให้บริการอาหารราคาธงฟ้าย่านรามคำแหง
หรือจะมองไปทางอโศก-เพชรบุรี ก็มีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒตั้งอยู่ และเส้นทางเดินเข้ามหาวิทยาลัยก็ไม่ลำบาก มากนัก, หากมองไกลออกไปบริเวณมุมเมือง ก็มีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่ตั้งอยู่ในย่านบางเขน และขายอาหารราคาไม่แพงเช่นกัน หรือมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีในย่านบางมด ทุ่งครุ แต่ในกรณีนี้ ตัวโรงอาหารของสถาบันอยู่ลึกเข้าไปใน พื้นที่มากพอสมควร อาจไม่สะดวกนักสำหรับผู้ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
ไม่เพียงเท่านั้น เรายังมีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนคร เหนือ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร และอื่นๆ อีกมากมาย กระจายอยู่โดยรอบ สำหรับคนเมืองที่อยากลองเปลี่ยน พฤติกรรมการรับประทานอาหาร
อย่างไรก็ดี พี่เจี๊ยบ สาวร่างใหญ่เจ้าของร้านขายอาหารในรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเปิดเผยความรู้สึกลึกๆ ให้เราฟังว่า 'ขายอาหารในมหาวิทยาลัยมันก็ดีนะ แต่บางอย่างมันก็เปลี่ยนไป เดี๋ยวนี้นิสิตนักศึกษาเขาไม่ค่อยจะกินอาหารในโรงอาหารกันแล้วค่ะ ส่วนมากเป็นอาจารย์ เจ้าหน้าที่มากินกันมากกว่า เด็กๆ สมัยนี้เขาชอบซื้อขนมปังในร้านสะดวกซื้อมากกว่า อย่างเมื่อก่อนวันไหน เป็นช่วงสอบเอนทรานซ์หรือสอบไล่ นิสิตจะมานั่งกันเต็มโรงอาหาร เลย แต่เดี๋ยวนี้ก็หายกันไปเยอะเหมือนกัน ถ้าถามพี่ พี่ว่าซื้อแล้วมันก็เพิ่มขยะจำพวกถุงพลาสติกนะ แล้วมันก็ไม่อิ่มด้วย'
**********************
01 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
02 มหาวิทยาลัยศิลปากร
03 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
04 มหาวิทยาลัยมหิดล
05 มหาวิทยาลัยรามคำแหง
06 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
07 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
08 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
09 มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
10 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
11 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
12 มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
13 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร