xs
xsm
sm
md
lg

พระเมตตาแห่งสมเด็จพระพี่นางเธอฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พระองค์ท่านทรงสมถะมาก ข้าวของเครื่องใช้ที่ใช้ทรงงานไม่ว่าจะเป็นสมุด ดินสอ ปากกา ก็เป็นแบบธรรมดาๆ เหมือนกับที่เจ้าหน้าที่และทีมแพทย์ใช้ เวลาเสวยอาหารท่านก็จะเสวยอะไรง่ายๆ ไม่เคยสั่งอะไรเป็นพิเศษ ช่วงที่เสด็จไปเยี่ยมราษฎรในพื้นที่นั้น มื้อกลางวันพระองค์มักเสวยข้าวกล่องแบบเดียวกับข้าวกล่องที่นำมาพระราชทานแก่ทีมแพทย์อาสา เพราะพระองค์ทรงต้องการรู้ว่าพวกเรากินอยู่กันอย่างไร เสื้อผ้าที่ทรงสวมขณะเสด็จไปตรวจเยี่ยมก็เป็นชุดเครื่อง แบบ พอ.สว.เหมือนที่พวกเราใส่กัน ไม่มีแบ่งแยก เวลาที่ท่านเสด็จไปเยี่ยมชาวบ้าน พระองค์ก็ทรงชอบประทับที่บ้านพักตามเขื่อนต่างๆ เพราะไม่อยากให้เจ้าหน้าที่วุ่นวาย เรื่องการจัดหาที่พัก พระองค์ท่านทรงเป็นกันเองมาก ทรงให้พวก พอ.สว.พักในบริเวณเดียวกับพระองค์ท่านด้วย

"หมอกระเป๋าเขียว" ภารกิจเพื่อปวงชน

"หมอกระเป๋าเขียว" คือชื่อที่ชาวบ้านเรียกขานทีมแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทร์ (พอ.สว.) ซึ่ง สมเด็จพระเจ้า พี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงรับเป็นประธานกิตติมศักดิ์ของมูลนิธิสืบสานพระปณิธานต่อจากสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่า ซึ่งเสด็จ สวรรคต ด้วยพระองค์ทรงติดตามงานของมูลนิธิแห่งนี้มาตั้งแต่ครั้งสมเด็จย่าทรงพระชนมชีพจึงรู้ดีว่าประชาชนที่เจ็บป่วยแต่ไม่สามารถเข้ารับการรักษาได้นั้นมีความทุกข์มากมายเพียงใด

ที่ผ่านมาสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯได้เสด็จไปยังถิ่นทุรกันดารทั้ง 51 จังหวัดที่มีหน่วยแพทย์ของ พอ.สว. เพื่อเยี่ยมเยียนราษฎรและบรรดาทีมแพทย์อาสา พระองค์ต้องอดทนต่อความเหนื่อยยากนานัปการเพียงเพื่อให้พสกนิกรของพระองค์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แม้วันนี้พระองค์จะเสด็จสู่สวรรคาลัยแต่พระเมตตาของพระองค์ท่านก็ยังจารจารึกอยู่ในหัวใจของชาวไทยทุกคน และแม้เหล่าทีมแพทย์อาสาจะมิอาจกลั่นน้ำตาแห่ง ความโศกสลด แต่พวกเขาก็ยังคงมุ่งมั่นทำงานเพื่อสืบต่อ พระปณิธานในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ซึ่งดูเหมือนจะเป็น สิ่งเดียวที่จะสามารถทดแทนพระเมตตาที่พระองค์มีให้แก่ทีมแพทย์อาสาทุกคนได้

รักษาโดยไม่แบ่งแยกชาติพันธุ์
อุดมการณ์หมอกระเป๋าเขียว

วินาทีนี้ นพ.ประมุข จันทวิมล เลขาธิการมูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทร์ ขอเป็นตัวแทนของทีมแพทย์อาสาถ่ายทอดเรื่องราวและพระจริยวัตรอันเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ตลอดระยะเวลาที่เป็นองค์ประธานแห่ง พอ.สว.

นพ.ประมุข เท้าความให้ฟังว่า เขามีโอกาสได้ทำงานรับใช้สมเด็จพระศรีนครินทร์ฯ และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯมาตั้งแต่ครั้งที่มีการก่อตั้งมูลนิธิ พอ.สว. เมื่อปี 2512 โดยขณะนั้น นพ.ประมุขยังเป็นแพทย์ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลในจังหวัดขอนแก่น ครั้นเมื่อเกษียณอายุแล้วจึงได้เข้ามาทำงานให้แก่มูลนิธิ พอ.สว. อย่างเต็มตัว ทำให้มีโอกาสได้รับใช้ใกล้ชิดสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ และเห็นถึงพระอุตสาหะของพระองค์ที่ทรงอดทนทรงงานหนักเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพสกนิกรชาวไทย

"จริงๆ แล้วก่อนที่จะมี พอ.สว.ที่ขอนแก่นก็มีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่อยู่แล้ว เพราะเมื่อก่อนขอนแก่นเป็นพื้นที่ซึ่งทุรกันดารมาก การเดินทางมาโรงพยาบาลเป็นไปด้วยความยากลำบาก ผมเองก็เป็นแพทย์อาสาอยู่ในทีมด้วย เมื่อมี พอ.สว.เกิดขึ้น ทางหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ก็เลยเข้าไปเป็นทีมแพทย์อาสาของ พอ.สว. หลังจากนั้นผมก็ถูกย้ายไปทำงานที่กระทรวงสาธารณสุข จนกระทั่งเกษียณอายุที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในปี 2534 ก็มาทำงานที่ พอ.สว.เต็มตัว ผมจึงมีโอกาสรับใช้ใกล้ชิดสมเด็จย่าและสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ มาตลอด จึงสัมผัสได้ว่าท่านทรงงานหนักมาก

หลายคนสงสัยว่าทำไมชาวบ้านเรียก พอ.สว.ว่าหมอกระเป๋าเขียว คือเขาเรียกตามเครื่องแบบที่เราใส่ ซึ่งเป็นเสื้อเทาและมีกระเป๋าสีเขียวเข้มที่หน้าอก และด้วยความที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯมีพระเมตตาต่อชาวบ้านที่เจ็บป่วยโดยไม่เลือกเชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพันธุ์ ทำให้หมอกระเป๋าเขียว พลอยเป็นที่รักของ ชาวบ้านด้วย แม้แต่ในพื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งมีความแตกแยกรุนแรง หน่วยแพทย์ของ พอ.สว.ก็ไม่เคยได้รับอันตราย พอเขาเห็นว่าเป็นหมอกระเป๋าเขียวเขาก็จะไม่ทำร้าย" เลขาธิการมูลนิธิ พอ.สว. เล่าถึงที่มาของหมอกระเป๋าเขียว

ทรงห่วงประชาชนยิ่งกว่าพระองค์เอง

จากพระจริยวัตรที่งดงามและเต็มเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาทำให้สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯทรงเป็นที่รักและเทิดทูนของทั้งเหล่า พสกนิกรและทีมแพทย์อาสา บ่อยครั้งที่ผู้เฒ่าผู้แก่ถึงกับน้ำตาอาบ แก้มเมื่อเห็นพระองค์ท่านซึ่งเสด็จมาเยี่ยมเยียนมีพระปฏิสันถารอย่างเป็นกันเอง แย้มพระสรวลน้อยๆ พร้อมกับจับไม้จับมือประชาชนที่ไปเฝ้ารับเสด็จอย่างไม่ถือพระองค์แม้แต่น้อย ภาพ ที่พระองค์ทรงประทับนั่งกับพื้นดินเพื่อทรงสอบถามอาการ เจ็บป่วยและสภาพความเป็นอยู่ของพสกนิกรกลายเป็นภาพชินตา ที่ทีมแพทย์อาสาเห็นอยู่เป็นเนืองนิจ แม้แต่เด็กน้อยเนื้อตัวมอมแมม พิกลพิการด้วยโรคปากแหว่งเพดานโหว่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ก็ทรงดึงตัวเข้ามากอดอย่างไม่ทรงนึกรังเกียจ

"ตลอดเวลาผมได้เห็นพระทัยอันแน่วแน่ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ แม้ว่าจะมีอุปสรรคในการเดินทาง ฝนจะตกฟ้าจะร้อง ถ้าพระองค์ทรงนัดหมายว่าจะเสด็จไปเยี่ยมเยียนราษฎรที่ไหนพระองค์ก็จะต้องไปให้ได้ พระองค์ตรัสว่านัดกับประชาชนแล้ว ไม่อยากให้เขาผิดหวัง บางทีฝนตกหนัก เครื่องบินลงไม่ได้เพราะอาจจะไม่ปลอดภัย พระองค์ท่านก็จะตรัสว่า ถ้าพอไปได้ก็จะไปนะ ไม่ทรงห่วงพระองค์เองเลย บางครั้งต้องทรงใช้ไม้เท้าช่วยเดินเนื่องจากมีอาการเจ็บพระปฤษฎางค์ (หลัง) ต้องทำกายภาพ-บำบัด แต่ก็ยังเสด็จไปทรงเยี่ยมประชาชนโดยที่ไม่ยอมใช้ไม้เท้าเพราะกลัวประชาชนจะเป็นห่วง

ในพื้นที่ป่าเขาก็ต้องประทับเฮลิคอปเตอร์ไป ทรงโดดขึ้นโดดลงทั้งที่พระเพลา (ขา) ของพระองค์ท่านไม่ค่อยดี แล้วก็ไม่ใช่ว่าจะถึงเลยนะ ต้องนั่งรถต่อไปอีก ซึ่งบางทีก็เป็นรถโฟร์วิล เวลาขึ้นดอยลำบากมากรถแล่นกระเด้งกระกระดอนตลอดทาง แล้วก็ต้องทรงเดินเท้าต่ออีก ดูแล้วพระองค์น่าจะทรงเหนื่อยนะเพราะพระชนมายุก็มากแล้ว แต่พระองค์ไม่เคยแสดงอาการเหนื่อยให้เห็นเลย ความจริงพระองค์มีพระอาการปวดพระปฤษฎางค์ (หลัง) มานานแล้ว แต่ไม่ยอมหยุดทรงงาน" นพ.ประมุข กล่าวถึงพระราชกรณียกิจอันหนักหน่วงของสมเด็จพระเจ้า พี่นางเธอฯ ด้วยหัวใจอันเต็มตื้น

เสวยข้าวกล่อง เช่นเดียวกับทีมแพทย์

ทุกสิ่งที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงปฏิบัตินั้นล้วนก่อให้เกิดกำลังใจอันใหญ่หลวงแก่บรรดาทีมแพทย์อาสา เมื่อพระผู้เป็น เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินทรงเสียสละพระองค์ถึงเพียงนี้ หยาดเหงื่อของเหล่าทีมแพทย์จึงเป็นแค่ละอองน้ำที่ระเหยในอากาศ พวกเขาพร้อมที่จะทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อสืบสานพระปณิธานของพระองค์ท่านที่ทรงต้องการเห็นประชาชนผู้ยากไร้ในถิ่นทุรกันดาร หายจากโรคภัย และมีสภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และทุกครั้งที่เสด็จเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯก็จะเสด็จมา ให้กำลังใจแก่ทีมแพทย์อาสาในจังหวัดนั้นๆ ด้วยเช่นกัน

นพ.ประมุข เล่าถึงพระเมตตาที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงมีต่อเหล่า พอ.สว.ว่า

"พระองค์ท่านทรงสมถะมาก ข้าวของเครื่องใช้ที่ใช้ทรงงานไม่ว่าจะเป็นสมุด ดินสอ ปากกา ก็เป็นแบบธรรมดาๆเหมือนกับที่เจ้าหน้าที่และทีมแพทย์ใช้ เวลาเสวยอาหารท่านก็จะเสวยอะไรง่ายๆ ไม่เคยสั่งอะไรเป็นพิเศษ ช่วงที่เสด็จไปเยี่ยมราษฎรในพื้นที่นั้น มื้อกลางวันพระองค์มักเสวยข้าวกล่องแบบเดียวกับข้าวกล่องที่นำมาพระราชทานแก่ทีมแพทย์อาสา เพราะพระองค์ทรงต้องการรู้ว่าพวกเรากินอยู่กันอย่างไร เสื้อผ้าที่ทรงสวมขณะเสด็จไปตรวจเยี่ยมก็เป็นชุดเครื่องแบบ พอ.สว.เหมือนที่พวกเราใส่กัน ไม่มีแบ่งแยก เวลาที่พระองค์เสด็จไปเยี่ยมชาวบ้านพระองค์ก็ทรง ชอบประทับที่บ้านพักตามเขื่อนต่างๆ เพราะไม่อยากให้เจ้าหน้าที่ วุ่นวายเรื่องการจัดหาที่พัก พระองค์ท่านทรงเป็นกันเองมาก ทรงให้พวก พอ.สว.พักในบริเวณเดียวกับพระองค์ท่านด้วย

หลังจากพระองค์ท่านประทานสิ่งของเพื่อเป็นกำลังใจแก่บรรดาทีมแพทย์อาสาแล้ว ก็จะประทานเลี้ยงน้ำชา และเรียกให้เจ้าหน้าที่ พอ.สว. 2-3 คนไปนั่งร่วมโต๊ะกับพระองค์ท่านด้วย แล้วก็ตรัสถามถึงปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน ถามถึงสาเหตุ ของความเจ็บป่วยของชาวบ้าน วิธีการรักษา ต้องส่งตัวไปที่ไหน รวมไปถึงเรื่องค่าใช้จ่ายซึ่งพระองค์จะให้ทางมูลนิธิดูแลทั้งหมด จากนั้นก็จะให้พวกเราไปร่วมถ่ายรูปกับพระองค์ท่าน ซึ่งทำให้พวก เราปลาบปลื้มมาก เมื่อก่อนพระองค์จะทรงเรียกบางคนไปถาม สารทุกข์สุขดิบ ทำงานเหนื่อยไหม เป็นอาสาสมัครมานานหรือยัง แต่หลังๆ สมาชิก พอ.สว.เยอะขึ้นทรงพูดคุยไม่ทั่วถึง ประกอบด้วยพระองค์ทรงโปรดดนตรีจึงให้พวกเราร้องเพลงถวายแทน"

พอ.สว.ขอสืบสานพระปณิธาน

แม้วันนี้จะไม่มีภาพที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯทรงแย้มพระสรวลขณะเสด็จเยี่ยมเยียนประชาชนและบรรดาทีมแพทย์อาสา แต่ภาพเหล่านี้ก็คงตราตรึงอยู่ในใจของเหล่า พอ.สว.ทุกคน และเป็นกำลังใจให้พวกเขามุ่งมั่นสืบสานพระปณิธานในพระองค์ท่านต่อไป โดยหน่วยแพทย์อาสาจะยังคงเดินหน้าออกเยี่ยมเยียนและให้การรักษาชาวบ้านที่เจ็บป่วยในถิ่นทุรกันดารทุกพื้นที่อย่างไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก หรืออันตรายที่รออยู่

"ความเสียใจที่พวกเรามีมันไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ เหมือนน้ำตามันตกอยู่ข้างใน แต่สิ่งเดียวที่พวกเราเหล่า พอ.สว. ทำให้พระองค์ท่านได้ก็คือ อดทน และตั้งใจทำงานเหมือนครั้งที่พระองค์ทรงพระชนม์อยู่ ที่ผ่านมาพระองค์ท่านเสด็จไปทุกที่ บางครั้งฝนตกหนัก ทางขาด เจ้าหน้าที่กราบทูลพระองค์ว่าเสด็จไม่ได้จริงๆ ผ่านไป 1-2 เดือน พระองค์ก็จะตรัสถามอีกว่าพื้นที่ดังกล่าวพร้อมหรือยัง พระองค์จะเสด็จไปเยี่ยมชาวบ้าน สำหรับพระองค์ท่านแล้วไม่มีคำว่างดเสด็จ อย่างมากก็เพียงเลื่อนเสด็จ พระองค์ตรัสว่าชาวบ้านรอเราอยู่" เลขาธิการมูลนิธิ พอ.สว. กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

คงมิเกินไปที่จะกล่าวว่าน้ำตาที่เอ่อท้นในหัวใจของคนไทย ณ เวลานี้ เป็นน้ำตาแห่งความสูญเสีย น้ำตาแห่งความอาลัยรักที่มีต่อสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ผู้เป็นดั่งแสงสว่างกลางใจไทยทุกคน
กำลังโหลดความคิดเห็น