ปรัชญาการทำงานแบบ “เจแปนเวย์” ผ่านมุมมองของผู้บริหารชาวไทย ซึ่งผ่านประสบการณ์ทำงานกับชาวญี่ปุ่นมานานกว่า 10 ปี......โดย ดร.ธนศักดิ์ วหาวิศาล ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหาร บริษัทอิเดมิตสึ อพอลโล (ประเทศไทย) จำกัด

ตอนที่ 26
ญี่ปุ่นในปี 2025 ถูกเรียกว่า “ยุคของผู้หญิงเก่ง” แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าการมีผู้หญิงขึ้นนั่งตำแหน่งสูงสุดขององค์กรหรือรัฐบาลคือ “วิธีที่พวกเธอนำ” ซึ่งต่างจากรูปแบบการบริหารของผู้ชายโดยสิ้นเชิง
ผมมองว่า นี่คือการกลับมาของจิตวิญญาณแบบ 大和撫子(Yamato Nadeshiko) คำที่ชาวญี่ปุ่นใช้เรียก “หญิงในอุดมคติ” ที่งดงามทั้งภายนอกและภายใน เธออ่อนโยน มีมารยาท อดทน และเสียสละ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีความแข็งแกร่งที่สงบนิ่งอยู่ในใจ
ผู้นำหญิงรุ่นใหม่ที่ไม่ต้องเป็น “ผู้ชายในร่างผู้หญิง”
เมื่อก่อน ผู้หญิงญี่ปุ่นที่อยากก้าวสู่จุดสูงสุดในองค์กร มักต้อง “ปรับตัวให้แข็ง” พูดให้สั้นลง พยายามไม่แสดงอารมณ์ และใช้เหตุผลมากกว่าความรู้สึก เพื่อไม่ให้ถูกมองว่า “อ่อนไหวเกินไป”
แต่ผู้นำหญิงยุคใหม่กลับเลือกทางที่ต่างออกไป พวกเธอไม่พยายามเป็นผู้ชาย แต่ใช้ “ความอ่อนโยน” เป็นพลังในการสร้างความร่วมมืออย่าง มากิโกะ โอโมะโนะ (Makiko Ohno) จากบริษัท Suntory เธอเคยกล่าวไว้ว่า
“การบริหารไม่ได้หมายถึงการสั่ง แต่คือการฟังให้เข้าใจว่าคนในทีมต้องการอะไร”
คำพูดนี้สะท้อนหัวใจของ Yamato Nadeshiko การเป็นผู้นำด้วยหัวใจ ไม่ใช่อำนาจ
ในวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่เคยยกย่อง “ผู้นำที่เด็ดขาด” และ “ระบบที่เข้มงวด” ผู้นำหญิงรุ่นใหม่กำลังเปลี่ยนสมการนั้น พวกเธอให้ความสำคัญกับ 和 (Wa) ความกลมกลืน และ 信頼 (Shinrai) ความไว้วางใจ แทนที่จะใช้การแข่งขันเป็นแรงขับเคลื่อน
พวกเธอกลับสร้างบรรยากาศให้คนทำงานรู้สึกปลอดภัยและภาคภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองทำ
ผมได้คุยกับผู้จัดการหญิงในบริษัทแห่งหนึ่งที่โอซาก้า เธอบอกผมว่า “ฉันไม่อยากให้ลูกน้องกลัวฉัน ฉันอยากให้พวกเขากล้าที่จะบอกความจริงกับฉัน”นั่นคือญี่ปุ่นที่เปลี่ยนจากระบบ “หัวหน้าและลูกน้อง” ไปสู่ “มนุษย์กับมนุษย์” ที่เห็นใจกันและเติบโตไปพร้อมกัน
Yamato Nadeshiko ไม่ได้หมายถึงผู้หญิงที่อยู่แต่ในบ้าน แต่หมายถึงผู้หญิงที่รู้จักอดทน และยืนหยัดในสิ่งที่เชื่อ ผมมักเห็นผู้หญิงญี่ปุ่นที่แม้ต้องเผชิญแรงกดดันจากสังคมหรือองค์กร แต่ก็ไม่ยอมให้สิ่งนั้นกลืนศรัทธาในตัวเอง
เหมือนกับคำญี่ปุ่นอีกคำที่ผมชอบคือ 頑張る (Gambaru) การพยายามอย่างเต็มที่ ผู้หญิงเหล่านี้ไม่ได้ “ฝืน” แต่ “มั่นใจ” ว่าความพยายามที่อ่อนโยนสามารถเปลี่ยนโครงสร้างแข็งแกร่งได้จริง
ญี่ปุ่นกำลังเรียนรู้ว่า ความสำเร็จขององค์กรไม่ใช่เรื่องของ “คนเก่งที่สุด” แต่คือการสร้างระบบที่ทุกคนรู้สึกมีคุณค่า และในจุดนี้ ผู้นำหญิงกำลังเป็นตัวอย่างของการนำแบบใหม่ ที่ผสมระหว่าง ความแข็งแกร่งทางเหตุผล และ ความละเอียดอ่อนทางอารมณ์ ในโลกที่ปัญหาซับซ้อนขึ้นทุกวัน ผมเชื่อว่า “พลังของความอ่อนโยน” แบบ Yamato Nadeshiko จะกลายเป็นสมดุลใหม่ของการบริหารในศตวรรษนี้
เมื่อมองญี่ปุ่นวันนี้ ผมเห็นผู้หญิงที่ไม่ต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้ “เหมาะสม” แต่ใช้ตัวตนของตัวเองเพื่อเปลี่ยนโลกใบนี้ให้ดีขึ้นญี่ปุ่นในปี 2025 จึงไม่ได้เปลี่ยนเพียงเพราะมีผู้นำหญิงเพิ่มขึ้น
แต่เพราะผู้หญิงเหล่านี้ทำให้คำว่า “ผู้นำ” มีความหมายใหม่ ไม่ใช่คนที่อยู่ข้างหน้าเสมอ แต่อาจเป็นคนที่อยู่ข้างหลังคอยผลักดันให้ทุกคนเดินต่อได้อย่างมั่นคง
“Yamato Nadeshiko ไม่ได้หมายถึงหญิงที่อ่อนโยน แต่คือหญิงที่อ่อนโยนพอจะเข้าใจผู้อื่น และแข็งแกร่งพอที่จะไม่ลืมตัวเอง”
ตอนที่ 26
ญี่ปุ่นในปี 2025 ถูกเรียกว่า “ยุคของผู้หญิงเก่ง” แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าการมีผู้หญิงขึ้นนั่งตำแหน่งสูงสุดขององค์กรหรือรัฐบาลคือ “วิธีที่พวกเธอนำ” ซึ่งต่างจากรูปแบบการบริหารของผู้ชายโดยสิ้นเชิง
ผมมองว่า นี่คือการกลับมาของจิตวิญญาณแบบ 大和撫子(Yamato Nadeshiko) คำที่ชาวญี่ปุ่นใช้เรียก “หญิงในอุดมคติ” ที่งดงามทั้งภายนอกและภายใน เธออ่อนโยน มีมารยาท อดทน และเสียสละ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีความแข็งแกร่งที่สงบนิ่งอยู่ในใจ
ผู้นำหญิงรุ่นใหม่ที่ไม่ต้องเป็น “ผู้ชายในร่างผู้หญิง”
เมื่อก่อน ผู้หญิงญี่ปุ่นที่อยากก้าวสู่จุดสูงสุดในองค์กร มักต้อง “ปรับตัวให้แข็ง” พูดให้สั้นลง พยายามไม่แสดงอารมณ์ และใช้เหตุผลมากกว่าความรู้สึก เพื่อไม่ให้ถูกมองว่า “อ่อนไหวเกินไป”
แต่ผู้นำหญิงยุคใหม่กลับเลือกทางที่ต่างออกไป พวกเธอไม่พยายามเป็นผู้ชาย แต่ใช้ “ความอ่อนโยน” เป็นพลังในการสร้างความร่วมมืออย่าง มากิโกะ โอโมะโนะ (Makiko Ohno) จากบริษัท Suntory เธอเคยกล่าวไว้ว่า
“การบริหารไม่ได้หมายถึงการสั่ง แต่คือการฟังให้เข้าใจว่าคนในทีมต้องการอะไร”
คำพูดนี้สะท้อนหัวใจของ Yamato Nadeshiko การเป็นผู้นำด้วยหัวใจ ไม่ใช่อำนาจ
ในวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่เคยยกย่อง “ผู้นำที่เด็ดขาด” และ “ระบบที่เข้มงวด” ผู้นำหญิงรุ่นใหม่กำลังเปลี่ยนสมการนั้น พวกเธอให้ความสำคัญกับ 和 (Wa) ความกลมกลืน และ 信頼 (Shinrai) ความไว้วางใจ แทนที่จะใช้การแข่งขันเป็นแรงขับเคลื่อน
พวกเธอกลับสร้างบรรยากาศให้คนทำงานรู้สึกปลอดภัยและภาคภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองทำ
ผมได้คุยกับผู้จัดการหญิงในบริษัทแห่งหนึ่งที่โอซาก้า เธอบอกผมว่า “ฉันไม่อยากให้ลูกน้องกลัวฉัน ฉันอยากให้พวกเขากล้าที่จะบอกความจริงกับฉัน”นั่นคือญี่ปุ่นที่เปลี่ยนจากระบบ “หัวหน้าและลูกน้อง” ไปสู่ “มนุษย์กับมนุษย์” ที่เห็นใจกันและเติบโตไปพร้อมกัน
Yamato Nadeshiko ไม่ได้หมายถึงผู้หญิงที่อยู่แต่ในบ้าน แต่หมายถึงผู้หญิงที่รู้จักอดทน และยืนหยัดในสิ่งที่เชื่อ ผมมักเห็นผู้หญิงญี่ปุ่นที่แม้ต้องเผชิญแรงกดดันจากสังคมหรือองค์กร แต่ก็ไม่ยอมให้สิ่งนั้นกลืนศรัทธาในตัวเอง
เหมือนกับคำญี่ปุ่นอีกคำที่ผมชอบคือ 頑張る (Gambaru) การพยายามอย่างเต็มที่ ผู้หญิงเหล่านี้ไม่ได้ “ฝืน” แต่ “มั่นใจ” ว่าความพยายามที่อ่อนโยนสามารถเปลี่ยนโครงสร้างแข็งแกร่งได้จริง
ญี่ปุ่นกำลังเรียนรู้ว่า ความสำเร็จขององค์กรไม่ใช่เรื่องของ “คนเก่งที่สุด” แต่คือการสร้างระบบที่ทุกคนรู้สึกมีคุณค่า และในจุดนี้ ผู้นำหญิงกำลังเป็นตัวอย่างของการนำแบบใหม่ ที่ผสมระหว่าง ความแข็งแกร่งทางเหตุผล และ ความละเอียดอ่อนทางอารมณ์ ในโลกที่ปัญหาซับซ้อนขึ้นทุกวัน ผมเชื่อว่า “พลังของความอ่อนโยน” แบบ Yamato Nadeshiko จะกลายเป็นสมดุลใหม่ของการบริหารในศตวรรษนี้
เมื่อมองญี่ปุ่นวันนี้ ผมเห็นผู้หญิงที่ไม่ต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้ “เหมาะสม” แต่ใช้ตัวตนของตัวเองเพื่อเปลี่ยนโลกใบนี้ให้ดีขึ้นญี่ปุ่นในปี 2025 จึงไม่ได้เปลี่ยนเพียงเพราะมีผู้นำหญิงเพิ่มขึ้น
แต่เพราะผู้หญิงเหล่านี้ทำให้คำว่า “ผู้นำ” มีความหมายใหม่ ไม่ใช่คนที่อยู่ข้างหน้าเสมอ แต่อาจเป็นคนที่อยู่ข้างหลังคอยผลักดันให้ทุกคนเดินต่อได้อย่างมั่นคง
“Yamato Nadeshiko ไม่ได้หมายถึงหญิงที่อ่อนโยน แต่คือหญิงที่อ่อนโยนพอจะเข้าใจผู้อื่น และแข็งแกร่งพอที่จะไม่ลืมตัวเอง”


