เกียวโดนิวส์ (30 ก.ย.) - สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของญี่ปุ่นกล่าวเมื่อวันอังคารว่า จำนวนชาวต่างชาติที่ทำงานภายใต้วีซ่าแรงงานทักษะเฉพาะ (Specified Skilled Worker) พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 336,196 คน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน โดยมีจำนวนแรงงานที่ถือวีซ่าประเภทที่ 2 ซึ่งต้องใช้ทักษะขั้นสูงและเป็นเส้นทางสู่การมีถิ่นที่อยู่ถาวรเพิ่มขึ้น
สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองระบุว่า อุตสาหกรรมที่มีแรงงานต่างชาติประเภทนี้มากที่สุดคือภาคการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีแรงงานประมาณ 84,000 คน โดยเสริมว่ากลุ่มแรงงานที่ถือวีซ่าประเภทนี้มากที่สุดคือชาวเวียดนาม คิดเป็นประมาณ 40% รองลงมาคือแรงงานจากอินโดนีเซียและเมียนมา
วีซ่าประเภทที่ 1 ซึ่งเริ่มใช้ในปี 2562 อนุญาตให้ผู้ถือวีซ่าประเภทที่ 1 สามารถพำนักอยู่ในญี่ปุ่นได้นานถึงห้าปี และเลื่อนขั้นเป็นวีซ่าประเภทที่ 2 ได้หลังจากผ่านเกณฑ์ที่กำหนด เช่น สอบผ่าน
สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเชื่อว่าจำนวนผู้ถือวีซ่าหมายเลข 2 ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้น่าจะเป็นผลมาจากผู้ถือวีซ่าหมายเลข 1 จำนวนมากขึ้นที่มีสิทธิ์ได้รับวีซ่าต่อหลังจากทำงานครบ 5 ปี
วีซ่าหมายเลข 1 อนุญาตให้ชาวต่างชาติทำงานใน 16 ภาคอุตสาหกรรม รวมถึงภาคเกษตรกรรมและก่อสร้าง สำหรับวีซ่าหมายเลข 2 ซึ่งอนุญาตให้ทำงานใน 11 ภาคอุตสาหกรรม มีจำนวนผู้ถือวีซ่าเพิ่มขึ้นเป็น 3,073 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 3.7 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงปลายปีที่แล้ว สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกล่าว
หน่วยงานฯ พบว่าผู้ถือวีซ่าหมายเลข 1 ประมาณ 50% ได้เปลี่ยนผ่านจากโครงการฝึกงานด้านเทคนิค (Technical Intern Training Program) ซึ่งออกแบบมาเพื่อพัฒนาทักษะทางเทคนิคของแรงงานต่างชาติจากประเทศกำลังพัฒนาได้อย่างราบรื่น โดยไม่จำเป็นต้องสอบ
รัฐบาลวางแผนที่จะยกเลิกโครงการฝึกงานชาวต่างชาติที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2570 และแทนที่ด้วยระบบใหม่ที่เรียกว่า การจ้างงานเพื่อพัฒนาทักษะ ภายใต้ระบบนี้ แรงงานจะได้รับการสนับสนุนให้เปลี่ยนผ่านไปสู่สถานะแรงงานที่มีทักษะเฉพาะ (Specified Skilled Worker) หลังจากทำงานครบสามปีตามหลักเกณฑ์