เกียวโดนิวส์ (25 มิ.ย.) ข้อมูลจากสถาบันวิจัยสุขภาพแห่งชาติเผยเมื่อวันอังคารว่า ในปีนี้ญี่ปุ่นมีผู้ป่วยโรคไอกรนมากกว่า 31,000 ราย เพิ่มขึ้น 8 เท่าจากปี 2567
สถาบันวิจัยสุขภาพแห่งชาติเผยว่า ในปีนี้ญี่ปุ่นมีผู้ป่วยโรคไอกรนมากกว่า 31,000 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 8 เท่าจากปีก่อน และแซงหน้าสถิติสูงสุดประจำปี 2561 ไปแล้ว
ทางการสาธารณสุขของประเทศเรียกร้องให้ประชาชนตระหนักถึงการติดเชื้อแบคทีเรียที่ติดต่อได้ง่ายซึ่งทำให้เกิดอาการไออย่างรุนแรง โดยผู้เชี่ยวชาญระบุว่าอันตรายที่สุดในทารกและอาจทำให้เสียชีวิตได้
จากข้อมูลเบื้องต้นที่สถาบันความมั่นคงด้านสุขภาพของญี่ปุ่นเปิดเผย พบว่ามีการตรวจพบผู้ป่วยทั้งหมด 31,966 รายทั่วประเทศตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 มิถุนายนมีผู้ป่วย 2,970 ราย
ในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น จำนวนผู้ป่วยรายสัปดาห์ทะลุ 3,000 รายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2561 ที่มีข้อมูลเปรียบเทียบได้
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว จำนวนผู้ป่วยทั้งหมดในปีที่แล้วอยู่ที่ประมาณ 4,000 ราย และผู้ป่วย 16,845 รายที่ลงทะเบียนในปี 2562 ถือเป็นสถิติสูงสุดในรอบปี
ผู้ป่วยหลายรายมีอายุ 19 ปีหรือน้อยกว่า จึงยังมีความกังวลว่าทารกอาจติดโรคนี้จากพี่น้องที่บ้านได้
ตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลกโรคไอกรนแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ง่าย โดยส่วนใหญ่เกิดจากละอองฝอยที่เกิดจากการไอหรือจาม โดยทั่วไปอาการเริ่มแรกจะปรากฏหลังจากติดเชื้อ 7 ถึง 10 วัน เช่น มีไข้เล็กน้อยและมีน้ำมูกไหล ตามด้วยอาการไอแห้งและหายใจมีเสียงไอกรน
โรคปอดบวมเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อย โดยองค์การอนามัยโลกระบุว่าอาการชักและโรคทางสมองอาจเกิดขึ้นได้เป็นครั้งคราว โดยแพทย์จะใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาการติดเชื้อ