ปรัชญาการทำงานแบบ “เจแปนเวย์” ผ่านมุมมองของผู้บริหารชาวไทย ซึ่งผ่านประสบการณ์ทำงานกับชาวญี่ปุ่นมานานกว่า 10 ปี......โดย ดร.ธนศักดิ์ วหาวิศาล กรรมการบริหาร บริษัทอิเดมิตสึ อพอลโล (ประเทศไทย) จำกัด

08
ในภาษาญี่ปุ่น มีคำหนึ่งที่ได้ยินบ่อยที่สุดคำหนึ่งในการทำงาน ในชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่เวลาที่คนหนึ่งคนกำลังเจ็บปวด
คำนั้นคือคำว่า “大丈夫 (Daijoubu)” อ่านว่า “ไดโจบุ” ซึ่งแปลว่า “ไม่เป็นไร” หรือ “โอเคครับ/ค่ะ” มันเป็นคำง่าย ๆ ที่ดูเหมือนคำปลอบใจธรรมดา แต่เมื่อได้ทำงานกับชาวญี่ปุ่นมานานพอ ผมเริ่มเข้าใจว่า ไดโจบุ…ไม่ใช่แค่คำปลอบใจ แต่มันคือ “วัฒนธรรม” ที่สอนให้คน “อดทน”…แม้ในวันที่กำลังเจ็บ
ผมจำได้ว่าเคยเห็นเพื่อนร่วมงานชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งเขานั่งอยู่ตรงมุมโต๊ะประชุม มือข้างหนึ่งกุมท้อง สีหน้าซีด แต่เมื่อผมถามว่า “เป็นอะไรไหมครับ” เขายิ้ม แล้วตอบสั้น ๆ ว่า “Daijoubu desu” – ไม่เป็นไรครับ
วันรุ่งขึ้น เขาลางานด้วยอาการลำไส้อักเสบรุนแรงแต่ในวันนั้น เขายังพยายามนั่งฟังประชุมจนจบ ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า…ทำไมเขาไม่พูดว่า “ไม่ไหวแล้ว”
ทำไมเขาต้องทน คำตอบที่ผมได้จากผู้จัดการชาวญี่ปุ่นอีกคนคือ…
“ในวัฒนธรรมญี่ปุ่น คำว่า ‘ไดโจบุ’ คือเกราะ เพราะเราถูกสอนให้ไม่เป็นภาระให้กับคนอื่น แม้ในวันที่เราเจ็บ เราก็ต้องแสดงว่าเรายังยืนได้”
ผมเริ่มเข้าใจวัฒนธรรมนี้ลึกขึ้นเรื่อย ๆแม้กระทั่งในวันที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมตอนฝนตกหนักที่โรงงาน พนักงานชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่ต้องเดินลุยน้ำเพื่อเข้าในตึกที่ทำงาน ก็ยังยิ้มแล้วพูดกับผมว่า “ไดโจบุครับ เดินลุยน้ำบ้าง ก็เป็นประสบการณ์ดี ๆ”
เขาพูดขำ ๆ แต่ในใจผมกลับรู้สึกหนัก เพราะรู้ดีว่า…บางครั้งคนพูดคำว่า “ไดโจบุ” นั้น อาจกำลังส่งสัญญาณว่า “ฉันไม่ไหวแล้ว แต่ฉันจะไม่บอกคุณ”
เมื่อผมหวนกลับมาทบทวนสิ่งที่เราใช้ในองค์กรที่ประเทศไทย ผมเริ่มเห็นว่า เราก็มีวัฒนธรรมที่คล้ายกันอยู่บ้าง เรายิ้มเวลาถูกตำหนิ เราพยักหน้าทั้งที่ไม่เข้าใจ เรารับงานต่อเนื่องทั้งที่เหนื่อยล้า และเราก็พูดคำว่า “ไม่เป็นไร” ทั้งที่ในใจ…ไม่ไหวอีกแล้ว
คำว่า “ไดโจบุ” ทำให้ผมในฐานะผู้นำเปลี่ยนวิธีคิด
ผมเริ่มมองลึกกว่าคำพูด เริ่ม มองแววตา ท่าทาง และความเงียบที่มาพร้อมกับคำว่า “ไม่เป็นไรครับ”เพราะในโลกของการทำงานที่ต่างคนต่างพยายามเข้มแข็ง เราต้องกล้ารับฟัง…แม้ในเวลาที่อีกฝ่ายไม่พูด
คำว่า “ไม่เป็นไร” บางครั้งก็พูดขึ้น…เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้ว่า “เรากำลังเจ็บ” ในวัฒนธรรมการทำงานญี่ปุ่น ความแข็งแกร่งบางครั้งไม่ได้อยู่ที่การกล้าพูด แต่คือการ “อดทน” เพื่อรักษาสมดุลของทีม อย่างไรก็ตาม…การเข้าใจความเงียบของเพื่อนร่วมงาน คือความกรุณาที่ทุกองค์กรควรปลูกฝัง
“เบื้องหลังคำว่า ‘ไม่เป็นไร’ อาจมีน้ำตาที่กำลังหลบอยู่ในความนิ่งจงฟังให้ลึกกว่าคำพูด เพราะความเข้าใจอาจไม่เคยอยู่แค่ผิวเผินในเสียงที่ส่งออกมา”
08
ในภาษาญี่ปุ่น มีคำหนึ่งที่ได้ยินบ่อยที่สุดคำหนึ่งในการทำงาน ในชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่เวลาที่คนหนึ่งคนกำลังเจ็บปวด
คำนั้นคือคำว่า “大丈夫 (Daijoubu)” อ่านว่า “ไดโจบุ” ซึ่งแปลว่า “ไม่เป็นไร” หรือ “โอเคครับ/ค่ะ” มันเป็นคำง่าย ๆ ที่ดูเหมือนคำปลอบใจธรรมดา แต่เมื่อได้ทำงานกับชาวญี่ปุ่นมานานพอ ผมเริ่มเข้าใจว่า ไดโจบุ…ไม่ใช่แค่คำปลอบใจ แต่มันคือ “วัฒนธรรม” ที่สอนให้คน “อดทน”…แม้ในวันที่กำลังเจ็บ
ผมจำได้ว่าเคยเห็นเพื่อนร่วมงานชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งเขานั่งอยู่ตรงมุมโต๊ะประชุม มือข้างหนึ่งกุมท้อง สีหน้าซีด แต่เมื่อผมถามว่า “เป็นอะไรไหมครับ” เขายิ้ม แล้วตอบสั้น ๆ ว่า “Daijoubu desu” – ไม่เป็นไรครับ
วันรุ่งขึ้น เขาลางานด้วยอาการลำไส้อักเสบรุนแรงแต่ในวันนั้น เขายังพยายามนั่งฟังประชุมจนจบ ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า…ทำไมเขาไม่พูดว่า “ไม่ไหวแล้ว”
ทำไมเขาต้องทน คำตอบที่ผมได้จากผู้จัดการชาวญี่ปุ่นอีกคนคือ…
“ในวัฒนธรรมญี่ปุ่น คำว่า ‘ไดโจบุ’ คือเกราะ เพราะเราถูกสอนให้ไม่เป็นภาระให้กับคนอื่น แม้ในวันที่เราเจ็บ เราก็ต้องแสดงว่าเรายังยืนได้”
ผมเริ่มเข้าใจวัฒนธรรมนี้ลึกขึ้นเรื่อย ๆแม้กระทั่งในวันที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมตอนฝนตกหนักที่โรงงาน พนักงานชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่ต้องเดินลุยน้ำเพื่อเข้าในตึกที่ทำงาน ก็ยังยิ้มแล้วพูดกับผมว่า “ไดโจบุครับ เดินลุยน้ำบ้าง ก็เป็นประสบการณ์ดี ๆ”
เขาพูดขำ ๆ แต่ในใจผมกลับรู้สึกหนัก เพราะรู้ดีว่า…บางครั้งคนพูดคำว่า “ไดโจบุ” นั้น อาจกำลังส่งสัญญาณว่า “ฉันไม่ไหวแล้ว แต่ฉันจะไม่บอกคุณ”
เมื่อผมหวนกลับมาทบทวนสิ่งที่เราใช้ในองค์กรที่ประเทศไทย ผมเริ่มเห็นว่า เราก็มีวัฒนธรรมที่คล้ายกันอยู่บ้าง เรายิ้มเวลาถูกตำหนิ เราพยักหน้าทั้งที่ไม่เข้าใจ เรารับงานต่อเนื่องทั้งที่เหนื่อยล้า และเราก็พูดคำว่า “ไม่เป็นไร” ทั้งที่ในใจ…ไม่ไหวอีกแล้ว
คำว่า “ไดโจบุ” ทำให้ผมในฐานะผู้นำเปลี่ยนวิธีคิด
ผมเริ่มมองลึกกว่าคำพูด เริ่ม มองแววตา ท่าทาง และความเงียบที่มาพร้อมกับคำว่า “ไม่เป็นไรครับ”เพราะในโลกของการทำงานที่ต่างคนต่างพยายามเข้มแข็ง เราต้องกล้ารับฟัง…แม้ในเวลาที่อีกฝ่ายไม่พูด
คำว่า “ไม่เป็นไร” บางครั้งก็พูดขึ้น…เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้ว่า “เรากำลังเจ็บ” ในวัฒนธรรมการทำงานญี่ปุ่น ความแข็งแกร่งบางครั้งไม่ได้อยู่ที่การกล้าพูด แต่คือการ “อดทน” เพื่อรักษาสมดุลของทีม อย่างไรก็ตาม…การเข้าใจความเงียบของเพื่อนร่วมงาน คือความกรุณาที่ทุกองค์กรควรปลูกฝัง
“เบื้องหลังคำว่า ‘ไม่เป็นไร’ อาจมีน้ำตาที่กำลังหลบอยู่ในความนิ่งจงฟังให้ลึกกว่าคำพูด เพราะความเข้าใจอาจไม่เคยอยู่แค่ผิวเผินในเสียงที่ส่งออกมา”