เกียวโดนิวส์ (4 มิ.ย) ข้อมูลของรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า จำนวนการเกิดในญี่ปุ่นลดลงต่ำกว่า 700,000 รายเป็นครั้งแรกในปี 2567 โดยลดลงร้อยละ 5.7 จากปีก่อนหน้าเหลือ 686,061 ราย ซึ่งเน้นย้ำถึงแนวโน้มการแต่งงานและการชะลอมีบุตร
ตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ อัตราการเจริญพันธุ์โดยรวมของญี่ปุ่น ซึ่งก็คือจำนวนบุตรโดยเฉลี่ยที่ผู้หญิงคนหนึ่งคาดว่าจะมีได้ตลอดชีวิต ลดลงเหลือ 1.15 ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ จาก 1.20 ในปี 2566
ทั้งจำนวนการเกิดและอัตราการเจริญพันธุ์ลดลงเป็นเวลา 9 ปีติดต่อกัน อัตราการเกิดของญี่ปุ่นที่ลดลงในปัจจุบันเร็วกว่าการคาดการณ์ของรัฐบาลถึง 15 ปี
นี่คือตัวเลขทั้งปีไม่รวมทารกที่เกิดกับชาวต่างชาติ
จำนวนการแต่งงานซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อแนวโน้มการเกิดในอนาคต เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีในปี 2567 เป็น 485,063 คู่ เพิ่มขึ้น 10,322 ครั้งจากปีก่อน
มีรายงานผู้เสียชีวิตทั้งหมด 1,605,298 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดในช่วงหลังสงคราม ในขณะที่การลดลงตามธรรมชาติ (จำนวนผู้เสียชีวิตลบการเกิด) อยู่ที่ 919,237 ราย ซึ่งถือเป็นการลดลงเป็นปีที่ 18 ติดต่อกัน
อัตราการเกิดของญี่ปุ่นลดลงนับตั้งแต่แตะจุดสูงสุดในช่วงที่เกิดเบบี้บูมครั้งที่สองในปี 2516 ซึ่งมีการบันทึกการเกิดประมาณ 2.09 ล้านคน ตัวเลขดังกล่าวลดลงต่ำกว่า 1 ล้านคนในปี 2559 และต่ำกว่า 800,000 คนในปี 2565
เมื่อจำแนกตามจังหวัด โตเกียวมีอัตราการเจริญพันธุ์ต่ำที่สุดที่ 0.96 รองลงมาคือมิยางิที่ 1.00 และฮอกไกโดที่ 1.01 โอกินาว่าทางตอนใต้ของญี่ปุ่นมีอัตราสูงสุดที่ 1.54 รองลงมาคือฟุกุอิที่ 1.46