เกียวโดนิวส์ (26 พ.ค.) สำรวจความเห็นร้อยละ 59.8 เชื่อว่าราคาข้าวจะถูกลง เมื่อได้รัฐมนตรีฯ คนใหม่ หลังจากที่อดีตรัฐมนตรีถูกปลดฯ เนื่องจากแสดงความคิดเห็นเชิญชวนคนช่วยกันให้ข้าวแทนของขวัญ ซึ่งทำให้ประชาชนไม่พอใจ
จากการสำรวจทางโทรศัพท์ พบว่าร้อยละ 59.8 ว่าราคาข้าวจะถูกลง แสดงความคาดหวังดังกล่าว ในขณะที่ร้อยละ 35.1 ไม่เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะเกิดขึ้นหากชินจิโร โคอิซูมิ เข้ามาดำรงตำแหน่งหัวหน้ากระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง
บุตรชายของอดีตนายกรัฐมนตรี โคอิซูมิ ถือเป็นผู้นำรุ่นใหม่ที่มีความหวังในพรรคเสรีประชาธิปไตยซึ่งเป็นพรรครัฐบาล
ราคาเฉลี่ยของข้าวที่ขายในซูเปอร์มาร์เก็ตญี่ปุ่นยังคงอยู่ที่ระดับสูงกว่าปีที่แล้วประมาณสองเท่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเก็บเกี่ยวที่ตกต่ำนับจากฤดูร้อนปี 2566
ราคาแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4,268 เยน(ประมาณ 970 บาท) ต่อ 5 กิโลกรัมในสัปดาห์ระหว่างวันที่ 5 พฤษภาคมถึง 11 พฤษภาคม แม้ว่ารัฐบาลจะใช้มาตรการแก้ฯ เช่น การปล่อยสต็อกเพื่อรักษาเสถียรภาพของอุปทาน
ผลสำรวจยังแสดงให้เห็นว่าร้อยละ 44.7 เชื่อว่าราคาข้าวควรลดลงต่ำกว่า 3,000 เยนต่อ 5 กิโลกรัม ซึ่งต่ำกว่าที่นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะให้คำมั่นเมื่อไม่นานนี้
มีร้อยละ 45.0 ที่เชื่อว่าการปรับลดราคาข้าวเป้าหมายนั้น "เหมาะสม" โดยมีเพียงร้อยละ 7.6 ที่บอกว่าควรตั้งราคาให้สูงขึ้น
นายโคอิซูมิกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า รัฐบาลมีแผนที่จะขายข้าวที่เก็บไว้ในสต๊อกให้กับผู้ค้าปลีกผ่านสัญญาโดยตรง โดยหลีกเลี่ยงการประมูลที่ขัดขวางการควบคุมราคาของรัฐบาล และมีเป้าหมายที่จะทำให้ข้าวมีจำหน่ายในร้านค้าในราคา 2,000 เยนต่อ 5 กิโลกรัม
จากการสำรวจความคิดเห็น พบว่าร้อยละ 42.2 กล่าวว่าการปลดนายทาคุ เอโตะ รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรออกจากตำแหน่งเมื่อวันพุธ ซึ่งเป็นเวลาสามวันหลังจากที่เกิดความผิดพลาดขึ้นนั้นช้าเกินไป
นายเอโตะตกเป็นเป้าโจมตีหลังจากกล่าวในงานระดมทุนเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมว่าเขา "ไม่เคยต้องซื้อข้าว" เนื่องจากได้รับข้าวจากผู้สนับสนุนเป็นจำนวนมาก ความคิดเห็นดังกล่าวทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้บริโภคและสมาชิกรัฐสภาว่าไม่ใส่ใจต่อสถานการณ์ในช่วงเวลาที่หลายครัวเรือนกำลังประสบปัญหาจากราคาข้าวที่พุ่งสูง
ในช่วงแรก นายอิชิบะพยายามที่จะคงนายเอโตะไว้ แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อแรงกดดันจากฝ่ายค้าน
ผลการสำรวจพบว่าการสนับสนุนคณะรัฐมนตรีของนายอิชิบะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 31.7 เพิ่มขึ้นร่อยละ 4.3 จากการสำรวจเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน ขณะทึ่คะแนนความไม่เห็นด้วยอยู่ที่ร้อยละ 52.6
เมื่อถูกถามว่าอิชิบะควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปอีกนานแค่ไหน ร้อยละ 25.6 ระบุว่าต้องการให้เขาลาออกโดยเร็วที่สุด
มีร้อยละ 31.1 ระบุว่าต้องการให้เขาดำรงตำแหน่งต่อจนกว่าจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในฤดูร้อนนี้ และร้อยละ 22.2 ระบุว่า "อีกปี" ส่วนผู้ที่ต้องการให้อิชิบะดำรงตำแหน่งให้นานที่สุดมีอยู่ร้อยละ 17.2
การสำรวจทั่วประเทศครั้งนี้ได้สอบถามครัวเรือน 584 ครัวเรือนที่คัดเลือกแบบสุ่มซึ่งมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งและหมายเลขโทรศัพท์มือถือ 3,908 หมายเลข โดยได้รับคำตอบจากสมาชิกครัวเรือน 435 รายและผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ 629 ราย