เกียวโดนิวส์ (20 มี.ค.) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้รำลึกถึงเหตุการณ์โจมตีรถไฟใต้ดินโตเกียวด้วยแก๊สพิษซารินโดยกลุ่มลัทธิโอมชินริเกียว โดยญาติของเหยื่อเพื่อย้ำเตือนความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อการร้ายที่เลวร้ายที่สุดในญี่ปุ่น
เจ้าหน้าที่ได้ยืนสงบนิ่งที่สถานีรถไฟคาสุมิกาเซกิ ในเมืองหลวงของญี่ปุ่น เมื่อเวลาประมาณ 8.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่แก๊สพิษซารินถูกปล่อยออกมาในรถไฟเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2538
ชิซึเอะ ทาคาฮาชิ วัย 78 ปี ซึ่งสูญเสียสามีซึ่งเป็นรองนายสถานีที่สถานีรถไฟคาสุมิกาเซกิ จากเหตุการณ์โจมตีครั้งนี้ ได้วางดอกไม้ที่จุดเกิดเหตุ และกล่าวว่า "30 ปีที่ยาวนานมาก ฉันไม่อยากให้ผู้คนลืมเหตุการณ์นี้"
ซารินถูกกระจายในรถไฟใต้ดิน 5 คันในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนตอนเช้าตามคำสั่งของโชโกะ อาซาฮาระ ผู้ก่อตั้งลัทธิ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 14 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 6,000 ราย
แม้ว่าอาซาฮาระ และสมาชิกอีก 12 คน ถูกประหารชีวิตไป และกลุ่มลัทธินี้ถูกยุบแล้ว แต่กลุ่มที่สืบทอดมายังคงเคลื่อนไหวอยู่
ผู้รอดชีวิตบางคนยังคงมีอาการป่วยทางจิตใจจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญและปัญหาสุขภาพที่ยังคงดำเนินอยู่
การโจมตีดังกล่าวสร้างความหายนะให้สถานีรถไฟหลายแห่ง รวมถึงสถานีคาสุมิกาเซกิ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีกระทรวงและสำนักงานของรัฐบาลหลายแห่ง และสร้างความตกตะลึงไปทั่วประเทศที่เคยภาคภูมิใจในความปลอดภัย
อาซาฮาระ ซึ่งมีชื่อจริงว่า ชิซูโอะ มัตสึโมโตะ ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฆาตกรรมหลายคดี รวมถึงเหตุการณ์โจมตีในปี 2538 และเหตุการณ์โจมตีด้วยก๊าซซารินในปี 2537 ที่เมืองมัตสึโมโตะ จังหวัดนากาโน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 100 ราย
สมาชิกลัทธิยังได้สังหารทสึสึมิ ซากาโมโตะ ทนายความที่ช่วยเหลือผู้คนให้หลุดพ้นจากลัทธิพร้อมกับภรรยาและลูกชายทารกในปี 2532
โอมชินริเกียว สลายในปี 2539 แต่กลุ่มที่สืบทอดต่อมาอีก 3 กลุ่ม ได้แก่ Aleph และกลุ่มแยกย่อยอีก 2 กลุ่ม ได้ก่อตั้งขึ้นและยังคงรับสมัครสมาชิกใหม่สืบต่อไป
สำนักงานข่าวกรองความมั่นคงสาธารณะเพิ่งเปิดคลังข้อมูลดิจิทัลที่มีคำให้การของครอบครัวเหยื่อและภาพถ่ายของอาจารย์ของกลุ่ม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะเตือนผู้คนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับลัทธิ