เกียวโดนิวส์ (16 ม.ค) คณะกรรมการติดตามแผ่นดินไหวของรัฐบาลเปิดเผยเมื่อวันพุธว่า โอกาสเกิดแผ่นดินไหวระดับใหญ่ในแอ่งนันไคภายใน 30 ปีข้างหน้าเพิ่มขึ้นเป็นประมาณร้อยละ 80
ทุกเดือนมกราคม จะมีการคำนวณโอกาสเกิดแผ่นดินไหวใหม่ โดยคำนึงถึงเวลาที่ผ่านไป ก่อนหน้านี้ คาดว่าความน่าจะเป็นของแผ่นดินไหวแอ่งน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกขนาด 8 ถึง 9 ริกเตอร์ อยู่ที่ร้อยละ 70 ถึง 80 ตั้งแต่ปี 2561
นาโอชิ ฮิราตะ ประธานคณะกรรมการและศาสตราจารย์กิตติคุณแห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว กล่าวว่า แผ่นดินไหวระดับ 6.0 เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในญี่ปุ่นนับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวบนคาบสมุทรโนโตะ ตอนกลางของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2567 โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากแผ่นดินไหวที่รุนแรงน่าจะยังคงดำเนินต่อไปอีกสักระยะ
ก่อนหน้านี้ไม่เคยพบเห็นแผ่นดินไหวลักษณะนี้ในญี่ปุ่นมาก่อน ทำให้ "ยากที่จะคาดเดาว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะลดลงเมื่อใด" ฮิราตะกล่าว
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นได้เผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอ่งนันไคเป็นครั้งที่สอง หลังจากเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.6 ริกเตอร์ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น
แม้ว่าแรงสั่นสะเทือนจะเกิดขึ้นใต้ขอบด้านตะวันตกของจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว ที่สันนิษฐานว่าเป็นแอ่งนันไค แต่สำนักงานไม่ได้ออกคำเตือนพิเศษ เนื่องจากไม่ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ในทันที
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2567 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกคำเตือนเรื่องแอ่งนันไค หลังจากเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.1 ริกเตอร์นอกชายฝั่งจังหวัดมิยาซากิ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการนำระบบนี้มาใช้ในปี 2560
แอ่งนันไคเป็นร่องลึกใต้ท้องทะเลที่ทอดยาวตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นจุดที่แผ่นเปลือกโลกยูเรเซียและทะเลฟิลิปปินส์มาบรรจบกัน
ญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่มักเกิดแผ่นดินไหวบ่อย หวั่นเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8 ถึง 9 ริกเตอร์ตามแนวแอ่งนันไคมาตลอด 30 ปี โดยมีการคาดการณ์ว่าพื้นที่และบริเวณชายฝั่งกว้างใหญ่จะได้รับผลกระทบจากคลื่นมหาสึนามิ