เกียวโดนิวส์ (31 ต.ค.) ผลการสำรวจความคิดเห็นของสำนักข่าวเกียวโดนิวส์ พบว่าคะแนนนิยมคณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชิเงรุ อิชิบะ อยู่ที่ร้อยละ 32.1 หลังการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งลดลงจาก ร้อยละ 50.7 ก่อนการเลือกตั้ง
จากการสำรวจความคิดเห็นทางโทรศัพท์ทั่วประเทศซึ่งดำเนินการเป็นเวลา 2 วันตั้งแต่วันจันทร์ ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 53.0 ระบุว่าไม่ต้องการให้พรรคร่วมรัฐบาลของพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) และพรรคโคเมโตยังคงอยู่ในอำนาจต่อไป หลังจากที่พ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง ขณะที่อีกร้อยละ 38.4 ต้องการให้ทั้งสองพรรคยังคงบริหารรัฐบาลต่อไป
พรรค LDP กำลังดิ้นรนอย่างหนักเพื่อฟื้นความไว้วางใจของประชาชนที่มีต่อพรรค หลังจากเกิดเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับกองทุนลับ โดยสมาชิกบางคนไม่ได้รายงานรายได้จากการระดมทุนอย่างถูกต้อง
ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 79.2 ระบุว่าไม่เห็นด้วยกับการที่สมาชิกพรรคที่ตกเป็นเหยื่อของเรื่องอื้อฉาวได้รับตำแหน่งสำคัญหลังจากที่ได้รับการเลือกตั้งในการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในขณะที่ร้อยละ 16.3 เห็นด้วย
เมื่อถามว่าพวกเขาต้องการโครงสร้างรัฐบาลแบบใด ร้อยละ 31.5 ตอบว่า "กรอบการทำงานใหม่ผ่านการจัดแนวทางการเมือง" รองลงมาคือ "รัฐบาลที่เน้นไปที่พรรคประชาธิปไตยแห่งประเทศญี่ปุ่นและพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ" ที่ร้อยละ 24.6
รัฐบาลเสียงข้างน้อยที่นำโดยพรรค LDP และพรรคโคเมโต ได้รับเลือกจากผู้ตอบแบบสอบถามน้อยที่สุด โดยมีเพียงร้อยละ 18.1 เท่านั้น
ขณะเดียวกัน ร้อยละ 28.6 ระบุว่า อิชิบะควรลาออกเพื่อรับผิดชอบต่อการสูญเสียเสียงข้างมากของพรรคร่วมรัฐบาลในการเลือกตั้ง ขณะที่ร้อยละ 65.7 รู้สึกว่าไม่จำเป็น
ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ร้อยละ 91.4 เชื่อว่าเรื่องอื้อฉาวกองทุนลับทำให้พรรค LDP เสียที่นั่ง
มีเพียงร้อยละ 23.9 เท่านั้นที่รู้สึกว่าผลการเลือกตั้งจะนำไปสู่การคลี่คลายปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเงินในทางการเมือง ในขณะที่ร้อยละ 72.5 ไม่เชื่อ
เมื่อจำแนกตามพรรคการเมือง อัตราการสนับสนุนพรรค LDP ลดลงเหลือร้อยละ 31.8 จากร้อยละ 42.3 ในการสำรวจครั้งก่อนเมื่อต้นเดือนตุลาคม ในขณะที่อัตราการสนับสนุนพรรคฝ่ายค้านหลักอย่าง พรรคประชาธิปไตยแห่งรัฐธรรมนูญ หรือ CDPJ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 20.3 จากร้อยละ 11.7
ทั้งนี้ การสำรวจทั่วประเทศได้เลือกครัวเรือนที่มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 511 ครัวเรือนและหมายเลขโทรศัพท์มือถือ 3,382 หมายเลข โดยได้รับคำตอบจากสมาชิกครัวเรือน 427 ราย และผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ 636 ราย