เกียวโดนิวส์ (2 ต.ค.) - ชิเงรุ อิชิบะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมวัย 67 ปี สมาชิกพรรคแอลดีพี (Liberal Democratic Party: LDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของญี่ปุ่น ได้รับมติเลือกเป็นหัวหน้าพรรคและว่าที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนใหม่แทนนายกรัฐมนตรีฟูมิโอ คิชิดะ ที่ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคและนายกรัฐมนตรีเมื่อสิ้นสุดวาระในเดือนกันยายน
อิชิบะ เป็นสมาชิกอาวุโสของพรรคแอลดีพีที่ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ตั้งแต่ปี พ.ศ.2529 และเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในหลายกระทรวง ได้พยายามลงสมัครชิงตำแหน่งผู้นำพรรคครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 และตั้งเป้าหมายที่จะลงสมัครครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย
ในที่สุดเขาได้รับชัยชนะได้รับมติด้วยคะแนนโหวต 215 ต่อ 194 เสียง
หลังกระแสความนิยมของพรรคตกต่ำ เผชิญข่าวอื้อฉาวครั้งใหญ่จากกรณีการทุจริตภายในพรรค นายกรัฐมนตรีฟูมิโอ คิชิดะ จึงตัดสินใจยุติบทบาทหัวหน้าพรรคเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยหลังการลงมติเลือกผู้นำคนใหม่ อิชิบะประกาศว่า จะนำพาพรรคแอลดีพีกลับมาอีกครั้ง
สำหรับทิศทางของพรรคในการนำของอิชิบะ ผู้ติดตามการเมืองคาดว่า เขาจะเน้นในประเด็นความมั่นคง กรอบความมั่นคงร่วมกันที่คล้ายกับนาโต ทั้งสนับสนุนให้ญี่ปุ่นลดการพึ่งพาสหรัฐฯ ในการป้องกันประเทศ และเป็นไปได้ว่าจะสนับสนุนพลังงานนิวเคลียร์ภายในประเทศ
ล่าสุด วันนี้ 2 (ต.ค.) ชิเงรุ อิชิบะ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่นกล่าวกับโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่างการพูดคุยทางโทรศัพท์ว่า เขาต้องการเสริมสร้างพันธมิตรของทั้งสองประเทศ แต่ไม่ได้หารือถึงความปรารถนาของเขาที่จะแก้ไขข้อตกลงทวิภาคีที่มีมายาวนานเกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ
อิชิบะ และไบเดนเห็นพ้องต้องกันถึงความจำเป็นในการเจรจาระดับสุดยอดกับเกาหลีใต้และประเทศอื่นๆ
ผู้นำญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ยังได้แบ่งปัน "ความกังวลอย่างจริงจัง" เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของสงครามเต็มรูปแบบในตะวันออกกลาง หลังจากที่อิหร่านโจมตีอิสราเอลด้วยขีปนาวุธ และประณามอย่างรุนแรงถึงการยกระดับความรุนแรงดังกล่าว
“ผมบอกกับประธานาธิบดีไบเดนว่าผมตั้งใจจะเดินตามเส้นทางที่เขาและอดีตนายกรัฐมนตรีคิชิดะวางไว้ในการขยายพันธมิตรทวิภาคีอย่างมีนัยสำคัญและเสริมความแข็งแกร่งให้มากขึ้น” อิชิบะกล่าว หนึ่งวันหลังจากที่เขาได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีแทนที่ฟูมิโอะ คิชิดะ
อิชิบะซึ่งได้บรรยายสถานการณ์ด้านความมั่นคงที่ประเทศกำลังเผชิญว่า “เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง” กล่าวว่าเขาอธิบายถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างการป้องกันของญี่ปุ่น “ทั้งในด้านขนาด (ของการใช้จ่าย) และสาระสำคัญ”
อิชิบะมีความเห็นว่าข้อตกลงสถานะกองกำลังทวิภาคี ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับวิธีปฏิบัติการของกองทหารสหรัฐฯ ที่ประจำการอยู่ในญี่ปุ่นควรได้รับการแก้ไข
เขาได้เสนอแนวคิดในการส่งกองกำลังป้องกันตนเองไปประจำการในสหรัฐฯ เพื่อฝึกอบรม ขณะเดียวกัน ก็จัดการฐานทัพสหรัฐฯ ในญี่ปุ่นร่วมกัน สิ่งอำนวยความสะดวกดังกล่าวส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ในโอกินาวา ซึ่งถือว่ามีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์เนื่องจากอยู่ใกล้กับไต้หวัน รวมถึงหมู่เกาะเซ็นกากุในทะเลจีนตะวันออก ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของญี่ปุ่นแต่จีนอ้างสิทธิ
ระหว่างการพูดคุยทางโทรศัพท์ ผู้นำทั้งสองยังได้หารือถึงความสำคัญของความร่วมมือพหุภาคีที่เกี่ยวข้องกับเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ในเอเชียอีกราย และหุ้นส่วนอื่นๆ
อิชิบะกล่าวว่า "เราต้องการเสริมสร้างเครือข่ายของประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน" โดยพูดถึงกรอบการทำงาน Quad ที่มีชาติสมาชิก ออสเตรเลีย อินเดีย ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ รวมถึงความร่วมมือสามฝ่ายกับฟิลิปปินส์
อิชิบะและไบเดนตกลงที่จะประสานงานอย่างใกล้ชิดในการแก้ไขปัญหาพลเมืองญี่ปุ่นที่ถูกเกาหลีเหนือลักพาตัวไปในช่วงทศวรรษ 1970 และ 1980 ตามที่นายกรัฐมนตรีกล่าว
ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ มีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการทำให้ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก "เสรีและเปิดกว้าง" ซึ่งเป็นภูมิภาคที่รวมถึงทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้
อิชิบะเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ภูมิภาคนี้จะต้องมีกรอบความมั่นคงร่วมกันที่คล้ายกับนาโต เนื่องจากรัสเซียได้รุกรานยูเครนซึ่งไม่ใช่สมาชิกนาโต การโจมตีสมาชิกนาโตถือเป็นการโจมตีสมาชิกอื่นๆ ของนาโต
ทั้งนี้ อิชิบะ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น ประกาศ (30 ก.ย.) ว่า เขาจะยุบสภาผู้แทนราษฎร และจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 27 ต.ค. ให้ประชนชนตัดสินในการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น