เกียวโดนิวส์ (11 มิ.ย.) รัฐบาลระบุเมื่อวันอังคารว่า กำลังพิจารณาขยายการเปิดเผยข้อมูลช่องว่างค่าจ้างระหว่างเพศในบริษัทเอกชน โดยมีเป้าหมายเพื่อจัดการกับความแตกต่างด้านค่าจ้างระหว่างผู้หญิงและผู้ชายในญี่ปุ่น
ภายใต้พิมพ์เขียวนโยบายเพื่อส่งเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจของสตรี บริษัททั้งหมดที่มีพนักงานมากกว่า 100 คน จะถูกคาดหวังให้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าว จากที่ปัจจุบันขอบเขตครอบคลุมเพียงบริษัทที่มีพนักงานมากกว่า 300 คน ซึ่งมีจำนวนประมาณ 17,800 บริษัท
กระทรวงแรงงานระบุว่า ด้วยการขยายขอบเขต จำนวนบริษัทเป้าหมายทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 50,700 แห่ง
รัฐบาลวางแผนที่จะยื่นร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อการประชุมสภาในปี 2568 เพื่อแนะนำข้อกำหนดของบริษัทต่างๆ
จากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ในปี 2566 พบว่า พนักงานชายเต็มเวลาในญี่ปุ่นมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนที่ 350,900 เยน ในขณะที่พนักงานหญิงได้รับรายได้ 262,600 เยน คิดเป็นร้อยละ 74.8 ของรายได้ของผู้ชาย
จากข้อมูลปี 2565 หรือข้อมูลล่าสุดที่มีอยู่จากองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา ช่องว่างค่าจ้างระหว่างเพศอยู่ที่ร้อยละ 21.3 เปอร์เซ็นต์สำหรับญี่ปุ่น เทียบกับร้อยละ 17.0 เปอร์เซ็นต์สำหรับสหรัฐอเมริกา ร้อยละ 11.6 เปอร์เซ็นต์สำหรับฝรั่งเศส และร้อยละ 5.7 เปอร์เซ็นต์สำหรับอิตาลี และประเทศอื่นๆ
ความแตกต่างของค่าจ้างระหว่างเพศในญี่ปุ่น เชื่อกันว่ามีสาเหตุมาจากผู้หญิงในตำแหน่งอาวุโสมีจำนวนน้อย และผู้ชายมีแนวโน้มที่จะทำงานนานกว่าผู้หญิง
จากรายงานดังกล่าว รัฐบาลกำลังเรียกร้องให้บริษัทต่างๆ วิเคราะห์ปัจจัยเบื้องหลังช่องว่าง กระทรวงที่เกี่ยวข้องจะรวบรวมแผนปฏิบัติการสำหรับแต่ละอุตสาหกรรมเพื่อแก้ไขสถานการณ์
รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายสำหรับบริษัทที่จดทะเบียนใน Prime Market ระดับสูงสุดของตลาดหุ้นโตเกียว เพื่อให้บรรลุอัตราส่วนของพนักงานที่เลื่อนตำแหน่งสูงระดับกรรมการบริหาร ที่ร้อยละ 19 ภายในปี 2568 และร้อยละ 30 หรือมากกว่านั้นภายในปี 2573
สำนักงานคณะรัฐมนตรีระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ร้อยละ 13.4 ในปี 2566 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 11.4 ในปีก่อนหน้า
เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย พิมพ์เขียวนโยบายล่าสุดระบุว่า รัฐบาลจะดำเนินการสำรวจบริษัทต่างๆ เกี่ยวกับสัดส่วนจำนวนพนักงานหญิงที่ได้รับเลือกดำรงตำแหน่งผู้บริหาร ตลอดจนกรรมการผู้จัดการบริษัทเอกชน