เกียวโดนิวส์ (7 พ.ค.) เกือบ 12 เปอร์เซ็นต์ของร้านสะดวกซื้อที่ดำเนินการโดยผู้ประกอบการรายใหญ่เลือกที่จะไม่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง โดยอ้างถึงการขาดแคลนพนักงานและความต้องการในช่วงดึกที่ลดลง
เกียวโดนิวส์สำรวจผู้ประกอบการร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ทั้ง 7 ราย ยกเว้นบริษัท Yamazaki Baking Co. ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา พบว่ากว่า 6,400 แห่งจาก 55,000 แห่งในประเทศ เปิดบริการโดยมีเวลาทำการสั้นลงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน
ร้านค้าบางแห่งได้เร่งนำเครื่องบันทึกเงินสดแบบไร้พนักงานมาใช้ เพื่อรับมือกับการขาดแคลนแรงงานที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
Seven-Eleven Japan Co. หรือเซเว่น-อีเลฟเวน ผู้นำในอุตสาหกรรมได้ลดเวลาทำการของร้านค้าเพิ่มเติมกว่า 200 แห่งนับตั้งแต่ปี 2563 ตามคำขอของเจ้าของแฟรนไชส์ ขณะที่บริษัท Lawson Inc. ได้ใช้มาตรการที่คล้ายกันกับร้านค้าอีกประมาณ 100 แห่ง
เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายย่อยอื่นๆ พบว่าสัดส่วนของร้านค้าที่มีเวลาบริการสั้นลง ของร้านสะดวกซื้อชั้นนำ 3 แห่งของญี่ปุ่น ได้แก่ Seven-Eleven Japan, Lawson และ FamilyMart Co. นั้นยังค่อนข้างต่ำอยู่ที่ประมาณ 8 ถึง 10 เปอร์เซ็นต์
Seicomart ซึ่งเป็นร้านสะดวกซื้อที่ใหญ่ที่สุดในฮอกไกโด มีอัตราการลดเวลาบริการของร้านค้ามากที่สุด ที่ร้อยละ 87 ตามมาด้วย Poplar Co. ที่ร้อยละ 79
“เรากำลังใช้มาตรการโดยคำนึงถึงยอดขายและความยั่งยืน” เจ้าหน้าที่ของ Ministop Co. ซึ่งอนุญาตให้ร้านค้า 22 เปอร์เซ็นต์เปิดทำการสั้นลงได้
นับตั้งแต่ Seven-Eleven Japan เปิดร้านสะดวกซื้อแห่งแรกของประเทศในเขตโกโตะของโตเกียวในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2517 ร้านค้าดังกล่าวที่เปิดดำเนินการตลอด 24 ชั่วโมงก็แพร่หลายมากขึ้น โดยลูกค้าไม่เพียงแวะมาซื้อของชำเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบริการทางการเงิน การจัดส่งพัสดุ และความสะดวกสบายอื่นๆ อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดในประเทศเริ่มอิ่มตัว และวิกฤตแรงงานที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น กับคดีความด้านการจ้างแรงงาน ยังมีข้อพิพาทในปี 2562 ระหว่างเจ้าของแฟรนไชส์ในจังหวัดโอซากาและ Seven-Eleven Japan เกี่ยวกับการดำเนินงานตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ได้รับความสนใจจากสาธารณชน เน้นย้ำถึงความกังวลเหล่านี้เพิ่มเติม