สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้ว สวัสดีปีใหม่ไทยครับ สงกรานต์เพิ่งผ่านไปไม่นานเพื่อนๆ คงจะได้กลับไปเยี่ยมบ้านและเล่นสงกรานต์กันอย่างสนุกสนาน สัปดาห์นี้ก็กลับมาทำงานกันแล้วใช่ไหมครับ ปีนี้น่าจะเป็นปีแรกที่ทุกคนรู้สึกว่าไม่ต้องกังวลเรื่องโรคโควิด-19 เหมือน 2-3 ปีก่อน เพราะเห็นหลายที่ดูจะมีความสุขสนุกสนานกลับมาแล้ว ถึงแม้จะบอกว่าเศรษฐกิจยังไม่ค่อยดีนัก ยังลำบากกันบ้างแต่รู้สึกว่าเทศกาลสงกรานต์ในแต่ละท้องถิ่นทั้งตลาดและชุมชนต่างๆ ในปีนี้ค่อนข้างจะจัดได้สนุกสนานมากครับ
สงกรานต์ครั้งแรกๆ ของผม คงเมื่อ 20 กว่าปีก่อน สมัยนั้นน่ะคือผมเป็นนักศึกษามาเที่ยวแบบไม่รู้เรื่องเลยครับทำให้พาสปอร์ตและนาฬิกาเปียกน้ำหมด พาสปอร์ตคือหมึกที่ปั๊มเข้าออกประเทศละลายหมดเลยครับ… (´・_・`) และสมัยนั้นผมเคยไปเที่ยวแถวอาร์ซีเอครับ เห็นมีคนที่สาดน้ำกันแล้วน้ำจะไปขังตามพื้นถนน ภาพติดตามากคือมีคนไปสูบน้ำนั้นใส่ปืนฉีดน้ำมาฉีดคนอื่น รู้สึกว่ามันสกปรกมากเลยแต่เดี๋ยวนี้คงจะไม่มีแบบนั้นแล้ว อีกเรื่องคือผมจำได้ว่าสมัยก่อนโควิดเคยเจอคนเล่นสงกรานต์โดยใช้ปืนฉีดน้ำแรงสูงที่ค่อนข้างจะแรงมาก ซึ่งมันเป็นอันตราย แต่ปีนี้เหมือนไม่มีแล้ว แต่ละคนจะใช้แค่ปืนฉีดน้ำเบาๆ น่ารักๆ ซึ่งน่าจะปลอดภัยมากกว่า
อากาศร้อนระอุแบบนี้การเล่นสาดน้ำกันก็ทำให้เย็นชุ่มฉ่ำกันไป แต่ที่ญี่ปุ่นมีเทศกาลสาดน้ำเหมือนกันนะครับ เพียงแต่เขาสาดน้ำเย็นกันหน้าหนาวครับ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว ตัวอย่างเช่นเทศกาลคาเซโดริ ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองคามิโนยามะ จังหวัดยามากาตะ ทุกวันที่ 11 กุมภาพันธ์ของทุกปี ถือว่าเป็นช่วงที่หนาวที่สุดของปีเลยครับ ด้วยความเชื่อที่ว่าเป็นการอัญเชิญเทพเจ้าลงมาจากภูเขาเพื่อสวดมนต์ขอพรครับ
ในวันนั้นจะมีตัวแทนสวมชุดหลอดฟางที่เรียกว่าเคนได (kendai) เป็นชุดที่ทำจากฟางข้าวและสวมหมวกฟางทรงกรวย ถือเป็นการแต่งตัวเพื่อเป็นตัวแทนเทพเจ้าคาเซโดริที่ลงมาจากขุนเขา จากนั้นผู้ที่แสดงเป็นเทพเจ้าจะเต้นรําและเต้นเป็นวงกลมและเปล่งเสียงร้องดังๆ ไปตลอดทางเพื่อให้ชาวเมืองมารุมล้อมมองดูการเต้นรํา และสาดน้ำใส่เทพเจ้าคาเซโดริครับ ซึ่งช่วงเดือนกุมภาพันธ์ยังเป็นช่วงเวลาที่อากาศหนาวเหน็บ คิดดูนะครับยิ่งเอาน้ำเย็นมาสาดคงทรมานน่าดูเพราะเทศกาลคาเซโดรินี้ใช้น้ำเย็นที่บางทีเกือบจะเป็นน้ำแข็งมาสาดในช่วงเวลาที่หนาวจัด บางวันอุณหภูมิติดลบแบบนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตกันทุกครั้งที่จัดงานครับ
ซึ่งหลายคนบอกว่าการโดนสาดน้ำเย็นจัดในสภาพอากาศหนาวเย็นในฤดูหนาวช่างน่าเห็นใจคนแสดงเป็นเทพเจ้านะครับ แต่คนสาดเชื่อกันว่าการสาดน้ำมีความหมายในการอธิษฐานขอความเจริญรุ่งเรืองของธุรกิจ และช่วยปกป้องจากอัคคีภัย เพื่อความสงบสุขและธุรกิจที่รุ่งโรจน์ตลอดปี คนสาดก็เลยยิ่งสาดน้ำกันสนุกสนานไปเลย นอกจากนี้ ที่ญี่ปุ่นยังมีเทศกาลโหดๆ แนวกระโดดลงทะเลหรือแช่น้ำตกในฤดูหนาวเป็นต้น ในเมืองต่างๆ อีกหลายเทศกาลเลยครับ
ส่วนเทศกาลสาดน้ำของเมืองไทยหรือเทศกาลสงกรานต์ที่ทุกคนรอคอยจะได้กลับบ้านกลับไปภูมิลำเนาไปหาครอบครัว ได้รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ และได้อยู่กับเพื่อนๆ ครอบครัว มีการสังสรรค์กันด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ เพราะสงกรานต์จะเป็นช่วงที่มีวันหยุดยาว โดยเฉพาะคนที่ทำงานสายโรงงานส่วนใหญ่จะมีวันหยุดยาวมาก บางปีถึง 10 วันด้วยน่าอิจฉามากครับ แล้ววันสงกรานต์ตรงกับช่วงเดือนเมษายนที่อากาศร้อนมากๆ พอมีงานสาดน้ำกันก็สนุกสิครับ
สงกรานต์ปีนี้แม้ว่าผมไม่ได้ไปเล่นสาดน้ำลุยแบบเมื่อก่อนแล้ว แค่ได้ไปเดินดูบรรยากาศเฉยๆ ก็รู้สึกสนุกมากครับ บางวันก็อยู่เฉยๆ เสียส่วนใหญ่ แต่ต้องบอกเลยว่าปีนี้แต่ละอำเภอแต่ละชุมชนจัดงานสงกรานต์ได้สนุกยิ่งขึ้น ที่ตำบลที่ผมอยู่มีการแบ่งโซนปิดถนน จัดพิธี มีอุโมงค์น้ำ มีปาร์ตี้โฟม มีรำวง มีสรงน้ำพระ คนเล่นสาดน้ำกันสนุกมาก แล้วเป็นปีที่ผมรู้สึกว่าตกใจและแปลกใจมากเพราะว่ามีรถดับเพลิงของหน่วยงานราชการ 2-3 คันมาจอดเพื่อคอยเอาน้ำมาฉีดคนและฉีดตามถนนต่างๆ ที่รถผ่านไปมาด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกตามาก ผมรู้สึกเหมือนผมได้หัวเราะชอบใจจากก้นบึ้งของหัวใจเป็นครั้งแรกในรอบเวลานาน
ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นนักผจญเพลิงหรือไม่ แต่พี่ชายหน้าตาดีของผมกําลังฉีดน้ำอย่างมีความสุขบนรถดับเพลิง และบ่งบอกว่าประเทศไทยดีที่สุด! สงกรานต์ปีนี้ดีเยี่ยม! และมันกลายเป็นแรงบันดาลใจที่จะทําให้พวกเราได้ชาร์จพลังที่ดีที่สุดอีกครั้งในปีนี้...
ผมหวนนึกถึงการขออนุญาตใช้รถดับเพลิงที่ญี่ปุ่น และประเด็นที่ว่าข้าราชการจะได้รับอนุญาตให้เล่นสนุกได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งผมคิดไม่ออกจริงๆ กับการขับรถดับเพลิงมาใช้ในเทศกาลละเล่นสนุกในชุมชน ในสัปดาห์หน้ามีข่าวประเด็นนี้ในญี่ปุ่นด้วยครับ แล้วผมจะมาเล่าให้ฟังครับ
อย่างไรก็ตาม ผมรักที่มันเป็นแบบนี้ที่เมืองไทย คือมันดีสําหรับทุกคนเพราะจะได้มาเล่นสนุกสนานร่วมกันในวันเทศกาล เพื่อนๆ สนุกมั้ยครับ วันนี้เล่าสู่กันฟังครับ พบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีครับ