xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อห้องสมุดที่ญี่ปุ่นมีคนไร้บ้านเยอะ ทำอย่างไรดี!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้ว เพื่อนๆ ชอบไปห้องสมุดไหมครับ คนญี่ปุ่นจะชอบไปห้องสมุดมากเพราะที่ญี่ปุ่นมีห้องสมุดอยู่เยอะทุกเมือง แต่ว่าเมื่อผมมาอยู่ต่างจังหวัดที่เมืองไทยผมไม่ค่อยได้ไปห้องสมุดนัก เพราะผมไม่รู้ว่ามีห้องสมุดที่ไหนบ้าง อีกอย่างหนึ่งที่คนญี่ปุ่นชอบเข้าห้องสมุดเพราะไปนั่งรับแอร์เย็นๆ ในหน้าร้อน และรับความอบอุ่นในหน้าหนาวนั่นเอง ปกติฤดูร้อนที่ญี่ปุ่นจะร้อนมากๆ คล้ายๆ หน้าร้อนของเมืองไทยเลยครับ พวกนักเรียนนักศึกษา หรือคนทั่วไปจะเข้าไปหามุมอ่านหนังสือหรือทำการบ้านหลบร้อนกันในนั้น ซึ่งจะช่วยประหยัดแอร์และค่าไฟฟ้าที่บ้านได้อีก แถมส่วนใหญ่เป็นห้องสมุดสาธารณะ จึงไม่เสียค่าใช้จ่ายหรือค่าธรรมเนียมใดๆ ด้วย ห้องสมุดสาธารณะแทบจะมีอยู่ทุกเมืองทุกพื้นที่เลยครับ แล้วยังมีห้องสมุดใหญ่ๆ ประจำเมืองอีกด้วยครับ


ตามปกติห้องสมุดหรือสถานที่สาธารณะที่ญี่ปุ่นจะไม่มีการห้ามเข้า คือทุกคนสามารถเข้าได้ ดังนั้น อาคารห้องสมุดในเมืองนั้นๆ มักจะมีคนไร้บ้านเข้าไปนั่งเล่นแอบอิงอาศัยอยู่ในห้องสมุดเป็นประจำ ตัวผมเองเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสืออยู่แล้วและยังถูกปลูกฝังให้เข้าห้องสมุดมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเวลาที่ผมไปเจอห้องสมุดที่เงียบๆ แล้วได้มุมอ่านหนังสือดีๆ สักมุมหนึ่ง ผมจะมีความสุขมากๆ ตอนที่ผมยังทำงานข้าราชการที่ญี่ปุ่นผมอยากจะได้ทำงานที่ห้องสมุดสาธารณะมากๆ เลยครับ คงมีความสุขทุกวัน แต่ไม่สามารถขอย้ายเข้าไปทำได้เพราะว่าใครๆ ก็อยากทำงานในห้องสมุดกัน ทีนี้ผมมีเพื่อนที่เขาได้ทำงานในห้องสมุดครับ ผมอยากรู้ว่าเขามีความสุขไหม? ที่ได้ทำงานในแผนกที่ใครๆ คืออยากเข้าไปทำ


เขาบอกว่าห้องสมุดสาธารณะไม่ใช่เป็นแหล่งเรียนรู้ของคนในชุมชนเสียแล้วล่ะ กลายเป็นแหล่งที่พักสำหรับคนที่ต้องการสวัสดิการเสียมากกว่า!! คือเข้าใจว่าเขาอาจจะพูดแซวเล่นๆ เพราะอย่างที่บอกไปว่าห้องสมุดสาธารณะจะมีคนไร้บ้านมาอยู่กันเยอะ และไม่สามารถห้ามพวกเขาเข้าด้วยครับ ทุกคนมีสิทธิเข้ามาใช้สถานที่สาธารณะ คือต้องบอกว่าช่วยไม่ได้อ่ะครับ ต้องยอมปล่อยให้เขาเข้ามากัน แต่บางที่มีป้ายร้องขอนะครับ เช่น ให้รักษาความสะอาด ไม่ส่งกลิ่นรบกวน เป็นต้น


ผมนึกย้อนไปตอนที่เรียนจบมหาวิทยาลัยใหม่ๆ ด้วยความที่ผมไม่ได้สมัครงานตั้งแต่ตอนเรียนปี 3 พอเรียนจบมันก็ช้าเกินไปแล้วที่จะสมัครงานต่างๆ แถมเป็นช่วงอายุรุ่นที่ไม่มีงานด้วย ไม่มีคนในบริษัทเดิมๆ เกษียณหรือลาออก ก็ไม่มีตำแหน่งงานใหม่ๆ มากนัก ทำให้ผมไม่สามารถหางานได้ในตอนนั้น ผมต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในการนั่งอ่านหนังสือที่ห้องสมุดสาธารณะ เอ๊ะ ผมไม่ใช้คนไร้บ้านแต่ก็ตกงานอยู่นะเนี่ย! วันหนึ่งผมไปห้องสมุดแถวมหาวิทยาลัยครับใกล้ๆ ย่านอิเคะบุคุโระ วันนั้นไปห้องสมุดสาธารณะที่ดูดีอยู่นะครับ พอเข้าไปเจอคนไร้บ้านประมาณ 4-5 คนอยู่ในนั้น กำลังนั่งพูดคุยกันอยู่!


ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปใกล้จนได้ยินพวกลุงเขาคุยกันหรอกครับ แต่แอบได้ยินเขาคุยกันจนได้ เขาคุยกันเรื่องเศรษฐกิจญี่ปุ่นนะครับ เรื่องนี้เมื่อประมาณ 20 กว่าปีที่แล้วนะครับ ลุงๆ เขาบอกว่าถ้าเงินเยนแข็งอย่างนี้เนี่ยมันจะดีต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นนะ!! แล้วเขาก็วิเคราะห์เศรษฐกิจกันเก่งมากๆ ขนาดผมแอบฟังยังต้องยอมรับว่าเห็นด้วยกับพวกเขา ผมคิดว่าเออน่าจะจริงแบบนั้น ให้ลุงสอนเสียแล้ว (´・ω・`)


ประเทศญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับห้องสมุดมาก จึงมีห้องสมุดอยู่ทั่วไป ทั้งที่สถานศึกษาต่างๆ แหล่งชุมชน และห้องสมุดใหญ่ประจำเมือง แต่ละที่จะมีคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างกันไปก็ได้ บางแห่งมีสถาปนิกชื่อดังออกแบบ บางแห่งมีเอกชนมาร่วมทุน เช่น ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยวาเซดะ เพิ่งเปิดตัวห้องสมุดมูราคามิไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่เอง เป็นห้องสมุดที่มีคอลเลกชันหนังสือของนักเขียนชื่อดังฮารุกิ มูราคามิ มีการเก็บรักษาต้นฉบับงานเขียน และหนังสือจากห้องสมุดส่วนตัวของมูราคามิ มีการเก็บทั้งเอกสาร หนังสือ แผ่นเสียงของมูราคามิไว้ด้วย คนรักวรรณกรรมหรือแฟนของนักเขียนมูราคามิ รวมทั้งคนรักดนตรี รักกาแฟ น่าจะรักอาคารสวยๆ แห่งนี้ครับ


และยกตัวอย่างห้องสมุดในเมืองเล็กๆ อย่างทาเคโอะ จังหวัดซากะ ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมดและพลิกโฉมภาพลักษณ์เดิมๆ ของห้องสมุดด้วยการตกแต่งภายในเน้นให้ห้องสมุดมีความสว่างและพื้นที่เปิดโล่ง สบายตา สบายใจมากครับ นักอ่านสามารถเลือกมุมที่จะได้ผ่อนคลาย ในนั้นมีร้านกาแฟ มีเพลงฟัง มีร้านหนังสืออยู่ด้วย ครบครันภายในพื้นที่อันกว้างขวางครับ

หรือบางห้องสมุดจะเน้นด้านวรรณกรรมเด็ก มีงานสำหรับเด็กไว้ให้ผู้อ่านระลึกความทรงจำ มีมุมสำหรับเด็กด้วย ขนาดผู้ใหญ่ยังอยากเข้าไปอ่านหนังสือมาก เด็กๆ จะเข้าไปเล่นเกมพัฒนาการมากมาย ถ้าเพื่อนๆ ได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นลองแวะไปดูชมห้องสมุดสักแห่ง ได้อยู่ท่ามกลางชั้นหนังสือที่สวยงามในอาคารที่ออกแบบอย่างประณีตบรรจง ทำให้มีความเพลินใจดีครับ

เพราะไม่ใช่แค่ห้องสมุดที่มีไว้สำหรับอ่านหนังสือเท่านั้น บางแห่งไม่เชิงว่าเป็นห้องสมุดแต่ยังเป็นร้านหนังสือกึ่งแกลเลอรี มีพื้นที่จัดแสดงงาน บางห้องสมุดมีพื้นที่ทำงาน มีห้องประชุม และพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมอื่นๆ หลากหลายรูปแบบมากครับ และส่วนใหญ่เปิดทำการ 7 วันต่อสัปดาห์ (ขึ้นอยู่กับแต่ละแห่ง) ไม่เว้นวันหยุด เรียกได้ว่าคนรักหนังสือและชอบบรรยากาศห้องสมุดคงจะอยู่ได้เป็นวันๆ แน่นอนครับ ถ้าเป็นที่เมืองไทยแล้วมีร้านนวดสปาข้างในนั้นด้วย คงเพลินน่าดูเลยครับ วันนี้เล่าสู่กันฟัง พบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น