สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้ว เพื่อนๆ ชอบไปวัดไหมครับ วัดที่เมืองไทยมีเยอะมาก ผมเห็นวัดใหญ่ๆ มักจะมีของสะสมที่ดูเหมือนพิพิธภัณฑ์ และผมก็ชอบดูของเก่าของสะสมเหล่านั้นมาก ตอนที่ผมอยู่กรุงเทพฯ ผมชอบไปวัดบวรนิเวศวิหารมากครับ และผมก็ชอบไปพิพิธภัณฑ์และห้องสมุดเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารมากเพราะผมไปดูเครื่องอัฐบริขารและสิ่งของเครื่องใช้ของเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารตั้งแต่พระองค์แรก ยิ่งเห็นผมก็คิดถึงสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช ครั้งหนึ่งที่ผมเคยบวชที่นั่น หรือถ้าผมไปจังหวัดอื่นๆ จะเห็นวัดใหญ่ๆ ก็มีสิ่งของเครื่องใช้ของเจ้าอาวาสเหมือนกันผมชอบไปยืนดูครับ
ทำให้ผมนึกถึงสมัยที่ผมเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย วันหนึ่งผมนัดกับเพื่อนที่จุดนัดพบหอนาฬิกาของมหาวิทยาลัย แต่เราไม่รู้จะไปไหนกันดี และไม่รู้จะทำอะไรครับ จึงเดินกันไปเรื่อยๆ ในช่วงนั้นกำลังร้อนด้วย ระหว่างที่เดินไปไม่มีจุดหมายเท่าไหร่ แต่คุยกันว่าลองเดินไปเรื่อยเปื่อยออกไปทางจังหวัดไซตะมะกันไหม ก็ตกลงไปครับเราเริ่มเดินตั้งแต่ 10.00 น. (เดินถึงตีสามเลยครับ ) หิวก็แวะตามร้านสะดวกซื้อ อยากแวะไหนก็แวะ ระหว่างทางก็เดินมองข้างทางไปเรื่อยๆ จากในเมืองที่มีตึกรามบ้านช่องมากมาย จนมาถึงเขตชนบทที่แทบไม่มีบ้านคนจะเป็นทุ่งนามีบ้านอยู่ห่างๆ กัน
สักบ่ายสองบังเอิญไปถึงบ้านของ อิจิโร ฮาโตยามะ (鳩山 一郎 ) อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เป็นบ้านหลังใหญ่มาก พวกผมเลยเข้าไปดูกันแบบงงๆ ทันใดนั้นก็เจอพนักงานต้อนรับสาว 2 คนซึ่งสวยมากๆ ด้วยความที่พวกเราไปกันแบบไม่ได้คิดวางแผนไว้ก่อน และไม่คาดคิดว่าชนบทขนาดนี้จะเจอสาวสวยมากกว่าที่เคยเจอในเมือง!! มันเลยทำให้พวกผม 2 คนทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว แถมทำตัวผิดปกติเหมือนคนไม่สุภาพไปเลย เกร็งสุดๆ เพื่อนผมปกติเป็นคนเรียบร้อยและสุภาพมากแต่พอไปเจอแบบนี้แปลกผิดปกติไปเลยครับ อยู่ๆ ทำตัวขี้โมโหครับผมไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้นเหมือนกัน นึกแล้วขำครับ
คือเราไม่คิดครับว่าเรามาถึงชนบทนอกเมืองขนาดนี้จะมาเจอบ้านสวยหลังใหญ่ที่เขาเปิดให้เข้าชมข้าวของเครื่องใช้ของอดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น แล้วดันมาเจอสาวสวยมาก ก็ทำท่าทางเปิ่นๆ เลยครับ ในบ้านเป็นคล้ายๆ พิพิธภัณฑ์เก็บสะสมของเก่าๆ ของท่านนายกอิจิโร ฮาโตยามะ มีของในบ้านมากมายซึ่งพวกเราจำรายละเอียดทั้งหมดไม่ค่อยได้ แต่สิ่งที่ผมจำได้แน่ๆ คือบนโต๊ะทำงานของเขามีไม้ปั่นหูวางไว้ เป็นไม้ปั่นแบบมีขนนะครับ ผมก็สงสัยครับว่าต้องวางไม้ปั่นหูไว้ให้ดูด้วยหรอ มันไม้ปั่นหูของจริงตั้งแต่สมัยนั้น หรือใครแอบเอามาวางไว้ก็ไม่รู้ งงว่าวางไว้ทำไม
แต่ว่ากันว่าคนญี่ปุ่นชอบปั่นหูมากครับ ซึ่งที่จริงแล้วการปั่นหูมันทำให้สุขภาพดีจริงหรือเปล่า?
แม้ว่าปัจจุบันคุณหมอมักจะไม่แนะนำให้ปั่นหูนะครับเขาบอกว่าถ้าปั่นหูและทำความสะอาดนิดหน่อยได้ก็ดี แต่ถ้าไปปั่นแล้วดันขี้หูเข้าไปอยู่ลึกๆ แล้วไปสะสมอุดตันอยู่ในสุดจะไม่ดีเลย
การทําความสะอาดหูจึงเป็น “ความสุขต้องห้ามที่ไม่ควรทํา" หากทําความสะอาดหูมากเกินไปจะเป็นขี้หูอุดตันได้
คุณหมอบอกว่าขี้หูมีบทบาทสําคัญในการทําให้หูชุ่มชื้นปานกลาง ช่วยกรองปิดกั้นฝุ่นไม่ให้ไปด้านใน และป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย จึงไม่ต้องคิดว่ามันเป็นของที่ต้องกำจัดออกมากเกินไป และปกติจะมีการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนเซลล์เก่า หากไปทําลายวงจรการทําความสะอาดตัวเองด้วยการทําสิ่งที่ไม่จําเป็น ขี้หูจะสะสม และจะมีการอุดตันและอาจหูหนวกได้ ที่ญี่ปุ่นประมาณ 10% ของเด็กและประมาณ 5% ของผู้ใหญ่มีอาการดังกล่าว และพบสูงในหมู่ผู้สูงอายุและผู้ที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการครับ
◆ ดังนั้นจึงมีข้อแนะนำที่ควรทำ คือ
・ระวังอย่าทําความสะอาดหูมากเกินไป
・อย่าแหย่หูด้วยของบางๆ เช่น สําลีก้าน เพราะมันดันขี้หูไปด้านในและอาจทำให้อุดตันและเกิดการอักเสบ
・หากมีอาการปวดหู สูญเสียการได้ยิน หรือหูอุดตัน ควรไปพบแพทย์เพราะขี้หูอาจไม่ใช่สาเหตุ
・คนส่วนใหญ่ไม่จําเป็นต้องทําความสะอาดหู และมีความแตกต่างของแต่ละบุคคลในการดูแลที่ถูกต้อง
・ห้ามทําความสะอาดหูด้วยเทียน เพราะไม่มีผลในการกําจัดขี้หู และจะทําลายช่องหูและแก้วหูได้
แต่ตอนนี้สําลีก้านเป็นกระแสหลักด้วยเหตุผลด้านสุขอนามัย แม้แต่ผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดของสําลีก้านดั้งเดิมที่ต่างประเทศก็มีโน้ตของแพทย์บนกล่องว่า "ไม่ใช่สําหรับทําความสะอาดหู" อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังตามคำเตือนที่กล่าวไปด้านบนครับ วันนี้เล่าสู่กันฟังครับ พบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีครับ