สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้ว ผมได้อ่านเรื่องที่แชร์กันทาง SNS ของญี่ปุ่น มีผู้ชายคนหนึ่งโพสต์ว่าเขาได้ไปดูคอนเสิร์ตเบทโฮเฟิน (Ludwig van Beethoven) คีตกวีและนักเปียโนชื่อดังชาวเยอรมัน หรือที่คนไทยเรียกว่าเบโทเฟนนั่นแหละครับ จากนั้นมีสาวคนหนึ่งบอกว่า “ว้าว?! ที่ญี่ปุ่นใช่ไหม ฉันอยากเจอเบโทเฟนจังเลย” ทำให้คนอ่านอื่นๆ งงงวยกับสิ่งที่สาวคอมเมนต์ไป บางคนก็บอกว่านี่เธอไม่รู้จริงๆ เหรอว่าเบโทเฟนนะเสียชีวิตไปนานกว่าสองร้อยปีแล้ว หลายคนคิดว่าผู้หญิงคนนี้บ๊องหรือเปล่า!
แต่ผมมองว่าเธออาจจะไม่อยากให้คนโพสต์เสียหน้าก็ได้ จึงพูดแบบถนอมน้ำใจสไตล์คนญี่ปุ่น พูดให้รู้สึกเป็นพวกเดียวกัน เป็นคำตอบที่มีการพิจารณาอย่างรอบคอบมากกว่าจะสื่อออกไปโดยมีปฏิกิริยาด้านลบ และผมคิดว่าถ้าเป็นสายอาชีพน่าจะเป็นการบริการลูกค้าแบบมืออาชีพ ซึ่งน่าจะดีกว่าพูดว่า
"อะไรนะ!! ฉันไม่รู้เกี่ยวกับเบโทเฟน ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ไม่เห็นน่าสนใจ"
"คุณไม่เผลอหลับไปเพราะความเบื่อหน่ายเบโทเฟนเหรอ"
ที่จริงผมคิดว่า คนญี่ปุ่นทั้งเด็กประถม มัธยมต้น มัธยมปลายจะมีวิชาเรียนดนตรีซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเรียนเพลงของเบโทเฟน แล้วที่ห้องดนตรีจะมีรูปเบโทเฟน และผู้มีชื่อเสียงทางดนตรีติดไว้ ดังนั้น คนญี่ปุ่นจึงค่อนข้างจะรู้จักเบโทเฟนดี นอกจากนี้ ถ้ามีหัวข้อพูดเกี่ยวกับภูตผีปีศาจในอาคารก็จะต้องมีเรื่องเกี่ยวกับเบโทเฟนด้วยเพราะมีรูปติดไว้เยอะ บางคนบอกว่าตอนกลางคืนเบโทเฟนจะออกมาจากรูปแล้วก็ไปเดินตรวจทั่วโรงเรียน!! (´・ω・` ;) ที่จริงก็มีรูปนักดนตรีหลายๆ คนติดอยู่ในห้องดนตรีนะครับ แต่ไม่รู้เป็นอย่างไรเด็กญี่ปุ่นจะชอบล้อกันแต่เบโทเฟน!
กลับมาถึงนิสัยคนญี่ปุ่นก็อย่างที่ทราบกันดีว่าจะเหมือนมีกำแพงมากั้นระหว่างกัน เช่น เรื่องลูกน้องเจอนายญี่ปุ่นที่ไม่สนิทกันในห้องน้ำ หรือเจอกับหัวหน้าแบบไม่ทันตั้งตัว รู้จักแบบไม่สนิทสนมแต่ก็ไม่ได้เกลียดกัน เขาจะรู้สึกว่าไม่มีอะไรจะคุย อึดอัดเล็กน้อย ไม่รู้จะทำอย่างไร คนไทยเป็นไหมครับ?!
ดังนั้น วันนี้อยากจะพูดคุยว่าถ้าคนที่ไม่รู้จักกันดี ไม่สนิทกันมาก แต่อาจจะทำงานอยู่ในบริษัทเดียวกันหรือเป็นคนที่เคยรู้จักกัน แต่มาเจอกันโดยบังเอิญ คนญี่ปุ่นจะคุยอะไรและควรทำอย่างไร?
เป็นเรื่องจริงที่คนญี่ปุ่นเวลาเจอกันแล้วไม่รู้จะคุยอะไร จึงหยิบยกเรื่องสภาพภูมิอากาศ
และหัวข้อที่ดูจะปลอดภัยที่สุดในการคุยในลักษณะนี้คงจะเป็นเรื่องของสุขภาพ โดยเฉพาะเรื่องของความดันโลหิตครับ
ทำไมคนญี่ปุ่นจึงชอบพูดเรื่องดินฟ้าอากาศมาก เพราะบางครั้งสภาพอากาศของญี่ปุ่นแปรปรวนเปลี่ยนแปลงบ่อย โดยเฉพาะช่วงเปลี่ยนฤดูกาล เช่น จากฤดูหนาวไปฤดูใบไม้ผลิ จากฤดูใบไม้ผลิไปฤดูร้อน จากฤดูร้อนไปฤดูใบไม้ร่วง จากฤดูใบไม้ร่วงไปฤดูหนาว มีอากาศแปรปรวนมาก อาจจะ 3 วันดี 4 วันร้าย คือ 3 วันที่อากาศหนาวเย็นมาก แต่วันต่อมาอบอุ่นแบบผิดปกติ พอวันต่อมากลับมาหนาวอีก เป็นต้น หรือบางวันมีหลายฤดูทั้งหนาวทั้งฝนแต่กลางวันร้อน สรุปว่าสลับกันมีทั้งอากาศหนาวเย็น อากาศร้อน บางครั้งมีฝนตกสลับกัน จนมีสำนวนว่า 三寒四温 Sankan shion ครับ ซึ่งลักษณะอากาศเช่นนี้อาจทำให้ร่างกายปรับสภาพไม่ทัน และมีเชื้อโรคหลายชนิดสามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สุขภาพร่างกายต้องปรับตัวอย่างมาก คนที่ไม่แข็งแรงอาจจะเจ็บป่วยได้ง่าย เป็นเรื่องกลางๆ ทั่วไปที่คนทั่วไปมองเห็นและไม่ทำให้ผิดใจกัน
แล้วถ้าคนญี่ปุ่นไปห้องน้ำ จังหวะนั้นหัวหน้าก็เดินเข้ามาพอดี เขาจะทำอย่างไร? ตอบเลยว่า ถ้าคนในออฟฟิศญี่ปุ่นจะไม่หาเรื่องมาเมาท์มอย หรือนินทาคนอื่นๆ เพราะอาจมีเรื่องได้ Σ( ゚д゚ ) …แต่จะหาหัวข้อที่เป็นเรื่องทั่วๆ ไป และไม่พูดหรือทำการใดที่กระทบกระเทือนถึงผู้อื่นครับ หรือถ้าเจอกันโดยบังเอิญบนรถไฟระหว่างทางกลับบ้านก็ไม่จําเป็นต้องคุยกันเลย ไม่เป็นไรครับ
ตอนที่ผมเพิ่งเข้าทำงานที่ญี่ปุ่น เพื่อนๆ พี่ๆ ในวงปาร์ตี้หลังเลิกงานก็พูดคุยกันเฮฮา อยู่ๆ หัวหน้ารองก็ตามมาร่วมวงเหล้า จากนั้นก็มีหัวข้อสนทนาจากเขาว่า ถ้าเขาลาออกแบบเกษียณอายุก่อนกำหนด เขาจะได้เงินจำนวนหลายสิบซองซึ่งถือว่ามากทีเดียว แต่ถ้าเขาอดทนทำงานต่อไปเรื่อยๆ ปีหนึ่งๆ เขาก็ยังได้เงินเดือนรายปีรวมกันแล้วจะได้มากกว่าเงินลาออกก่อนกำหนด เขาจะเอาอย่างไรดี??!! และก็พูดวนไปวนมาเรื่องนี้เรื่องเดียวนานมาก และยังถามคนนั้นคนนี้ว่า คิดว่าอย่างไรกับเรื่องนี้ ช่วยตอบหน่อย!? คือเรื่องในประเด็นเช่นนี้คงไม่มีใครกล้าตอบความเห็นของตัวเองออกไป แล้วใครจะกล้าตอบแกว่าก็ออกไปสิ ใช่ไหมครับ!!
หรือการพูดเรื่องเงินทอง เช่น ค่าเช่าและค่าเล่าเรียนของเด็ก ก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่ไม่พูดรายละเอียดมากเกินไป ในทางกลับกันเป็นการดีกว่าที่จะไม่พูดถึงการเมืองแม้ว่าจะอยู่ที่ทํางานหรือหลัง 5 โมงก็ตาม ซึ่งก็เหมือนกับประเทศไทยใช่ไหมครับ มันน่ากลัวเกินไป
สิ่งที่แย่กว่านั้นคือเรื่องราวของศาสนา หากคนญี่ปุ่นได้รับการชักชวนเข้าร่วมศาสนาจากเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงาน มันอันตรายพอที่บางคนคิดจะลาออกอย่างจริงจังและพิจารณาเปลี่ยนงาน และแน่นอนว่าเป็นหัวข้อที่ไม่ควรพูดครับ มันเป็นประเด็นที่ต้องระวังให้มากที่สุด ผมคิดว่าการพูดหัวข้อเบาๆ เช่น งานอดิเรก เช่น การตกปลาและการพักผ่อน ดนตรี และเรื่องราวการเดินทางก็ดีแต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะสนใจหรือไม่
ดังนั้น การพูดกับเพื่อนๆ ในการสนทนาต่างๆ คนญี่ปุ่นจึงมักป้องกันตัวเองโดยพูดเรื่องที่ปลอดภัยกับตัวเอง คือ เรื่องความดันโลหิต เรื่องสภาพดินฟ้าอากาศนั่นเอง เพราะว่าเป็นหัวข้อที่ไม่กระทบใคร
( ´∀`*)" ความดันโลหิตของผมสูงไปหน่อย... มันจะอันตรายมั้ยนี่เกือบจะ 170 แล้ว "
( ◉◞౪◟◉)"ระดับกรดยูริคก็สูงนะเนี่ย ระดับเกลือต่ำ ผมหยุดดื่มไม่ได้ และถ้าผมดื่มเบียร์หลังเลิกงาน ระดับกรดยูริคของผมอาจเพิ่มขึ้นอีก..."
(´Д`*)"ว้าว แย่จัง ผมยังไม่อยากตื่นเลย วันที่อากาศหนาวเหมือนวันนี้..." เป็นต้น
เป็นสิ่งสําคัญครับ คนญี่ปุ่นจึงพูดถึงสภาพอากาศและความดันโลหิตกัน เพราะจะไม่มีใครเจ็บปวด และไม่กระทบใคร ดังนั้นจึงดีที่สุด! วันนี้เล่าสู่กันฟังครับ พบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีครับ