คอลัมน์ “เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น” โดย “ซาระซัง”
สวัสดีค่ะเพื่อนผู้อ่านทุกท่าน ฤดูหนาวที่ญี่ปุ่นเป็นเวลาที่เหมาะแก่การแช่ออนเซ็นเป็นที่สุด ยิ่งถ้าเป็นบ่อกลางแจ้งแล้วยิ่งรู้สึกดี เพราะได้สูดอากาศสดชื่นของฤดูหนาวไปพลาง ทว่าไม่ใช่แค่คนเท่านั้นที่ชอบออนเซ็น สัตว์บางชนิดในญี่ปุ่นเองก็พากันติดใจเมื่อได้ลองแช่ตัวในน้ำอุ่นจัดเหมือนกัน ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วสัตว์เหล่านี้ไม่ได้มีปกติแช่น้ำร้อนกันเสียด้วย เรามาดูกันดีกว่าว่าอะไรเป็นเหตุให้พวกมันเกิดติดใจออนเซ็นขึ้นมา
สิงแสม
ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากตอนที่เห็นภาพลิงแสมญี่ปุ่นแช่ออนเซ็นท่ามกลางหิมะโปรยปราย พลางนึกสงสัยว่าตอนพวกมันขึ้นจากบ่อแล้วไม่มีผ้าเช็ดตัวจะไม่หนาวหรือไร เคยคิดว่าอยากจะไปดูถึงที่แล้วก็ไม่ได้ไปเสียที จนเดี๋ยวนี้มียูทูปให้ดูเยอะแยะเลยค่ะ
สวนลิงป่าหุบเขานรก (地獄谷野猿公苑 จิโงขุดานิ ยะเอ็นโคเอ็น) หรือที่เรียกกันภาษาอังกฤษว่า “Snow Monkey Park” ในจังหวัดนางาโนะ เป็นสถานที่ยอดนิยมในญี่ปุ่นซึ่งให้คนมาชมดูลิงแช่น้ำพุร้อนมาตั้งแต่ พ.ศ.2507 ที่เรียกว่าเป็นหุบเขานรกเพราะคนโบราณเห็นว่ามีควันพวยพุ่งออกมาจากหน้าผาสูงชัน ซึ่งปกคลุมด้วยหิมะยาวนานถึงเกือบ 1 ใน 3 ของปี
จุดเริ่มต้นของลิงป่าแช่ออนเซ็นว่ากันว่ามาจากการที่ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากลิงที่มาขโมยกินแอปเปิลในสวนซึ่งอยู่ในละแวกใกล้เคียง พวกเขาจึงใช้วิธีให้แอปเปิลส่วนหนึ่งเป็นอาหารลิง จะได้ไม่มาขโมยกินในสวน ทีนี้บังเอิญว่าสถานที่ให้อาหารอยู่ใกล้เรียวคัง (โรงแรมแบบญี่ปุ่น) โดยตอนนั้นลิงยังไม่ได้เข้าไปแช่ในออนเซ็น เพียงแต่ชอบไปรวมกลุ่มกันอยู่ใกล้ท่อขนส่งน้ำร้อนไปยังบ่อกลางแจ้ง เพราะตรงนั้นมันอุ่นดี
วันหนึ่งในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังโยนแอปเปิลให้เป็นอาหารลิง แอปเปิลหล่นลงไปในบ่อออนเซ็นกลางแจ้ง ลิงเห็นดังนั้นก็ลังเลในทีแรก แต่ด้วยความอยากได้แอปเปิล จึงลงไปในบ่อเพื่อเก็บแอปเปิลแล้วรีบขึ้นมา แต่แล้วลิงตัวเดิมก็กลับลงไปในบ่อใหม่อีกรอบโดยไม่สนใจแอปเปิล จากนั้นก็แช่ตัวอยู่ในบ่อครู่หนึ่ง
วันต่อมาเจ้าหน้าที่จึงลองโยนแอปเปิลลงไปในออนเซ็น ลิงตัวที่เคยลงไปในบ่อแล้วไม่ลังเลที่จะลงไปคว้าแอปเปิล พร้อมทั้งกินแอปเปิลไปแช่ตัวไปอย่างสบายใจเฉิบ พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฝูงลิงจึงเริ่มรู้จักแช่ตัวในบ่อน้ำร้อนโดยไม่ต้องใช้แอปเปิลมาล่ออีก แล้วปัจจุบันก็มาแช่ตัวกันเป็นกิจวัตร
เหตุผลที่ลิงแสมญี่ปุ่นแช่ออนเซ็นเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น ว่ากันว่าปัจจุบันมีลิงราว 250 ตัวมาวนเวียนหาอาหารและแช่ออนเซ็นดังกล่าว เพื่อให้อยู่รอดในฤดูหนาวที่หุบเขานรกแห่งนี้ ซึ่งอุณหภูมิลดต่ำกว่า -10 องศา ส่วนช่วงฤดูร้อนจะไม่แช่
มีหลายคนสงสัยคล้ายฉันว่า “พอลิงขึ้นจากน้ำแล้ว ไม่ได้เช็ดตัวจะหนาวไหม ไม่เป็นหวัดหรือ” ทางผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศวิทยาของลิงให้คำตอบว่า ลิงมีขนละเอียดซึ่งมีน้ำมันปกคลุมทั้งตัว มีต่อมเหงื่อน้อย เหงื่อจึงออกไม่มาก ทำให้อุณหภูมิร่างกายไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ต่างจากคนซึ่งควบคุมอุณหภูมิร่างกายผ่านต่อมเหงื่อในผิวหนัง อีกทั้งลิงยังปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศหนาวเย็นและมีหลอดเลือดฝอยที่วิวัฒนาการมาเพื่อป้องกันการสูญเสียความร้อนในร่างกาย จึงทำให้ร่างกายลิงยังคงความอบอุ่นอยู่หลังขึ้นจากออนเซ็น และยังสามารถเดินเท้าเปล่าบนหิมะได้โดยไม่ถูกความเย็นกัดด้วย
คาปิบาร่า
ฉันขำมากเลยค่ะตอนที่ได้ทราบว่าคนไทยตั้งชื่อเล่นให้สัตว์ชนิดนี้ว่า “กะปิปลาร้า” “หมามะพร้าว” หรือ “หมูกีวี่” ฟังดูน่าเอ็นดูทั้งสามชื่อ และคนคิดขึ้นมาคงเป็นคนอารมณ์ดี
ว่ากันว่าออนเซ็นสำหรับคาปิบาร่าถือกำเนิดมาจากสวนสัตว์อิซุชาโบเต็น จังหวัดชิสึโอกะ ทางสวนเล่าว่าในฤดูหนาว พ.ศ.2525 ระหว่างใช้น้ำร้อนทำความสะอาดลานจัดแสดงคาปิบาร่าอยู่นั้น เจ้าหน้าที่เหลือบไปเห็นคาปิบาร่าแช่ตัวอยู่ในน้ำร้อนอย่างสุขใจ จึงเกิดความคิดทำออนเซ็นขึ้นมาเพื่อให้เหล่าคาปิบาร่าได้แช่ตัวกันอุ่นๆ ในฤดูหนาว
เดิมทีคาปิบาร่าเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในที่อากาศอบอุ่น เช่น ตามพุ่มไม้และป่าที่อยู่ใกล้ริมน้ำในอเมริกาใต้ คาปิบาร่าจึงไม่ชินกับอากาศหนาวเย็น และปกติจะไม่แช่น้ำเวลาหนาวๆ แต่การแช่น้ำอุ่นดูเหมือนจะช่วยพวกมันได้ดีทีเดียว ปัจจุบันมีออนเซ็นคาปิบาร่าที่หลากหลายมากขึ้นในสวนสัตว์ของญี่ปุ่นหลายแห่ง เช่น ออนเซ็นผลยูสุ ออนเซ็นผลเกรปฟรุต เป็นต้น
เจ้าหน้าที่สวนสัตว์แห่งหนึ่งเล่าว่า คาปิบาร่าที่อยู่ใน “วัยกลางคน” จะชอบแช่น้ำร้อนเป็นพิเศษ แม้บางทีจะปิดเครื่องทำน้ำร้อนไปแล้ว แต่พวกมันจะยังแช่น้ำด้วยนัยน์ตาอิ่มเอมไปจนกว่าน้ำจะเย็นลง ทั้งนี้ การทำให้น้ำร้อนคงอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 42 องศาเพื่อคาปิบาร่านั้น ต้องหมดเงินไปจำนวนมากทีเดียว แต่ด้วยความที่เป็นที่นิยมสำหรับคนมาเที่ยวสวนสัตว์ ก็เลยจัดให้เข้าชมได้ในฤดูหนาวเป็นกะๆ ไปแล้วแต่วัน
ม้า
ไม่ใช่แค่ลิงกับคาปิบาร่าเท่านั้นที่ชอบแช่น้ำร้อน แต่ม้าก็ชอบแช่น้ำร้อนด้วยเหมือนกัน! ที่สถาบันวิจัยม้าแข่ง JRA ในเมืองอิวากิ จังหวัดฟุกุชิมะ ซึ่งดำเนินการวิจัยและฟื้นฟูม้าแข่งนั้น นอกจากจะให้ม้าได้ออกกำลังกายในลู่วิ่งน้ำแล้ว ยังให้ม้าแช่ตัวในบ่อน้ำร้อนเพื่อพักฟื้นด้วย ซึ่งมีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วพบว่า การแช่น้ำร้อนช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดของม้าดีขึ้น บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ไปจนถึงช่วยผ่อนคลาย บางตัวผ่อนคลายมากจนดื่มน้ำร้อนไปด้วยระหว่างแช่ตัว
บ่อน้ำร้อนของม้าจะมีลักษณะแคบและยาว ลงแช่ได้ทีละตัว สัตวแพทย์ที่ดูแลสถาบันนี้เล่าว่า ทีแรกม้าบางตัวลังเลที่จะแช่น้ำเพราะบ่อมีขนาดเล็ก แต่พอได้ลองแล้วก็ติดใจ รู้ตัวอีกทีก็มีม้าหลายตัวหลับคร่อกไปแล้ว สร้างความประหลาดใจให้เขามาก เพราะนึกไม่ถึงว่าม้าจะสบายจนหลับคาบ่ออย่างนี้
ออนเซ็นสำหรับสุนัขและแมว
ในเมืองอิซุ จังหวัดชิสึโอกะ ยังมีออนเซ็นกลางแจ้งสำหรับสุนัขและแมวโดยเฉพาะด้วย ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติและแม่น้ำสายเล็กๆ เป็นบ่อแบบบริการตัวเอง แม้บ่อจะแห้งอยู่ แต่คนที่นำสัตว์เลี้ยงมาสามารถเปิดวาล์วด้านหลังบ่อเองได้ให้น้ำพุร้อนธรรมชาติไหลออกมา ซึ่งน้ำร้อนนี้จะมีแร่ธาตุสำหรับรักษาโรคผิวหนัง แผลเป็น และความดันเลือดสูง ทำให้หลายคนนำสัตว์เลี้ยงมาแช่น้ำร้อนกันที่นี่
น้ำพุร้อนนี้ยังมีอุณหภูมิที่พอดี และใช้ได้ฟรี เสียแต่ใช้เวลานานกว่าจะเติมน้ำร้อนจนเต็มบ่อ ระหว่างนั้นเจ้าของและสัตว์เลี้ยงอาจเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของแม่น้ำรอบด้านได้ แต่บ่อนี้สงวนไว้ให้เฉพาะสุนัขกับแมวเท่านั้น คนห้ามลงไปแช่ในบ่อด้วย และพอใช้เสร็จแล้วต้องปล่อยน้ำออก ทำความสะอาด และปิดวาล์วน้ำร้อนก่อนจากไป นับเป็นออนเซ็นหรูทีเดียวสำหรับสัตว์เลี้ยง คนที่คิดทำขึ้นมาคงจะรักสัตว์นี่เองถึงได้ทำเผื่อให้ด้วย และคนมาใช้บริการคงใช้ด้วยมารยาทที่ดี รักษาระเบียบและความสะอาด ออนเซ็นนี้จึงยังคงอยู่มาเรื่อยๆ
ปกติแล้วสุนัขจะมีทั้งตัวที่ชอบน้ำกับที่ไม่ชอบ ส่วนแมวนี่ไม่แน่ใจค่ะ แมวฉันเองไม่ชอบอาบน้ำ แต่พอหย่อนคุณเธอลงถังน้ำอุ่นๆ แล้ว ก็ดูเธอจะสงบสติอารมณ์และผ่อนคลายลง แต่อย่าได้เปิดก๊อกใส่ถังระหว่างที่เธอแช่อยู่ทีเดียว ไม่งั้นคนอาบให้อาจไม่ปลอดภัย ขนาดตัดเล็บคุณนายก่อนแล้ว บางทีฉันยังได้รอยขีดข่วนเป็นของแถมหลังอาบน้ำให้เธอเหมือนกัน นึกสงสัยว่าถ้ามีแมวที่ชอบออนเซ็นจริงล่ะก็ ฉันอยากจะเห็นกับเขาบ้างจัง
โดยสรุปแล้วมีสัตว์หลายตัวที่ชอบการแช่น้ำร้อน คงเพราะทำให้อุ่นสบายตัวและผ่อนคลาย แสดงว่าการแช่น้ำร้อนอาบส่งผลดีจริงไม่ใช่แค่กับคนเท่านั้น
วันนี้ลากันตรงนี้ก่อนนะคะ แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีค่ะ.
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"ซาระซัง" เธอเคยใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงโตเกียวนานกว่า 5 ปี ปัจจุบันติดตามสามีไปทำงาน ณ สหรัฐอเมริกา ติดตามคอลัมน์ “เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น” ที่ MGR Online ทุกวันอาทิตย์.