สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้ว ผมเขียนบทความนี้ต้นเดือนมกราคมเมื่อต้นปีนี่เอง ผมคิดว่าเพื่อนๆ หลายคนมองย้อนกลับไปปีที่แล้วและมีความหวังว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดี อาทิตย์ก่อนเพื่อนผมที่ญี่ปุ่นติดต่อมาบอกว่าเขามีแผนเดินทางมาเที่ยวที่รีสอร์ตริมชายหาดแห่งหนึ่งในประเทศไทย เป็นงานทัวร์ของบริษัท พอผมได้ยินก็ดีใจมากจึงบอกว่าผมอยากไปเจอเขา แต่เพื่อนบอกว่าอย่างที่รู้กันแม้จะบอกว่าเป็นท่องเที่ยวของบริษัทแต่ที่จริงมันเป็นการเดินทางที่น่าจะเครียดกว่าการทํางานเสียอีก!! และดูเหมือนเขาจะไม่มีเวลามาพบกันได้...ผมเข้าใจแต่ก็รู้สึกเสียดาย
ผมรู้สึกเหมือนกับว่าเพิ่งเจอเพื่อนคนนี้ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคม เหมือนแค่เมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง แต่ที่จริงมันคือเดือนธันวาคมปีก่อนซึ่งผ่านมาเป็นปีๆ แล้ว เวลาผ่านไปนานเป็นปีแล้วเวลาเดินไวมาก ที่ญี่ปุ่นมีวลีที่ว่ากาลเวลาหมุนเวียนผ่านไปเร็ว! หลังจากอายุมากขึ้นจะรู้สึกว่าแต่ละปีๆ ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อผมคิดเกี่ยวกับเวลา ตอนที่ผมยังเป็นเด็ก เมื่อหิมะตกและละลาย..ฤดูกาลวนเวียนเช่นนี้ 3 ครั้ง ก็ถึงพิธีสําเร็จการศึกษาของโรงเรียนอนุบาล ตอนเด็กๆ นั้นกว่าจะผ่านไปแต่ละปีมันยาวนานมาก แต่พอแก่ตัวลงเวลามันไวเกินไปละครับ ปัจจุบันนี้ผมได้ยินมาว่าโรงเรียนอนุบาลที่ผมเคยเรียนไม่มีนักเรียนและปิดตัวไปนานแล้ว เนื่องจากอัตราการเกิดที่ลดลง มันดูเงียบเหงาในใจมาก
ครั้งล่าสุดที่ผมพบเพื่อนหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานกว่า 10 ปี เราพูดคุยกันมากมายพรั่งพรูออกมาหลายเรื่องราว ยิ่งได้แอลกอฮอล์ก็คุยสัพเพเหระ เล่าเรื่องเพื่อนๆ และหนึ่งในหัวข้อที่เราคุยคือเล่าเรื่องเพื่อนคนหนึ่ง สมมติชื่อว่า บึงคุงครับ
"ในที่สุด บึงคุง (นามแฝง) ที่เคยถูกทุกคนล้อเลียน ก็กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด..."
…(*´・ω・)(・ω・` *)…
เรื่องของบึงคุง ก็คือ
ผมและเพื่อนรู้จักบึงคุงครั้งแรกตอนเรียนปีหนึ่งที่สโมสรชมรมของมหาวิทยาลัย บึงคุงจบจากโรงเรียนชายที่มีชื่อเสียง เขาเป็นผู้ชายสปอร์ตแมนแต่ไม่ค่อยสนใจแฟชั่นเลย มักจะสวมเสื้อผ้าเหมือนชุดทํางานของลุงที่ทำงานโรงงานอุตสาหกรรม ฉลาดอ่านบรรยากาศรอบตัวได้เก่งแต่เป็นคนประเภทที่พูดความคิดเห็นของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา ถ้ามองจากมุมมองของผู้ชายก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ผู้หญิงญี่ปุ่นส่วนใหญ่เกลียดคนประเภทนี้ เมื่อผู้หญิงเกลียดเขา → ผู้ชายคนอื่นเห็นแบบนั้นก็เริ่มล้อเลียนเขา แต่ผมคิดว่าเขาเป็นคนดีที่ซื่อสัตย์และจริงใจ
นอกเหนือจากความรู้สึกไม่สนแฟชั่นแล้ว สิ่งหนึ่งที่บึงคุงแตกต่างจากนักศึกษาคนอื่นๆ มากคือ เขาต้องการเข้าร่วมกองทัพเรือ ซึ่งไม่ใช่เรื่องธรรมดาสําหรับเส้นทางสายอาชีพสําหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยในญี่ปุ่น
ดังนั้น บึงคุงเรียนจึงเรียนมหาวิทยาลัยแค่ปีเดียวก็ลาออกไปสอบเข้าวิทยาลัยทหาร ตอนที่พวกเรายังเป็นเด็กก็รู้สึกว่าบึงคุงเขาคิดอะไรอยู่!! เรียนมาตั้งปีก็ควรจะเรียนต่อไป ทำไมอยู่ดีๆ ก็ลาออกไปเข้าโรงเรียนทหาร!!
"ไม่ ไม่ ไม่ ไม่เห็นด้วยกับสิ่งนั้น..." (´・ω・)(´・ω・)... <`∇´ .>
"นายไม่โง่เหรอที่จะลาออกจากมหาวิทยาลัยที่เข้ายากมาก" ทุกคนเริ่มซุบซิบและพูดต่อ
เมื่อเวลาเดินผ่านไป เขามีพัฒนาการหลายอย่างหลังจากนั้น ดูเหมือนบึงคุงยังติดต่อกับเพื่อนของผมอยู่ และเพื่อนผมบอกอย่างตื่นเต้นว่าเขาได้รับเชิญให้ไปงานแต่งงานของบึงคุง เพื่อนเล่าว่า "สุดยอดไปเลย ภรรยาของบึงคุงสวยมาก! เหมือนอายาเสะ ฮารุกะ! แถมวันงานมีคนใหญ่ๆ โตๆ จากมิตซูบิชิ และบิ๊กวิกคนอื่นๆ จากอุตสาหกรรมทหารเข้าร่วมพิธีเต็มไปหมด...!"
ในท้ายที่สุดหลังจากบึงคุงเข้าร่วมกองทัพเรือ เขาได้รับการเลื่อนตําแหน่งอย่างก้าวกระโดดในเวลาไม่นานมาก และเพราะบึงคุงเป็นทหารจึงมีอำนาจหลายสิ่งหลายอย่าง เช่น เป็นตำแหน่งที่สามารถอนุมัติการซื้อของได้ เป็นต้น ตอนนี้ดูเหมือนว่าบึงคุงคือความ "ยอดเยี่ยม" ⚪︎(`▽´)⚪︎
ผมเดาว่าประเทศไทยและญี่ปุ่นมีความคล้ายคลึงกันในด้านนี้ เรื่องบางเรื่องก็พูดมากไม่ดี ดังนั้นเรามาจบหัวข้อนี้กันเถอะ (´・ω・`;)
สมัยเด็กๆ บึงคุง ถูกทําให้เหมือนเป็นคนโง่จริงๆ ผมกับเพื่อนไม่ได้รู้สึกไม่ดีกับบึงคุง แต่... ผมไม่คิดว่าชีวิตเขาจะยอดเยี่ยมขนาดนี้ เพื่อนของผมก็ประหลาดใจที่เรื่องราวเปลี่ยนไป...
เรื่องของบึงคุงเป็นสิ่งที่คุยกันได้ไม่เพียงแต่สําหรับเพื่อนผมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทุกคนที่จบการศึกษาจากโรงเรียนชายด้วย ... คนที่ถูกคาดหวังมากเกินไปจากสาวๆ!
และนี่เป็นเรื่องราวความรู้สึกของคนญี่ปุ่นต่อบุคลิกของคนที่เรียนโรงเรียนชายว่ามีความผิดแปลกระดับใด โดยเรียงตามระดับความน่ารังเกียจจากน้อยไปมาก
・梅 Ume course (หลักสูตรดอกบ๊วย) ยกตัวอย่าง เมื่อมีสาวคนหนึ่งมาที่ห้องชมรม ผู้ชายที่วิ่งออกมาจากร้านสะดวกซื้อและไล่ตามเธอ ประมาณว่าอยากคุยกับผู้หญิงคนนั้น!! นั่นคือระดับดอกบ๊วย
・竹 Take course (หลักสูตรไม้ไผ่) ยกตัวอย่าง คือ หากหนุ่มคนนั้นยังมีสติสัมปชัญญะในงานปาร์ตี้ เขาอายที่จะแนะนําตัวเองกับผู้หญิง แต่ถ้าเมาขึ้นมาจะกลายเป็นคนที่น่ารำคาญโดยเฉพาะกับผู้หญิง เช่น พูดโอ้อวดหรือบอกว่าสาวคนนั้นคนนี้เป็นแฟนตัวเองทั้งๆ ที่เพิ่งเจอกัน
・松 Matsu course (หลักสูตรสน) ยกตัวอย่างคือ ชายหนุ่มหัวร้อน ที่ตรงเข้าไปชกคนหรือโยนขวดพลาสติกหรือใช้ตีคนอื่น แค่เห็นชายคนอื่นยืนคุยกับสาวที่ตัวเองแอบชอบ
พฤติกรรมที่ผิดปกติดังกล่าวมักพบเห็นได้บ่อยในผู้ชายที่เรียนโรงเรียนชาย... ไม่ ผมไม่ใช่ประเภทที่ได้รับความนิยมเลย แต่ผมมาจากโรงเรียนสหศึกษาที่มีทั้งชายและหญิง ดังนั้น ผมจึงไม่ถูกคาดหวังมากเกินไปจากสาวๆ คนที่ไปโรงเรียนชายก็จะไม่เจอเด็กผู้หญิงเลย มีความเป็นจริงที่โหดร้ายในสังคมญี่ปุ่นคือผู้ชายที่ได้รับความนิยมอยู่ในโรงเรียนชายและผู้ชายที่ไม่เป็นที่นิยมอยู่ในโรงเรียนสหศึกษา แต่...
ท้ายที่สุด ผมรู้สึกว่ามันผิดเพี้ยนที่จะใช้เวลาช่วงการเรียนในกลุ่มผู้ชายเท่านั้น มันเป็นสถานการณ์เดียวกับที่เมื่อบัณฑิตโรงเรียนหญิงสร้างปัญหากับผู้ชาย เขากล่าวว่า "ผู้ชายไม่มีภูมิคุ้มกัน"
อะไรที่ซับซ้อนกว่านั้น ผมคิดว่ามีพ่อแม่ที่กำลังอ่านอยู่และกำลังเลี้ยงลูกในญี่ปุ่น โดยทั่วไปโรงเรียนชายและหญิง (แน่นอนโรงเรียนเอกชน) มีผลการเรียนที่ดีขึ้นอย่างท่วมท้น ยิ่งค่าเบี่ยงเบนของโรงเรียนชายสูงกฎของโรงเรียนยิ่งหลวม (ครูพลศึกษาที่มีดาบไม้ไผ่เป็นสิ่งจําเป็นที่โรงเรียน DQN และแผนกดนตรีเป็นสิ่งต้องห้าม แต่กฎของโรงเรียนอุดมศึกษาหลวมมาก) ในทางตรงกันข้าม โรงเรียนหญิงไม่เพียงแต่สูบบุหรี่เท่านั้น แต่ถ้ามีผมสีน้ำตาลจะถูกไล่ออกทันที มีโรงเรียนที่เข้มงวดมากมายเช่นนั้น มีความแตกต่างระหว่างชายและหญิง แต่ยิ่งโรงเรียนที่เข้ายากขึ้นมีอัตราการสอบเข้ามหาวิทยาลัยโตเกียวมาก
ตั้งแต่ผมออกไปสู่สังคม ไม่มีบริษัทไหนที่รับเฉพาะผู้หญิงอย่างเดียวหรือผู้ชายอย่างเดียว ต่างก็ต้องทำงานร่วมกัน ผมจึงรู้สึกว่ามันค่อนข้างไม่สอดคล้องกับกระแสแต่คงจะไม่เปลี่ยนแปลงในเร็วๆ นี้
บุคลิกที่ผิดปกติเล็กน้อยของบึงคุง ซึ่งได้รับการเลื่อนตําแหน่งสูงที่สุดในรุ่น น่าจะเป็นบุคลิกโดยกําเนิดของเขา และผมคิดว่าส่วนใหญ่เป็นเพราะความต้องการของเขาเองที่เขาเลือกทหาร อย่างไรก็ตาม ... ผมคิดว่ายังมีอิทธิพลจากโรงเรียนชายด้วย แม้กระทั่งทุกวันนี้เขาไม่สามารถบอกครอบครัว ที่อยู่ หรืองานของเขาได้ เขาอาจจะมีส่วนร่วมในภารกิจลับสุดยอดในฐานะกัปตันในทะเลที่ไหนสักแห่งในโลก (´・ω・)(´・ω・)... <`∇´ .> วันนี้เล่าสู่กันฟัง พบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีครับ