สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้ว เพื่อนๆ ชอบกินก๋วยเตี๋ยวเรือไหมครับ ผมชอบกินมาก จำได้ว่าเมื่อก่อนผมเคยทำงานสอนภาษาญี่ปุ่นแบบรับจ๊อบพิเศษสักระยะหนึ่ง ออฟฟิศอยู่ที่กรุงเทพฯ ครับ แถวๆ ที่ทำงานจะมีร้านก๋วยเตี๋ยวเรือร้านหนึ่งอร่อยมาก ผมจึงไปบ่อยๆ และคิดว่าพนักงานในร้านคงจะจำผมได้ดี ปกติผมจะสั่งก๋วยเตี๋ยวเรือหนึ่งถ้วย และพอผมจะกินหมดจะสั่งลวกเส้นอย่างเดียวมาอีกหนึ่งหนึ่งถ้วย โดยที่ไม่ต้องมีน้ำซุปหรือเครื่องใดๆ เพื่อเอามาใส่ในถ้วยเดิมคล้ายๆ การสั่งเส้นบะหมี่เพิ่มเวลาไปกินราเมงที่ญี่ปุ่นนะครับ
พอถึงช่วงสิ้นปีซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่ทางร้านยุ่งมาก มีลูกค้าเต็มร้าน พนักงานค่อนข้างจะรับออเดอร์เยอะมากทำงานหนักดูยุ่งกว่าปกติ พอผมสั่งก๋วยเตี๋ยวเรือหนึ่งชาม แต่ครั้งนี้พนักงานคงจะจำผมได้ และเขาก็ดูยุ่งอยู่เขาเลยบอกผมว่าเอาเส้นอย่างเดียวมาด้วยหนึ่งชามใช่ไหมครับ? วันนั้นผมเข้าใจว่าเขาคงยุ่งมากๆ เลยบอกเองก่อนที่ผมจะออเดอร์เสียอีก เขาจะได้ยกมาเสิร์ฟพร้อมกันทีเดียว การทำงานแบบนี้ทำให้ผมประทับใจนะครับ เขามีความใส่ใจลูกค้า มีจิตใจรักบริการแบบญี่ปุ่น ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน
ซึ่งจะว่าไปแล้วช่วงสิ้นปีลูกค้ามักจะเยอะเป็นพิเศษ ทำให้ทุกคนในร้านยุ่งมากกว่าเดิม ร้านที่ยุ่งๆ มีลูกค้าเยอะแบบนี้ผมคิดว่าน่าจะเหมือนร้านอาหารที่ญี่ปุ่นช่วงเวลาพักกลางวันในวันทำงานปกติของร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆ ออฟฟิศสำนักงาน เช่น ย่านสถานีโตเกียว สถานีชินจูกุ เป็นต้น ซึ่งช่วงพักรับประทานอาหารกลางวันพนักงานจะลงมาทานอาหารพร้อมกัน ถือเป็นเวลาเร่งด่วนที่พนักงานในร้านอาหารจะทำงานกันมือเป็นระวิงและต้องทำให้ทันในเวลาที่พนักงานเขาพักกลางวัน ไม่ได้บอกว่าคนญี่ปุ่นเก่งหรือมีความสามารถพิเศษนะครับ แต่การที่เขาต้องทำงานยุ่งแบบนี้ทำให้คนญี่ปุ่นที่ทำงานมีความความกดดันและเคร่งเครียดกันอยู่ตลอดเหมือนกัน
ปีที่แล้วมีข่าวสงครามต่อเนื่อง ทั้งญี่ปุ่นและไทยยังมีปัญหาเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวดีและดูเหมือนจะแย่ลงกว่าช่วงที่วิกฤตโรคโควิด-19 ระบาดหนักๆ เสียอีก ปกติแล้วช่วงสิ้นปีเป็นเวลาที่คนญี่ปุ่นจะทำใจให้ผ่อนคลายลงไม่ว่าจะเจออะไรมาตลอดทั้งปี เขาจะมีความหวังว่าในปีต่อไปจะเป็นปีที่ดี ซึ่งผมเองก็หวังแบบนั้น ทุกคนเหมือนถูกปลูกฝังมาให้มีความหวังว่าปีใหม่ปีต่อไปจะต้องเป็นปีที่เริ่มต้นใหม่ และเป็นปีดีๆ ของชีวิต
พอมาถึงช่วงสิ้นปีจึงทำให้คนญี่ปุ่นจะค่อนข้างทำใจให้สงบนิ่ง และพยายามรักษาสันติภาพไว้มากๆ ไม่ว่าจะมีเรื่องความผิดพลาดต่างๆ หรือข่าวอะไรที่วิจารณ์กันเรื่องความผิดพลาด ข่าวดังๆ ช่วงปลายปีที่แล้ว เช่น เรื่องข้อผิดพลาดของการแข่งขัน Kendama (けん玉) (ที่เป็นของเล่นพื้นบ้านญี่ปุ่นทำจากไม้เป็นรูปค้อน ร้อยเชือกกับลูกบอลใช้โยนและทรงลูกบอลให้อยู่บนแท่นไม้) ซึ่งมีการเล่นเพื่อบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ต่างๆ แต่มีข้อผิดพลาดเล็กๆ เกิดขึ้น หรือเรื่องห้างสรรพสินค้าชื่อดังส่งเค้กไปให้ลูกค้าแต่เค้กพังทลายก่อนถึงมือ เป็นต้น ผู้คนก็วิพากษ์วิจารณ์กันประเด็นเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ ซึ่งที่จริงอาจจะมีข้อผิดพลาดบ้างแต่เพราะเป็นช่วงสิ้นปีทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไป ไม่ไปโวยวายและไม่ว่าอะไรมาก สรุปว่าเรื่องเด่นที่คุยกันช่วงสิ้นปีที่แล้วจะมีแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อาจจะเสียอารมณ์นิดหน่อยแต่ก็ไม่มีอะไรมากมาย
ใครจะรู้ว่าปีใหม่ 2567 มาถึงอย่างน่าหวาดกลัวอย่างที่ทุกท่านทราบข่าวกัน มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2567 เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงวัดขนาดความสั่นสะเทือนได้ถึง 7.5 แมกนิจูด มีศูนย์กลางใน จ.อิชิคาวะ และเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกหลายครั้ง คนยังเศร้าเสียใจไม่หาย วันที่ 2 มกราคม พ.ศ.2567 เกิดเหตุเครื่องบินสายการบินเจแปน แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ 516 เฉี่ยวชนกับเครื่องบินของหน่วยยามฝั่งทะเลที่จะออกเดินทางมุ่งหน้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว บนรันเวย์สนามบินฮาเนดะ กรุงโตเกียวของญี่ปุ่น จนเกิดไฟลุกไหม้ เป็นเหตุให้ลูกเรือ 5 นายที่โดยสารมากับเครื่องบินของหน่วยยามฝฝั่งเสียชีวิต แต่นับว่ายังโชคดีมากๆ ที่สายการบินเจแปนแอร์ไลน์ส สามารถอพยพผู้โดยสาร 367 คน และลูกเรือ 12 คน ออกมาได้อย่างปลอดภัย นอกจากนั้นในวันต่อๆ มายังมีข่าวไฟไหม้ตามมาอีกหลายข่าว ผมคิดว่าเพื่อนๆ คงได้ติดตามอ่านรายละเอียดของข่าวต่างๆ กันอย่างละเอียดแล้วนะครับ ที่จริงผมไม่อยากจะเอามาพูดสักเท่าไหร่ แต่ประเด็นหัวข้อหลักๆ ที่คนญี่ปุ่นคุยกันตอนนี้ก็คือ “ประเทศญี่ปุ่นยังไหวหรือเปล่า?”
คือคนญี่ปุ่นเชื่อว่าถ้าเกิดมีเหตุการณ์อะไรก็ตามที่ทำให้เดือดร้อนวุ่นวาย ต้องแก้ปัญหา หาทางรองรับ หรือรับผิดชอบอะไรก็ตาม ถ้าสิ่งนั้นค่อยๆ มาทีละอย่างๆ มันจะไม่มีปัญหาเลยทุกคนสามารถจัดการไปทีละเปราะ หาทางรองรับและแก้ไขแบบค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำได้อยู่ แต่ถ้ามันถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ประมาณมีเหตุการณ์หรือสิ่งเลวร้ายหลายอย่างเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน มีเหตุการณ์ที่โชคร้ายสองเหตุการณ์ขึ้นไปในเวลาเดียวกัน 弱り目に祟り目 Yowarime ni tatarime เหมือนโดนคําสาปบนดวงตาที่อ่อนแอ หมายถึงการเผชิญกับภัยพิบัติมากเกินรับไหวในขณะที่กำลังมีปัญหา และการทับซ้อนของความโชคร้าย เจอความโชคร้ายเพิ่มขึ้นๆ ความโชคร้ายยังคงดําเนินต่อไป
ครั้งนี้มันมากจนรู้สึกแบบนี้เลย เหมือนญี่ปุ่นเจอความโชคร้ายทับซ้อนกันในขณะที่ยังอยู่ในสถานการณ์ที่โชคร้าย มีคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าเหมือนเป็นการลงโทษจากพระเจ้า!! เหมือนการลงโทษจากสวรรค์!! จึงกล่าวกันว่า “ประเทศญี่ปุ่นยังไหวหรือเปล่า?”
ไม่ไหวก็ต้องไหวและต้องไปต่อนะครับ สู้ๆ อย่างไรก็ตาม มีคนจำนวนมากชื่นชมลูกเรือสายการบินเจแปนแอร์ไลน์ส ที่สามารถอพยพทุกคนออกจากเครื่องบินอย่างปลอดภัยและรวดเร็ว ราบรื่นเพราะพนักงานบนเครื่องได้นำการฝึกฝนที่ได้ทำมาเสมออย่างเข้มงวดมาใช้ด้วยความมีสติ ส่วนผู้โดยสารก็ปฏิบัติตัวอย่างดีและเชื่อฟังคำสั่งด้านความปลอดภัยเป็นอย่างดี ต้องชื่นชมครับ ต่อจากนี้ไปไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเอาใจช่วยกันต่อไปครับ ขอให้มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นบ้าง วันนี้เล่าสู่กันฟัง พบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีครับ