สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้ว ตอนที่ผมเรียนอยู่มัธยมปลาย ผมอยากเรียนต่อคณะคติชนวิทยา ผมจึงมองหามหาวิทยาลัยที่เปิดสอนและปรึกษากับอาจารย์ประจําชั้นของผม แต่ครูในโรงเรียนมัธยมต่างจังหวัดของญี่ปุ่นจะเป็นเพียงครูในโรงเรียนก็จะสอนไปตามหน้าที่ สนใจแค่จะให้นักเรียนเข้ามหาวิทยาลัยดังๆ เพราะทำให้อาจารย์รู้สึกดีใจ และมักจะบอกว่านักเรียนต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยโตเกียวและเคโอให้ได้นะ เป็นต้น ครูไม่ค่อยสนใจคณะแปลกๆ หรือคณะที่ผมอยากเรียน คณะที่เรียนจบออกมาแล้วไม่มีงานทำแบบนี้ นักเรียนอยากเรียนแต่อาจารย์ไม่แนะนำ และไม่มีข้อมูลที่จะแนะนำตรงนี้มากนัก
แต่สําหรับเวลานั้นผมเข้าไปขอคำปรึกษาว่า มีกี่มหาวิทยาลัยที่สามารถเข้าไปเรียนคติชนวิทยาได้บ้างครับ? อาจารย์จะบอกแต่ว่า “ให้เธอเข้ามหาวิทยาลัยโตเกียว เข้ามหาวิทยาลัยโตเกียวอย่างเดียว เธอต้องไปมหาวิทยาลัยโตเกียว!" ว้าว! เป็นคําแนะนําที่ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรและดูเหมือนจะไม่สามารถตระหนักตามที่อาจารย์ต้องการได้ เท่าที่รู้แม้ว่าใครๆ จะต้องการเข้ามหาวิทยาลัยโตเกียว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเข้ากันได้ง่ายๆ นะครับอาจารย์! (^^;) ดังนั้น ผลจากการขอคำปรึกษาและขอความคิดเห็นจากอาจารย์และผู้คนมากมาย เขาจะบอกว่าเป็นเสียงเดียวกันว่า "คุณจะมีงานทําไหมถ้าเรียนจบ?" ผมเหมือนเดินชนกําแพงและจำใจต้องเปลี่ยนไปเลือกเรียนหลักสูตรอื่นในเวลาไม่ถึงครึ่งปี
คติชนวิทยาคืออะไร? เป็นวิชาที่ว่าด้วยเรื่องคติชาวบ้าน วิถีชาวบ้าน เป็นสาขาหนึ่งที่ศึกษาข้อมูลทางวัฒนธรรมของมนุษย์ที่มีการถ่ายทอดสืบต่อกันมา ทั้งในสังคม ชนบท และในสังคมเมือง ไม่ว่าจะเป็นตำนาน นิทาน นิยายประจำถิ่น เพลง ปริศนาคำทาย สำนวนภาษิต คำพังเพย การละเล่น การแสดง เครื่องมือเครื่องใช้ อาหารการกิน ยาพื้นบ้าน ความเชื่อ ประเพณีและพิธีกรรม เป็นต้น ถ้าถามผม ผมคิดว่ามันเหมือนกับการขุดเข้าไปในความทรงจํา ในหมู่คนที่อาศัยอยู่ตามวิถีชีวิตปกติในเมือง มันไม่ใช่บันทึกที่เขียนโดยผู้มีอํานาจ เพราะหากเป็นคนที่ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินและชีวิตความเป็นอยู่ เขาอาจไม่อยากคิดจริงจังว่าเทศกาลผีตาโขนเริ่มต้นขึ้นอย่างไร!? \(*゚∀゚*)ノシ....ถ้าเป็นคนนอกพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนญี่ปุ่น และถ้ามันไม่ใช่เรื่องที่อยู่ใกล้ตัวเองก็จะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ถูกต้องไหมครับ(´・ω・`)
บันทึกจากหนังสือประวัติศาสตร์เล่มแรกของญี่ปุ่นที่เขียนขึ้นเมื่อประมาณ 1,500 ปีก่อน บันทึกเริ่มต้นด้วยเรื่องราวหรือความรู้สึกในตำนานที่เล่าขานกันมาว่า หลังจากที่เทพเจ้าแห่งชายและหญิงเอาหอกมากวนทะเล และเมื่อพวกเขาโยกเยกๆ ก็บังเกิดประเทศหนึ่งขึ้นมาจากอวัยวะเพศของเทพเจ้าผู้หญิงและกลายเป็นหมู่เกาะมากมายซึ่งก็คือหมู่เกาะของประเทศญี่ปุ่นในที่สุด แต่แม้แต่คนญี่ปุ่นก็ไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับเรื่องเล่านี้ หรืออาจจะเพราะว่าพวกเขาไม่สนใจเรื่องเหล่านี้นัก ผมก็ไม่เคยเรียนเรื่องพวกนี้เลยที่โรงเรียน และคิดว่าเหตุผลหลักคือไม่มีออกเป็นข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยกระมัง(´・ω・`)
และเหตุผลที่ไม่มีในบทเรียนหรือข้อสอบคือ หลังจากที่สงครามโลกสิ้นสุดลง ก็มีการห้ามเรียน ห้ามทำกิจกรรมบางเรื่องไประยะหนึ่ง เช่น เรื่องเกี่ยวกับทหารจะถูกห้ามทั้งหมดเลย แต่ผมไม่รู้ว่าสมัยนั้นทำไมพวกจูเคนโด 柔剣道 jukendo และหมากรุกญี่ปุ่น หรือโชงิ 将棋 shogi ก็ถูกห้ามโดย GHQ (กองทัพสหรัฐฯ) ไปด้วย ชินโตเองก็ถูกแบนไประยะหนึ่ง (เพราะอ้างว่าปลุกระดมทางการทหาร) และตําราเรียนทั้งหมดถูกเขียนขึ้นมาใหม่ จนถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบ 80 ปีแล้วตั้งแต่หมดสงคราม ญี่ปุ่นเลยเรียนแบบเรียนที่ถูกยัดเยียดเรื่องราวใหม่ๆ หวังผลบางอย่างมาตั้งแต่ตอนนั้น
ตอนนี้ผมรู้สึกว่าการปลูกฝังจากสมัยนั้นมันเริ่มได้รับผลกระทบแล้ว ดูจากสังคมญี่ปุ่นเลยครับ และตอนนั้นอาจจะถูกพวก GHQ เปลี่ยนแปลงเรื่องของประวัติศาสตร์บางเรื่องไปแล้ว เพราะว่ามันถูกห้ามหลายเรื่อง แล้วมีหลายตอนในหนังสือที่เด็กรุ่นใหม่ได้เรียน ก็มีบางประวัติศาสตร์บางเรื่องบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปจากบทเรียน เหมือนๆ ที่ผมได้ยินมาจากคุณลุงที่เคารพคนหนึ่งนะครับ ตอนที่เขากำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่นพอดีตรงกับช่วงสงคราม ลุงบอกว่าในห้องเรียนสอนว่ารุ่นของพวกคุณน่ะอีกหน่อยก็ตายหมด (ตายในสงคราม) มันก็เลยฝังหัวมาแล้วรุ่นแล้วรุ่นเล่า คนรุ่นหลังจากสงครามสงบแล้วก็ถูกสอนให้คลั่งอเมริกามาก มันก็เลยหล่อหลอมจนคนญี่ปุ่นกลายเป็นญี่ปุ่นแบบตอนนี้ไป
คล้ายๆ เป็นการล้างสมองบางอย่างเหมือนกันนะครับ คนญี่ปุ่นจะชอบประวัติศาสตร์ มีเรื่องราวทางการเมืองต่างๆ เกี่ยวกับตำนานและประวัติศาสตร์โบราณ เช่นเดียวกับตัวอย่างของมังงะประวัติศาสตร์จีนโบราณที่ชื่อว่าคิงดอม หรือสงครามผงาดบัลลังก์จิ๋นซี และเกมของทรีคิงดอม (สามก๊ก)
และสิ่งที่น่าสนใจคือ มีตำนานที่มีความคล้ายคลึงกันมากในตำนานเรื่องเล่าทั่วโลก เทพเจ้าแห่งชายและหญิงที่ผมพูดถึงก่อนหน้านี้ หลังจากให้กำเนิดเกาะ และให้กำเนิดเทพเจ้ามากมาย เช่น เทพเจ้าแห่งไฟ พอเกิดมาก็เผาของลับของแม่ที่เป็นเทพเจ้าผู้ให้กำเนิดไหม้และตายลง ตอนนั้นเทพเจ้าแห่งผู้ชายคิดถึงภรรยาของเขาและไปที่ดินแดนแห่งยมโลกเพื่อจะไปขอรับภรรยา แว่บแรกเขามีความสุขที่ได้พบภรรยาของตัวเอง แต่ภรรยาของเขาบอกว่า เดี๋ยวจะลองปรึกษาท่านดูก่อนว่าจะสามารถกลับขึ้นไปได้หรือไม่ แต่ว่าเจ้าอย่ามองตอนฉันคุยนะ "กรุณาอย่าแอบมองฉัน" แต่เทพเจ้าผู้ชายรอนานสักพักหนึ่ง ก็ทนไม่ไหวจึงแอบดูว่ามีเรื่องราวอะไร..ก็เลยเห็นว่าภรรยาตัวเองเป็นยักษ์!!
ผมคิดว่า นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวที่คล้ายกับเรื่องนี้อีกหลายเรื่องทั้งในเทพนิยายกรีกซึ่งมีวัฒนธรรมและแตกต่างกัน แต่มีตำนานบางอย่างที่เหมือนกัน ผมรู้สึกถึงความคล้ายคลึงกันและลักษณะที่อยู่นอกเหนือวัฒนธรรมในจินตนาการของมนุษย์ ในพื้นที่วัฒนธรรมต่างๆ ก็มีมากมาย เข่น งูเป็นเทพเจ้าแห่งน้ำที่เป็นสัญลักษณ์ของเส้นเลือด น้ำ และยังเป็นสัญลักษณ์ของอวัยวะเพศชาย มีความคล้ายคลึงกันหลายจังหวัด ━━ หรือ Linga ของเทพเจ้าพระอิศวร ร่างกายอันศักดิ์สิทธิ์รูปอวัยวะเพศชายของศาลเจ้าญี่ปุ่น แบบจำลองของลึงค์ของผีตาโขน อืม จินตนาการร่วมกันของมนุษยชาติ! ...
ทุกคนชอบนิทานพื้นบ้านและนิทานญี่ปุ่นโบราณ และมักจะมีเรื่องราวมากมายที่ทุกคนในญี่ปุ่นรู้จัก เช่น โมโมทาโร่ และเจ้าหญิงคะงุยะฮิเมะ เป็นต้น ผมดีใจมากที่แม้แต่นิทานพื้นบ้านก็ไม่ถูกแบน!
เวลาก็เดินมาถึงวันนี้ใกล้สิ้นปีเต็มทีแล้วนะครับ ผมคิดว่ามีเพื่อนๆ หลายท่านที่รู้สึกขอบคุณชีวิตตัวเอง ในปีนี้ผมต้องขอขอบพระคุณในความเมตตาของทุกท่าน บทความนี้คงเป็นบทความสุดท้ายของคอลัมน์นี้ในปีนี้แล้วล่ะครับ ขอบคุณนักอ่านทุกท่านครับ ขอขอบคุณ mgronline และกองบรรณาธิการทุกท่าน
ผมขอให้ทุกท่านมีความสุขในปีใหม่ครับ!
良い御年をお迎えください! Yoi otoshi wo omukae kudasai!
(О´∀`о)つ∠※.。 ・:*:・ ゚`☆,。 ・:*:・ ゚`★