สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้ว ตอนแรกผมว่าจะคุยเรื่องคนญี่ปุ่นที่มีบุคลิกออกเชยๆ หน่อย ทำอะไรไม่ค่อยทันคน ไม่ค่อยเป็นที่สนใจของคนอื่น ซึ่งมีเยอะอยู่นะครับ พวกเขาจะมีจุดไหนที่เหมือนกันบ้าง? แต่เผอิญมีข่าวที่น่าสนใจเข้ามาให้อ่าน ผมก็เลยอยากมาเล่าข่าวนี้ดีกว่า ก่อนนี้ทุกคนคงเคยทราบว่า พาสปอร์ตญี่ปุ่นทรงอิทธิพลมาก หมายถึงมีเสรีภาพในการเดินทางไปประเทศต่างๆ ได้หลายประเทศโดยไม่ต้องใช้วีซ่า และคนญี่ปุ่นจะชอบเดินทางไปเที่ยวรัฐฮาวายของสหรัฐอเมริกามากๆ ครับ แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีข่าวว่าสาวญี่ปุ่นคนหนึ่งเกือบเข้าฮาวายไม่ได้ เพราะไม่ผ่านตรวจคนเข้าเมืองเนื่องจากกลัวว่าจะมาค้าประเวณี! จากข่าวนี้มีหลายคนมาแสดงความคิดเห็นกันอย่างแพร่หลายครับ
ใน SNS ก็คือมีสาวญี่ปุ่นที่เกือบจะไม่สามารถผ่านตรวจคนเข้าเมืองฮาวายได้ เธอบอกว่าเธอโดนบูลลี่ หาว่าคนเอเชียส่วนใหญ่เข้ามาค้าประเวณี เป็นประเด็นที่น่าสนใจมาก วันนี้จึงเอาข่าวนั้นมาเล่าให้ฟังคร่าวๆ ครับ
พาดหัวข่าวว่า “มุ่งเป้าที่ผู้หญิงญี่ปุ่น? แม้ว่าจะมาเพื่อการท่องเที่ยว แต่ถูกเรียกว่าโสเภณี! ... สัมภาษณ์ 6 ชั่วโมงที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองในฮาวาย
“..ทําไม ทําไม ฉันต้องถูกพาไปที่ห้องอื่นในขณะที่ฉันรีบ..
ฉันกลัวมาก กลัวจนหยุดร้องไห้ไม่ได้ ฉันไม่ได้ทําอะไรผิด และฉันไม่ได้โกหกอะไรเลย
ประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่านมาคุณ Ako (อายุ 29 ปี) สาวพนักงานออฟฟิศได้แชร์เกี่ยวกับประสบการณ์ความกลัวของเธอที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองฮาวาย
แม้ว่าฉันจะบอกว่าฉันมาที่นี่เพื่อท่องเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ และมาท่องเที่ยวจริงๆ ก็สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง และเขาเอาโทรศัพท์มือถือของฉันไป
มีเจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญภาษาญี่ปุ่นได้ตรวจสอบข้อความใน LINE และไล่ตามอ่านข้อความที่ฉันพูดคุยกับผู้ชายบางคนในลิสต์รายชื่อ
แล้วเขามาถามฉันว่า
ーーความสัมพันธ์ของคุณกับผู้ชายเหล่านี้เป็นแบบไหน?
ฉันตอบว่า เขาเป็นเพื่อนร่วมงานในบริษัทเดียวกัน และเป็นเพื่อนสมัยเรียนของฉัน
ーーไม่ มันเป็นความสัมพันธ์พิเศษเชิงชู้สาว?
ทุกคนสามารถใช้ LINE กับเพื่อนผู้ชายทั่วไปตามปกติ ปาร์ตี้ดื่มกันครั้งสุดท้ายสนุกมาก.. และเราจะนัดกันอีกครั้ง
ไม่ว่าฉันจะโต้แย้งมากแค่ไหน สถานการณ์ก็ไม่ดีขึ้นเลย และฉันก็ถูกกล่าวหาด้วยคําพูดที่ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ยิน
ーーนี่ไม่ใช่เพื่อการท่องเที่ยว แต่เพื่อธุรกิจและการค้าประเวณี?!
ฉันถูกตัดสินว่าเป็นคนที่มาแสวงหาความสัมพันธ์กับผู้ชาย และในที่สุดก็ถูกดูถูกด้วยคำพูดว่า "โสเภณี" ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนั่งลงแล้วร้องไห้
การสัมภาษณ์ถูกรายล้อมไปด้วยคนวงในที่ดูน่าเกรงขามเป็นเวลาเกือบ 6 ชั่วโมง และแม้ว่าความเข้าใจผิดจะคลี่คลายในที่สุด และเธอได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศ แต่ความโกรธของคุณ Ako ก็ยังไม่สามารถบรรเทาลงได้
ซึ่งดูเหมือนว่าตรวจคนเข้าเมืองจะมุ่งเป้าไปที่ผู้หญิงญี่ปุ่น และเป็นการเหยียดผิว (หมายถึงการเหยียดสีผิว เชื้อชาติ วัฒนธรรม ด้วยความรู้สึกว่าตนอยู่ในกลุ่มที่เหนือกว่า ดีกว่า แล้วยัดเยียดความรู้สึกด้อยค่านั้นให้ผู้อื่น )
เมื่อเรื่องที่คุณ Ako พูดถูกแชร์บนอินเทอร์เน็ตและสื่อหลายแห่ง ก็มีผู้ประกาศสาวช่อง TBS คนหนึ่งออกมาแสดงความคิดเห็นของเธอใน Twitter ว่า ..เมื่อฉันเห็นหัวข้อการปฏิเสธการเข้าฮาวายของผู้หญิงญี่ปุ่น พอดีกับที่ฉันก็เดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาจากซานฟรานซิสโกเมื่อวันก่อนด้วย
ฉันเองก็ถูกตั้งคําถามค่อนข้างมาก และฉันรู้สึกว่ามันเป็นการตรวจสอบของตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มงวดที่สุดเท่าที่ฉันเคยประสบมา
ทําไมมันถึงเข้มงวดมากขึ้น? เพราะปัจจุบันใน SNS มีการประกาศรับสมัครงานพาร์ทไทม์ในต่างประเทศที่อาจเรียกได้ว่าเป็น "การค้าประเวณี" ที่มีค่าตอบแทนสูง
ทางการสหรัฐฯ ซึ่งรู้สึกประมาทหากพวกเขามองข้าม จึงเสนอจุดยืนที่เข้มงวดที่ไม่อนุญาตให้พวกสาวๆ เข้าประเทศเพื่อมาทำกิจกรรมการขายเรือนร่าง
หากใครถูกเนรเทศ หรือปฏิเสธการเข้าเมืองบุคคลนั้นจะถูกขึ้นบัญชีดําและถูกห้ามไม่ให้เข้าประเทศอเมริกาอีกเป็นเวลาประมาณ 10 ปี
แล้วผู้หญิงที่ตั้งใจมาเพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวจริงๆ จะผ่านการตรวจสอบอย่างราบรื่นได้อย่างไร? ผู้ที่เกี่ยวข้องในบริษัทตัวแทนท่องเที่ยวจึงให้คําแนะนําดังต่อไปนี้
1.การใส่ชุดที่โชว์ผิวและเรือนร่าง คือ NG ควรหลีกเลี่ยงกระโปรงสั้นและรองเท้าส้นสูง หลีกเลี่ยงกางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบ
2.อย่าสวมเสื้อผ้า กระเป๋า หรือนาฬิกาแบรนด์เนมมากเกินไป
3.อย่านําเสื้อผ้ามามากเกินความจําเป็น เพราะเมื่อถูกเปิดกระเป๋าตรวจสอบ จะถูกตัดสินว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อการขายเรือนร่าง
4.ควรแสดงเอกสารของโรงแรมที่จองไว้ให้เจ้าหน้าที่ดู แม้ว่าจะเป็นยุคดิจิทัล แต่การปรินต์เป็นกระดาษพกติดตัวมาด้วยก็มีประโยชน์มาก
5.เตรียมพร้อมสําหรับคําถามที่เข้มงวดและคำถามที่เกี่ยวข้องกัน และคิดถึงคําถามและคําตอบที่เขาคาดหวัง
และหลังจากนั้น ก็มีหลายคนคุยกันในประเด็นที่ว่าบางทีสาว Ako คนนี้ที่บอกว่าติดที่ตรวจคนเข้าเมืองฮาวายหลายชั่วโมงก็อาจจะมีปัญหาจริงๆ หรือเปล่า แล้วการตอบของเธอก็ไม่ธรรมชาติ ที่เธอบอกตรวจคนเข้าเมืองว่าเป็นอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) ต่างๆ แต่พูดวกวน มาตอนท้ายก็เปลี่ยนมาบอกว่าเป็นพนักงานบริษัทอะไรแบบนี้มันอาจจะทำให้เกิดความน่าสงสัยได้ และเคยมีเคสแบบนี้จริงๆ
ดูเหมือนว่าคนญี่ปุ่นจะถูกตรวจสอบเข้มงวดมากขึ้น ยิ่งตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นอเมริกาหรือออสเตรเลียมีประกาศเปิดรับพนักงานต่างชาติไปทำงานดูแลผู้สูงอายุ หรือทำงานฟาร์มเก็บผลไม้หลายแห่งครับ ซึ่งรายได้เมื่อเทียบเป็นเงินเยนที่อ่อนค่าลงมาก จะทำให้เงินเดือนจากงานเหล่านี้สูงกว่าทำงานที่ญี่ปุ่น 4-5 เท่าเลยทีเดียว ทำให้หนุ่มสาวญี่ปุ่นหลายคนต้องการจะออกไปทำงานประเภทนี้จำนวนมาก และมีหลายคนที่ถูกตรวจคนเข้าเมืองสงสัยอยู่หลายกรณีเหมือนกันนะครับ
แปลกนะครับ ปกติคนญี่ปุ่นไปไหนไม่ต้องขอวีซ่าใช่ไหมครับ แต่ว่าเวลาเข้าเมืองของแต่ละประเทศก็เสี่ยงที่จะไม่ได้เข้าเมืองเหมือนกันนะครับ ซึ่งบางคนก็ตั้งใจจะไปเที่ยวจริงๆ ผมเองก็เคยมีประสบการณ์เกือบโดนห้ามเข้าเมืองที่ประเทศฟินแลนด์มาแล้วแต่เอาไว้ผมจะเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไปนะครับ มีคนกล่าวว่าที่จริงแล้วจะทำงานทำการอะไรบางทีมันอาจจะไม่สำคัญเท่าบุคลิกที่ดูน่าสงสัยหรือก็ได้ เพราะว่าตรวจคนเข้าเมืองเขาอาจจะสงสัยว่านายคนนั้นคนนี้ขนยาเสพติดหรือเปล่าอะไรแบบนี้นะครับ วันนี้เล่าสู่กันฟังครับ สวัสดีครับ