สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้ว มีหนังสือรวมบทประพันธ์ชื่อ Man'yōshū 万葉集 น่าจะประพันธ์ขึ้นมาเมื่อประมาณ 1300 ปีที่แล้ว (ก่อนปี ค.ศ.759 ในสมัยนารา) เป็นคอลเลกชันกวีนิพนธ์ภาษาญี่ปุ่นคลาสสิกที่ยังหลงเหลืออยู่ถึงปัจจุบันและเก่าแก่ที่สุด เป็นหนึ่งในกวีนิพนธ์ที่รวบรวมบทกวีของญี่ปุ่นที่ได้รับความยกย่องมากที่สุด แม้ว่าเราจะมาอ่านในสมัยนี้ก็มีหลายบทที่น่าประทับใจ เพียงแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าใครเป็นคนแต่งบทกวีนั้นๆ ขึ้นมา นอกจากบทกวีนิพนธ์แล้ว ยังมีเพลงกล่อมเด็กที่เป็นที่นิยมมากมาย ก็ไม่เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าใครเป็นผู้ที่แต่งเพลงกล่อมเด็กนั้นๆ ซึ่งในหนังสือจะเขียนว่า 詠み人知らず Yomibito shirazu คือไม่ทราบผู้แต่ง
ในยุคปัจจุบันที่มีการแชร์ข้อมูลต่างๆ ผ่านทางอินเทอร์เน็ตอย่างแพร่หลายก็มีเรื่องราวที่ コピペ copy and paste และแชร์กันไปอย่างกว้างขวาง มีทั้งบทกวีเอย เพลงกล่อมเด็กเอย หรือเรื่องเล่าเรื่องแต่งมากมายที่ไม่รู้แน่ชัดว่าใครเป็นคนแต่งขึ้นมา วันนี้ผมจะนำ copy and paste อีกหนึ่งเรื่องที่คนญี่ปุ่นแชร์กันมาเล่าให้ฟังครับ
แชร์กันมาว่า … “เมื่อมีคนประเทศญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ เกาหลีเหนือ สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย กำลังพูดคุยกันอยู่ จากนั้นคนญี่ปุ่นจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำ จึงบอกว่า
■ญี่ปุ่น (*゚ー゚) : "เอ่อคือ ฉันขอโทษ ขอโทษจริงๆ ฉันขอไปห้องน้ำก่อน " คนสหรัฐอเมริกา รัสเซีย เกาหลีใต้ เกาหลีเหนือ และจีน จึงพูดพร้อมกันว่า いっていらっしゃい! Itteratshai! เชิญค่ะๆ ยินดีเลย ไปดีมาดีนะ take care , see you !
⭐︎ เมื่อคนญี่ปุ่นไปเข้าห้องน้ำ คนอื่นๆ ที่เหลือก็หารือกันว่าจะทำให้ญี่ปุ่นโกรธได้อย่างไร? ⭐︎
■จีน ( `ハ´): พูดเบาๆ ว่า "ฉันอยากจะทำให้ญี่ปุ่นโกรธจริงๆ แต่มันยากเหลือเกิน เขาไม่เห็นจะโกรธแม้ว่าฉันจะขับเรือดำน้ำรุกเข้าไปในอาณาเขตทะเลก็ตาม"!
■เกาหลีใต้ <`∀´> : "ญี่ปุ่นก็ยังไม่โกรธแม้ว่าฉันจะเข้าครอบครองเกาะเล็กๆ แห่งนั้น"!
■รัสเซีย (•̀3•́ ): "เออเขาไม่โกรธแม้ว่าฉันจะไม่คืนดินแดนทางเหนือก็ตาม"!
■เกาหลีเหนือ <Д´〃 > : "ถ้าอย่างนั้นฉันจะพยายามยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ดูดีกว่ามั้ย? "
■สหรัฐอเมริกา ( ´,_ゝ`): "ไม่ๆ ฉันเคยลองแล้ว"
สหรัฐอเมริกา รัสเซีย เกาหลีใต้ จีน และเกาหลีเหนือ "งั้นเราควรทําอย่างไร ... (ทำสีหน้าครุ่นคิด)"
■จีนและเกาหลีใต้ : "เราพยายามส่งอาชญากรจำนวนมากเข้าไปเพื่อทำให้ญี่ปุ่นโกรธ แต่ตรงกันข้าม พวกเขากำลังมีนโยบายยกเว้นวีซ่า..."!
■เกาหลีเหนือ และรัสเซีย : "อืมม..."
■สหรัฐอเมริกา : "... โอ้ แต่ฉันส่งเนื้อวัวที่มีโรคไป คนญี่ปุ่นโกรธมาก.."
■รัสเซีย เกาหลี จีน และเกาหลีเหนือ : "นั่นมันก็น่าทำให้โกรธอยู่ "
■จีน : "ถ้าส่งผักที่มีสารพิษ (ยาฆ่าแมลง) โกรธไหม? "
■เกาหลีใต้ : "ส่งเกี๊ยวซ่าปนเปื้อนสารพิษก็โกรธเหมือนกัน"
■สหรัฐอเมริกา : "รู้สึกจะชอบส่งอาหารปนเปื้อนกันจังนะ อย่าพูดดีกว่ามั้ย"
■รัสเซีย : "เขาไม่โกรธอะไร นอกจากเรื่องอาหารใช่ไหม"
■สหรัฐอเมริกา เกาหลี จีน และจีนเหนือ : "อา!"
(°▽°)! (°▽°)! (°▽°)! (°▽°)! (°▽°)!
จากเรื่อง copy and paste ข้างบนแซวกันว่าไม่ว่าจะทำอย่างไรญี่ปุ่นก็ไม่โกรธ ยกเว้นเรื่องเกี่ยวกับอาหารและโภชนาการเท่านั้นที่ทำให้ญี่ปุ่นหัวเสียได้!! จะบอกว่าคนญี่ปุ่นค่อนข้างจะอ่อนไหวและมีความเข้มงวดในเรื่องของอาหารการกินและโภชนาการมากจริงๆ ครับ ส่วนใหญ่จะถูกปลูกฝังกันมาให้รับประทานอาหารให้หมด รู้จักคุณค่าของอาหารการกิน เช่น ถ้าไปร้านอาหารแล้วสั่งแบบพิเศษแต่ว่าจริงๆ ตัวเองอิ่มแล้วกินไม่หมดอย่างนี้ก็ค่อนข้างเสียมารยาทและไม่สมควรทำ
แม้ว่าสมัยนี้อาจจะประนีประนอมกันมากขึ้นแต่สมัยก่อนเข้มงวดยิ่งกว่านี้ครับ ใครไปรับประทานอาหารที่ร้านแล้วสั่งแบบใหญ่หรือพิเศษมาแล้วกินไม่หมดเนี่ยอาจจะโดนที่ร้านห้ามเข้าอีกเลยก็เป็นไปได้ และอีกเรื่องหนึ่งคือเวลาไปรับประทานอาหารบุฟเฟต์ต่างๆ ถ้าออเดอร์มาเหลือเกินจำเป็น กินไม่หมดอย่างนี้ถือว่าเสียมารยาทกับร้านมากครับ
ผมเคยเห็นบางทีที่เพื่อนคนไทยรับประทานอาหารไม่หมด บางคนจะเหลือไว้นิดหน่อย เหมือนกับว่าเป็นมารยาทอะไรบางอย่าง แต่ที่ญี่ปุ่นไม่ได้เลยต้องกินให้หมดให้เกลี้ยง เหตุผลหนึ่งที่ผมคุยเรื่องอาหารเพราะวันก่อนผมไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารตุรกีแห่งหนึ่ง แล้วน่าจะเป็นแขกอาหรับ 2 คนเข้ามาสั่งอาหารเต็มโต๊ะเลย แต่ไม่แน่ใจว่าเขากินไปบ้างหรือเปล่า หรือไม่กินเลยก็ไม่รู้เพราะอยู่ดีๆ เขาก็ลุกออกไปเลย พนักงานที่ร้านยังตกใจที่อาหารเหลือเต็มโต๊ะ ผมเห็นแบบนี้แล้วรู้ตัวเลยว่า ผมเป็นคนญี่ปุ่นแน่ๆ แล้ว รู้สึกเสียดายอาหารมากครับ “ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง อย่ากินทิ้งขว้าง เป็นของมีค่า” วันนี้เล่าสู่กันฟัง พบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีครับ