xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องที่ไม่ควรพูดตรงๆ ในสังคมญี่ปุ่น!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้ว เพื่อนๆ สบายดีไหมครับ มีเรื่องที่แชร์กันใน SNS ญี่ปุ่นหลายเรื่องและมีเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับข้อแนะนำการพูดที่น่าสนใจมาก บางคนบอกว่าการพูดตรงไปตรงมาเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่เขาบอกว่าบางทีการพูดออกมาตรงๆ ก็ไม่ดี เพราะลึกๆ แล้วคนญี่ปุ่นมีความขี้อิจฉากันสูงมากครับ เรื่องที่คนญี่ปุ่นแนะนำว่าไม่ควรเล่าให้เพื่อนฟังตรงๆ มีอะไรบ้าง

อันดับที่ 10 เคยผ่านการมีเซ็กซ์มากี่คน
มีคนมาคอมเมนต์ความคิดเห็นนี้ว่า ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผู้หญิงหรือผู้ชายไม่ว่าจะใครก็ตาม แม้ว่าบางคนอาจจะเคยผ่านมาเยอะแต่อย่าบอกออกไปตามตรง มีคนบอกว่าถ้าเกิน 10 คน ให้บอกแค่ 4-5 คนก็พอ ผู้ชายบอกเยอะได้แต่ผู้หญิงบอกน้อยหน่อย


อันดับที่ 9 อย่าไปพูดเล่าเรื่องแฟนเก่า
เพราะมันเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ปล่อยให้ผ่านไปเสีย อย่าไปขุดคุ้ยมาเล่า การเล่าเรื่องแฟนเก่าไม่มีประโยชน์อะไร มิหนำซ้ำจะทำให้รู้สึกไม่ดีต่อกันได้


อันดับที่ 8 มีเงินฝาก (เงินเก็บเงินออม) เท่าไหร่
โดยเฉพาะช่วงคบหาดูใจกัน ถ้าพูดออกไปตรงๆ อาจจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามรีบตัดสินใจแต่งงานแบบผิดปกติก็ได้นะ ถ้ารู้ว่าแฟนมีเงินฝากมากมาย กลายเป็นว่าไม่ได้แต่งเพราะความรักความเข้าใจ แต่แต่งเพราะต้องการเงินของอีกฝ่ายก็ได้ใครจะรู้


อันดับที่ 7 ไม่พูดเรื่องของขวัญที่ได้รับจากแฟนหรือพ่อแม่สามี (ภรรยา)
ซึ่งผมรู้สึกว่าน่าสนใจครับประเด็นนี้ บางคนไปเล่าว่าได้รับของขวัญอะไรจากพ่อแม่ของฝ่ายสามี ถ้าเป็นของที่ไม่น่าพอใจ อาจทำให้คนให้เสียหน้าได้ แต่ถ้าเป็นของราคาแพง ของมีมูลค่ามากก็อาจทำให้คนฟังรู้สึกอิจฉาตาร้อน สิ่งสำคัญคือเวลาคุยกับฝ่ายตรงข้ามจะต้องรักษาน้ำใจกัน เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ไม่โอ้อวด ตัวอย่างเช่น สมมติว่าเราไปพูดแบบอวดโชว์ว่า วาเลนไทน์หรือวันเกิดได้ของขวัญอะไรมา แต่ว่าเพื่อนที่ฟังอาจจะไม่ได้ของอะไรเลย ก็อาจทำให้เกิดความอิจฉาริษยากัน แล้วทำให้มองหน้ากันไม่ติดได้ ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่ดี ควรเห็นอกเห็นใจกันจึงต้องระวังให้มาก


อันดับที่ 6 ไม่ควรเล่าเรื่องอาชีพและรายได้ของสามีให้เพื่อนๆ ฟัง
เพราะอาจโดนนินทาและพยายามแข่งขันกัน เหมือนอยากจะเอาชนะกัน หรือเกิดความอิจฉาระหว่างแม่บ้านด้วยกัน ยิ่งถ้าในกลุ่มแม่บ้านนั้นมีลูกๆ ที่เป็นเพื่อนกันอีกก็จะทำให้ลูกๆ รู้สึกเหมือนแตกแยกกันไปด้วยและจะเกิดการอิจฉาได้ และยิ่งกว่านั้นอาจมีการดูถูกกัน แม้ว่าคนญี่ปุ่นจะไม่ค่อยแสดงออกแต่จะฝังเก็บไว้ในใจเสมอ ยิ่งสะสมก็รู้สึกแปลกแยกไปเรื่อยๆ


อันดับที่ 5 ไม่ควรบอกเหตุผลการลาหยุดงานว่าป่วยเล็กๆ น้อยๆ
ข้อนี้แปลกไหม คนญี่ปุ่นที่มักจะทุ่มเทให้การทำงานมาก ถึงแม้ว่าสุขภาพไม่ดีแต่ถ้าบอกไปว่าป่วยรู้ไหมว่ามีคนบางคนคิดว่าจริงหรือเปล่า? แล้วถ้าเราหายแล้ว มีสุขภาพดีขึ้นมาคนก็ยังจะหาว่าเราโกหกได้ จริงๆ ส่วนใหญ่เวลาลาหยุดงานจึงมักจะใช้เหตุผลการลาว่ามีธุระมากกว่า ผมเห็นคนไทยคือถ้าป่วยก็พูดไปเลยว่าป่วย ปวดท้อง ปวดหัว ปวดฟันอะไรก็ว่าไปแล้วขอลาหยุด แต่ว่าคนญี่ปุ่นจะค่อนข้างอ่อนไหวกับมุมมองการลาด้วยอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นโควิดก็อาจจะบอกตรงๆ ได้ เพราะเป็นโรคติดต่อคนฟังเข้าใจได้ แต่ถ้าใช้เหตุผลในการลาหยุดว่าปวดหัว ท้องเสีย ส่วนใหญ่คนญี่ปุ่นจะมองไม่ดีเท่าไหร่

อันดับที่ 4 ไม่ควรบอกคนอื่นว่าถือใบขับขี่ที่เรียกกันว่าใบขับขี่กระดาษ (Paper Driver)
หมายถึงมีใบขับขี่แต่ไม่ค่อยหรือไม่เคยขับรถยนต์เลย หรือขับรถไม่เก่งไม่คล่อง แบบนี้ไม่ต้องบอกคนอื่น จริงๆ แล้วคนญี่ปุ่นหลายคนมีใบขับขี่แต่ไม่เคยขับรถ แล้วทำไมถึงไม่ควรพูดตามตรงเพราะคนฟังจะช่วยกันแนะนำแน่ๆ ว่าให้ไปเรียนให้ไปอบรมให้ไปฝึก แล้วมันจะกลายเป็นเรื่องที่ต้องรบกวนคนอื่นต่อไป คนญี่ปุ่นจึงเกรงใจตรงนี้ด้วยก็เลยไม่พูดดีกว่า


อันดับที่ 3 ไม่ควรเล่าความจริงว่าตอนว่างงานเราอยู่ไหนทำอะไร
ช่วงหางานและยังหางานไม่ได้หรือตกงานเตะฝุ่นไม่ว่านานแค่ไหนก็ตาม อย่าไปเล่าว่าทำอะไรอยู่ที่ไหน เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่ไม่ควรพูดเพราะว่าคนญี่ปุ่นค่อนข้างจะจริงจังมาก อย่างที่บอกไปแล้วว่าคนญี่ปุ่นมีระบบหางานที่ไม่เหมือนประเทศอื่น และพนักงานมักจะอยู่กันยาวๆ แต่กรณีที่ออกกลางคันเพราะบริษัทนั้นล้มละลายแบบนี้คนญี่ปุ่นก็อาจจะพอเห็นใจได้ แต่ก็มิควรหางานนานเกิน 6 เดือน แต่คนที่ลาออกจากงานเอง ที่ไม่สามารถอยู่ยาวๆ เหมือนคนญี่ปุ่นทั่วไปอาจจะเกิดจากการที่เขาเข้ากับสิ่งแวดล้อมในที่ทำงานนั้นไม่ได้ มีกรณีทะเลาะวิวาทหรืออาจทำผิดอะไรสักอย่างในบริษัทเดิม คือถ้ากรณีแบบนี้แต่ไม่รีบหางานใหม่ให้ไว แล้วทิ้งระยะเวลาตกงานเตะฝุ่นอยู่เป็นปีสองปี จะทำให้บุคคลผู้นั้นหางานไม่ได้อีกเลยก็เป็นได้ เมื่อห่างเหินจากการทำงานไปนานอาจจะโดนทางฝ่ายบุคคลบริษัทใหม่สัมภาษณ์ถามว่าระหว่าง 2 ปีที่ไม่ได้ทำงาน ไปทำอะไร? ซึ่งเป็นคำถามที่โดนถามแน่นอน จริงๆ แล้วอย่างที่บอกไปว่าไม่ควรพูดความจริง แต่ถ้าโดนถามเพราะข้อมูลมันว่างไป 2 ปีอย่างนี้ก็ตอบยากเหมือนกันนะครับ ถือว่าเป็นคำถามที่น่ากลัวจริงๆ


อันดับที่ 2 ไม่ควรบอกว่าได้รับมรดก
คือคนญี่ปุ่นจะมีความแปลกอย่างหนึ่งก็คือถ้าคนไหนร่ำรวยขึ้นมาจากความพยายามทำธุรกิจหรือเป็นคนที่เก็บเงินเก่ง จากการค้าขายหรือทำงานเป็นพนักงานอะไรก็ตามที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงตัวเองแล้ว คนอื่นๆ จะไม่ค่อยกล้าไปขอหยิบยืมเงินของคนนั้น แต่ถ้าใครถูกหวยรวยขึ้นมาหรือได้รับมรดกหรืออะไรที่ได้รับเงินมาง่ายๆ แล้ว จะมีคนไปยืมเงินแน่นอน


อันดับที่ 1 ไม่ควรพูดเรื่องการเมืองและศาสนา
คือไม่ควรพูดตรงๆ นะว่าตัวเองคิดเห็นอย่างไร มีมุมมองอย่างไรกับเรื่องพวกนี้ เพราะว่าอาจจะทำให้เกิดความแตกแยกและขัดแย้งได้ เรื่องนี้ไม่ควรพูดกันอย่างเด็ดขาดเป็นเรื่องจริง คนญี่ปุ่นถือว่าเป็นเรื่องอ่อนไหวและซีเรียสนะครับอย่าไปพูดตรงๆ มากนัก

เป็นอย่างไรครับ มีใครชอบพูดเรื่องไหนบ้างไหม แต่กับคนญี่ปุ่นต้องระวังเหมือนกันครับ ปกติแล้วการพูดความจริง พูดอย่างตรงไปตรงมาเป็นสิ่งที่ ดีแต่บางเรื่องการพูดตรงๆ มันก็เป็นเรื่องที่ไม่ดีเหมือนกันจากที่ข้อความแชร์กันมา 10 ข้อนี้ผมก็เห็นว่าเป็นเรื่องจริงที่น่าสนในสังคมญี่ปุ่นเลยทีเดียว วันนี้เล่าสู่กันฟัง พบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น