สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้ว อาทิตย์ที่แล้วเล่าเกี่ยวกับมิตรภาพกับคนญี่ปุ่น ดูเหมือนว่าคนญี่ปุ่นที่เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่หรือคนที่เข้ามาเรียนมาทำงานในเมืองหลวง เมืองใหญ่ๆ นานๆ ไปจะห่างหายจากเพื่อนเก่าๆ ที่เคยรู้จัก และเกิดความรู้สึกเหงาเศร้าใจคิดว่าตัวเองมีเพื่อนน้อยลง ที่ญี่ปุ่นจะมีแค่บางเคสเท่านั้นที่เป็นเหตุให้คนอิจฉากันและเกิดการกลั่นแกล้งปล่อยให้เพื่อนโดดเดี่ยวนั่นคือ เมื่อคนที่เข้าทำงานในรุ่นเดียวกันเลื่อนตำแหน่งไปคนเดียว เป็นต้น แต่ที่จริงแล้วผมว่าเพื่อนแท้เขาจะยังอยู่และคอยช่วยเหลือดูแลกันได้เสมอๆ
คนญี่ปุ่นที่เข้าทำงานพร้อมกันในรุ่นเดียวกัน แม้จะอายุต่างกันแต่จะเป็นเพื่อนกันได้เพราะเขาผ่านการอบรมต่างๆ พร้อมกัน ได้ทำงานร่วมกัน ไปรับประทานอาหารหรือไปปาร์ตี้สังสรรค์กลุ่มเดียวกันบ่อยๆ จนสนิทสนมกัน แต่คนญี่ปุ่นที่ทำงานอิสระ หรือเปิดบริษัทตัวเอง จะห่างเหินจากกลุ่มเพื่อนและจะรู้สึกโดดเดี่ยวได้ เพราะคนที่ทำงานอิสระมักจะทำงานกันคนละเวลากับผู้ที่ทำงานเป็นพนักงานเงินเดือนที่มีกลุ่มเพื่อนไปสังสรรค์หลังเลิกงานหรือไปปาร์ตี้วันเสาร์อาทิตย์ หรือไปตีกอล์ฟด้วยกัน แต่คนที่ทำงานอิสระอาจจะต้องทำงานวันเสาร์อาทิตย์ หรือทำงานของตัวเองจึงมีเวลาไม่ตรงกับเพื่อน
วันนี้จะเล่าเรื่องที่แชร์กันใน SNS ครับ ที่ญี่ปุ่นมีศัพท์ที่เรียกว่าก๊อบปี้แอนด์เพลส ( copy and paste コピー&ペースト) เป็นการคัดลอกข้อความและวางในอีเมลหรือระบบส่งข้อความทันที หรือการแชร์ข้อมูลต่อๆ กันนั้นเอง ซึ่งคำศัพท์ก๊อบปี้แอนด์เพลส มีตั้งแต่สมัยที่ผมเรียนจบใหม่ๆ ตอนนั้นทุกคนใช้คอมพิวเตอร์กันเป็นปกติแล้วจะแชร์บทความดีๆ ที่น่าสนใจต่อๆ กันไป ซึ่งที่จริงแล้วเรื่องก๊อบปี้แอนด์เพลสที่จะเล่าในวันนี้เป็นเรื่องที่เคยแชร์กันมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ 17 ปีที่แล้ว แต่ปัจจุบันมันกลับมาเป็นที่สนใจและถูกกล่าวถึงอีกครั้งเกี่ยวกับเพื่อน เพราะมันคือเครื่องที่คนสมัยนี้มีประสบการณ์ตรงกับตัว มันเลยทัชใจ มีเรื่องเล่าโดยสังเขป คือ
“… นายเอ และนายบีเป็นเพื่อนกัน
นายเอทำงานเป็นพนักงานบริษัท
ส่วนนายบีเป็นพนักงานพาร์ทไทม์
นายเอครุ่นคิดหลายสิ่งในหัว
ทุกครั้งที่ทั้ง 2 คนไปดื่มสังสรรค์ด้วยกันบ่อยๆ
นายเอ (คิด): เฮ้! บีเวลาไปกินเหล้ากับนายทีไรเห็นเลือกแต่ร้านเหล้าถูกๆ ราคาไม่เกิน 3,000 เยนทุกครั้งเลยนะ ไอ้ร้านล่าสุดที่ได้ไปกินกับนายก็เป็นร้านแบบถูกๆ อย่างนี้เสมอ ฉันยังจำได้ ตอนที่เราเพิ่งเรียนจบมัธยมปลาย ฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ และไม่มีงานทำ ต้องเตะฝุ่นอยู่อีกเป็นปี จนสอบได้ในปีถัดไป ตอนนั้นนายเลือกทำงานเป็นพาร์ทไทม์ได้เงินเดือน 200,000 เยน แล้วนายก็พาฉันมาเลี้ยงเหล้าที่ร้านแถวนี้ นายพูดว่า
บี (พูดตอนนั้น) : ผมมาดื่มที่ร้านอิซากายะแบบนี้ทุกวัน เพราะมีเงินเยอะใช้ไม่หมด (555+ และหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ)
จากนั้นปีต่อมา นายเอสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้และเมื่อร่ำเรียนจนจบการศึกษา ก็ได้ทำงานเป็นพนักงานบริษัท ได้เงินเดือนแรก 220,000 เยน ฝ่ายบีมีรายได้ 300,000 ต่อเดือนในเวลานั้น และดูจะมีความภูมิใจในตัวเอง เขาบอกว่าตัวเองทำงานอย่างหนัก ทำงานไม่มีวันหยุด ทำงานโอทีทุกวัน มีเงินเยอะมาก ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ทั้งคู่ก็ยังคุยกันในร้านเหล้าอิซากายะราคาถูกแบบเดิม
และเมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี
พวกเขาก็ยังนัดเจอกันที่ร้านอิซากายะราคาถูกแบบเดิม
นายเอ (คิด) : ที่จริงร้านอิซากายะราคาถูกแบบนี้ไม่ไปกินกับคนอื่นนะ แต่ก็ยอมมากับนายบีคนเดียวนี่แหละ ถึงราคาจะถูกแต่ก็ไม่ผิดหรอก และที่จริงไม่ต้องถึงกับไปร้านอิซากายะที่มีหญิงบริการก็ได้ เพียงแต่ว่าดูสีของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สิมันไม่ใสแต่มันขุ่นเหมือนกับน้ำในท่อน้ำทิ้ง และคิดว่าน้ำมันที่ใช้ทำอาหารก็ดูเก่าแล้วไม่ดีต่อสุขภาพ อาหารบางจานก็ดูสกปรก มีไขมันเยอะ และไม่ถูกสุขอนามัย ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนกินยาพิษเข้าไป ถ้าต้องจ่ายเงิน 3,000 เยน แล้วได้คุณภาพสินค้าอาหารแบบนี้ยอมทิ้ง 3,000 แล้วไปร้านที่ดูเหมาะสมกับค่าเงินได้อาหารเครื่องดื่มที่มีคุณภาพให้มันเหมาะกับช่วงวัยและหน้าที่การงานไม่ดีกว่าหรอ
นายเอ (คิด) : แต่ตอนที่จ่ายเงินฉันแอบเห็นกระเป๋าสตางค์ที่ดูสกปรกของนายและนายค่อยๆ หยิบธนบัตรที่ยับยู่ยี่ 3,000 เยน .. เห็นแบบนี้แล้วไม่สามารถชวนนายไปร้านที่ดีกว่านี้เลย แล้วก็คิดต่อว่า ฉันได้ยินมาว่านายถูกไล่ออกจากงานใช่ไหม?! ตอนนี้ร่างกายของนายก็แย่มากแล้วใช่ไหม?! นายทำงานตั้งแต่อายุยังน้อยและก็ทำเรื่อยมา แต่พออายุมากขึ้นร่างกายที่ทำงานหนักมาตลอดมันก็มีความเสื่อมในด้านต่างๆ แล้วพวกพนักงานพาร์ทไทม์และพวกฟรีแลนซ์รุ่นเยาว์ที่เข้ามาใหม่ๆ ที่เข้ามาแย่งงานอีก นายเลยถูกมองว่าเป็นน้ำมันดิบที่ไร้ประโยชน์ แต่ก็ยังคงรับใช้อย่างสิ้นหวังและหาทํางานพาร์ทไทม์ต่อไป
นายเอ (คิด) : นายเองตั้งแต่เด็กมาจนถึงตอนนี้ก็คือทำงานพาร์ทไทม์มานานแล้วไม่ได้มีความฝันว่าจะเติบโตในหน้าที่การงาน ทำพาร์ทไทม์ไปตลอดเมื่อบริษัทเห็นประสิทธิภาพการทำงานแย่ลง ทางบริษัทก็จะรู้สึกว่าใช้ไม่ได้แล้ว ฉันไม่อยากถามความจริงแต่นายกำลังเป็นอย่างที่ฉันคิดใช่ไหม แต่ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว..
อย่าพูดถึงอิซากายะแบบเดียวกับเมื่อสิบปีก่อน อย่าพูดถึงความฝันแบบเดียวกับเมื่อสิบปีก่อนโดยไม่เคยใช้ความพยายามใดๆ แบบนี้!..”
เรื่องนี้อาจได้มุมมองจากคุณเอ เมื่อก่อนคนญี่ปุ่นชอบคุณเอ แต่แปลกที่เดี๋ยวนี้คนญี่ปุ่นหลายคนกล่าวว่าประทับใจบี เพราะว่าปัจจุบันนายเอคงมีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง เงินเดือนสูง ซึ่งตรงข้ามกับนายบี ที่ยังทำงานพาร์ทไทม์ด้วยความเจ็บปวดและยากจน แต่นายบียังยื่นความเป็นมิตรภาพดีๆ ให้นายเอเสมอ แม้ว่าจะคนละระดับกันก็ยังติดต่อไปมาหาสู่ วันนี้เล่าสู่กันฟังครับ พบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีครับ