สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว ผมได้อ่านวิจารณ์นักสตรีนิยมชื่อดังคนหนึ่งที่เคยออกมากล่าวว่า ถ้าผู้หญิงแต่งงานไปแล้วก็คือผูกสัญญาทาสนั่นเอง! เธอบอกว่าสมัยที่เธอเป็นนักศึกษามีชมรมที่รวมตัวกันของชาวคอมมิวนิสต์และผู้หญิงจะต้องเป็นฝ่ายทำข้าวปั้นแจกให้สมาชิกทุกคน หรือไม่ว่าจะเป็นชมรมกีฬาของโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ผู้หญิงต้องเป็นคนดูแลเรื่องทำอาหารให้ทีมชมรมอยู่ดี ยิ่งถ้าผู้หญิงแต่งงานไปแล้วก็คือทาสดีๆ นี่เอง!
ด้วยความที่เธอมีคนติดตามเยอะ ทำให้มีผู้หญิงที่อาจจะคลั่งไคล้ในลัทธิสตรีนิยมเหมือนกันและบรรดาแฟนคลับที่เชื่อถือเธอจำนวนมากไม่ได้แต่งงานตามคำที่เธอนำเสนอ แต่เมื่อสายขุดคุ้ยไปตามหาข่าวของเธอก็เหมือนจะมีข่าวว่า เธอไปแต่งงานกับศาสตราจารย์สูงวัยแห่งมหาวิทยาลัยชื่อดังแถมมีฐานะขั้นเศรษฐี ตอนแต่งสามีก็อายุเกือบเก้าสิบปีแล้วจากนั้นไม่กี่ปีสามีก็เสียชีวิต ทำให้เธอกลายเป็นเศรษฐีนีจากทรัพย์สินมรดกของสามี ทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจมาก คิดเห็นใจคนที่เคยเชื่อเธอ และยังค้างอยู่บนคานลงมาไม่ได้
สถานการณ์แบบนี้ที่ญี่ปุ่นเรียกว่า (ค้างอยู่ข้างบน จะปีนลงก็ไม่ได้แล้ว เพราะ)บันไดถูกดึงออกไปแล้ว!! เปรียบเหมือนคนที่กําลังยืนอยู่บนที่สูงอย่างเหงาและโดดเดี่ยวเพราะเชื่อเพื่อนที่บอกให้ปีนบันไดขึ้นไปๆ แต่เพื่อนกลับดึงบันไดนั้นออกไปเสียแล้ว สุดท้ายแล้วก็จะไม่มีใครรับผิดชอบต่อชีวิตของใคร ทำให้เหงาและโดดเดี่ยวโดยทำอะไรไม่ได้ ชาวโซเชี่ยลต่างก็วิจารณ์ว่านักสตรีนิยมคนนี้เหมือนพูดเพื่อจะให้สาวๆ ไม่ฝักใฝ่การแต่งงาน แต่กลายเป็นว่าเธอเองแอบไปแต่งงานกับคนรวยสูงอายุเสียนี่
พูดถึงเรื่องการแต่งงาน ในทางกลับกันมีเรื่องที่แชร์กันอย่างล้นหลามใน SNS เป็นกรณีของผู้ชายบ้าง ที่ออกมาให้มุมมองการใช้ชีวิตในมุมที่ว่าคนญี่ปุ่นวัยกลางคนที่ยังไม่ได้แต่งงาน สุดท้ายแล้วก็จะเป็นบ้า (เหมือนเขา) ในที่สุด เขาเล่าให้เป็นกรณีศึกษา ขอตัดมาคร่าวๆ ดังนี้ครับ
“…คนโสดวัยกลางคน นั้นสายเกินไปสําหรับทุกสิ่งแล้ว ผมจะบันทึกไว้ในขณะที่ยังพอมีสติสัมปชัญญะเหลืออยู่ ปัจจุบันผมอายุ 35 ปี สูง 166 ซม. หนัก 63 กก.
มีรายได้ต่อปี 5 ล้านเยน (ไม่มีโบนัส ทำงานล่วงเวลาคงที่ 45 ชั่วโมง ทำงานสํานักงานที่มีพนักงานประมาณ 1,000 คน) มีสินทรัพย์รวมเงินสด หุ้น และสินทรัพย์เพื่อการลงทุนประมาณ 4 ล้านเยน
ก่อนหน้าที่ยังเป็นวัยรุ่นไม่เคยคำนึงว่าเมื่ออายุมากขึ้นแล้วจะเจออะไรบ้าง แทบไม่สนใจอนาคตสูงวัยเลย แต่พอมาถึงวันนี้มันก็หนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูก ร่างกายของผมที่เคยเเข็งแรงสมบูรณ์ ไม่มีความผิดปกติอะไรเลยจนกระทั่งอายุเข้าสู่วัย 30 ต้นๆ มีหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไป อาทิ
・ความแข็งแรงทางกายภาพลดลง
ที่เคยทำงานล่วงเวลาได้ 40 หรือ 50 ชั่วโมง ตอนนี้ก็ยากขึ้นอย่างกะทันหัน
ผมไม่สามารถยืนบนรถไฟที่แออัดเป็นชั่วโมงๆ ได้
ไม่ว่าจะมีเวลานอนมากแค่ไหน ก็รู้สึกนอนไม่เพียงพอ
รู้สึกเหนื่อยง่ายและหายเหนื่อยยาก ร่างกายเหมือนจะเหนื่อยตลอดเวลา และจําความรู้สึกว่ามีพลังงานเต็มเปี่ยมไม่ได้เลย
・ความสามารถในการคิดลดลง
ไม่ใช่แค่ร่างกายเท่านั้น หัวสมองของผมก็ยังเหนื่อยอยู่ และต้องพยายามอย่างเต็มที่ที่จะบังคับให้มันทํางานอย่างเต็มประสิทธิภาพระหว่างทํางาน ถึงอย่างนั้นผมก็รู้สึกว่าการเคลื่อนไหวค่อยๆ แย่ลง
และยังต้องใช้พลังงานและสมาธิอย่างมากในการทําบางสิ่ง
・ความต้องการทางเพศลดลง
มันเป็นเรื่องจริง มันอาจจะสําคัญสําหรับผู้ชายด้วย แต่ละวันไม่มีความจําเป็นต้องช่วยตัวเอง และความสนใจในผู้หญิงก็หายไปด้วย ถ้าเป็นแค่นี้ก็เป็นแค่อาการแก่ก่อนวัย แต่เห็นได้ชัดว่ามีส่วนที่ผิดปกติไปแล้ว
・จู่ๆ ก็ไม่สามารถสนุกกับงานอดิเรกของตัวเองได้อีกต่อไป
อันที่จริงผมควรจะใช้ชีวิตกับงานอดิเรกและสนุกกับการเป็นโสด แต่วันหนึ่งผมก็หมดความสนใจ
ถึงขั้นไม่สนใจเลย และผมกําลังสูญเสียความสุขของชีวิตที่หายไปอย่างกะทันหัน
ต่อมาปมก็เริ่มเบื่ออาหาร แต่ปัญหาต่อไปที่มากกว่านั้นคือร่างกายของผมไม่ขยับ เมื่อผมกลับถึงบ้าน ผมมักจะทรุดตัวลงและยืนขึ้นไม่ได้ เมื่อก่อนเคยทําอาหาร ซักผ้า อาบน้ํา ทําความสะอาด ไปซื้อของได้ แต่ผมไม่สามารถทําเรื่องปกติแบบนี้ได้อีกต่อไป ปัญหาคือในวันหยุดสุดสัปดาห์ผมไม่สามารถลุกจากเตียงได้ กินและอาบน้ํายาก ผมแทบจะไม่ได้เข้าห้องน้ําเลย แต่หลังจากนั้นก็นอนไปเรื่อยๆ ทําอะไรไม่ได้จริงๆ ผมพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเขียนสิ่งนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์ ณ ตอนนี้
ตอนอายุ 31 ปี ผมมีรายได้มากกว่า 4 ล้านเยนต่อปี และมีครั้งหนึ่งที่ผมพยายามล่าหาคู่แต่งงานที่ศูนย์ให้คําปรึกษาการแต่งงาน ทำให้เงินออมเพียงเล็กน้อยหายไปกับค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่นการเดินทาง ค่าเข้าชม ค่าสมาชิกรายเดือน ค่าถ่ายรูป ค่าเสื้อผ้า ค่าร้านเสริมสวย ค่าขนส่ง ค่าชา เป็นต้น ในเวลานั้นผมไม่เก่งในการเข้าสังคมเลย ดังนั้นผมจึงคิดว่าจะอยู่คนเดียวต่อไป ผมคิดว่าผมเป็นคนที่ไม่เหมาะกับการแต่งงาน
เหมือนกับว่าเมื่ออายุมาถึง 35 ปี คืออายุขีดจํากัดของการแต่งงาน อาจเพราะเรื่องความแข็งแกร่งทางกายภาพ ความสามารถในการคิด ความอ่อนไหว มันไม่ง่ายเลยที่จะแต่งงานและเลี้ยงลูกหลังจากที่ทำงานหนัก อายุขนาดนี้แทบไม่มีโอกาสที่จะมีครอบครัว
ผมไม่รู้ว่าการตัดสินใจนั้นถูกต้องหรือไม่.. อย่างไรก็ตาม คนวัยกลางคนและยังโสดถูกมองด้วยสายตาแง่ลบจากสังคม และไม่ได้รับความไว้วางใจทางสังคม ยิ่งภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ภาษีสินค้ายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราคาของต่างๆ ก็ยังคงสูงขึ้นไม่หยุด
แม้ผมเห็นขีดจํากัดของตัวเอง ไม่สามารถเป็นอยู่คนเดียวได้ ความฝันและความหวังไม่เป็นจริง ความสุขในการใช้ชีวิตก็หายไปเช่นกัน ถ้าผมสร้างครอบครัวไปตั้งแต่ต้น คงจะมีครอบครัวอยู่พร้อมหน้า แต่ผมไม่สามารถหาสิ่งนั้นได้แล้วในตอนนี้ ผมกําลังเสียกำลังชีวิตอย่างสมบูรณ์ คงต้องยอมรับความพ่ายแพ้ ถ้าเป็นชีวิตที่น่าสังเวชที่เลวร้ายลงในอนาคต มันก็คงจบลง เหนื่อยล้าเหลือเกิน…
ผมจึงอยากแนะนำคนในช่วงวัย 20 ปี ให้มีความรัก แต่งงาน มีลูก และสร้างครอบครัว ซื้อบ้านและรถยนต์ และสร้างทรัพย์สินด้วยกัน ต้องตั้งเป้าไปที่เส้นทางตามธรรมชาติตั้งแต่เนิ่นๆ ..”
บทความของหนุ่มคนนี้ได้ถูกแชร์ จนกลายเป็นเรื่องที่คนพูดถึงกันอย่างมากในช่วงนี้ ซึ่งจริงๆ ผมก็เห็นด้วยกับหัวข้อที่เขาพูดว่าถ้ามีวิถีชีวิตไปตามธรรมชาติก็ควรจะหาคู่แต่งงาน ให้เป็นเพื่อนดูแลกันไปตั้งแต่วัยเริ่มเป็นผู้ใหญ่ เพราะว่าคนเดียวโดดเดี่ยวในสังคมญี่ปุ่นมาก สังคมญี่ปุ่นกำลังต้องการเยียวยา ก็อาจจะมีเคสที่กำลังป่วยเหมือนคนญี่ปุ่นคนนี้อีกหลายๆ คนที่กำลังเจอปัญหาเช่นนี้อยู่ วันนี้เล่าสู่กันฟังครับ พบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีครับ